ช่างใจดำอำมหิต

 

 

 

 

 

ถังเฉียนตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางรอคอยการมาถึงของหมอผีท่านนี้ด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม 

 

 

เช้าวันต่อมาถังเฉียนมาพบฉู่จิ่งเหยาและทำแผลให้เขาตามปกติ นางเพิ่งเข้ามาในห้องก็สังเกตเห็นแววตาที่ผิดปกติของจื่อเย่ว์ที่มองมายังนาง แต่จื่อเย่ว์ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้แก่นาง พอผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าฉู่จิ่งเหยานั่งอยู่หลังฉากกั้น ถังเฉียนมองผ่านช่องขนาดเล็กบนหน้ากากเห็นหลังฉากกั้นยังมีเงาดำของคนผู้หนึ่ง 

 

 

“ท่านอ๋อง หากท่านมีแขก ประเดี๋ยวอาหรูน่าค่อยมาใหม่”  

 

 

พอถังฉียนพูดจบ ฉู่จิ่งเหยาก็กระแอมคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า 

 

 

“อาหรูน่า รีบเข้ามาเถิด ท่านหมอผีใหญ่มาแล้ว” 

 

 

ถังเฉียนยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ถือถาดอยู่ แต่กลับก้าวเดินเร็วขึ้น พอเข้ามาในห้องก็มองร่างในชุดดำ แต่เมื่อเห็นหน้ากากที่นางคุ้นเคยดีก็รู้สึกเครียดขึ้นในทันที 

 

 

“เหตุใดถึงเป็นเจ้า” 

 

 

ถังเฉียนกำถาดไว้แน่น ความรู้สึกโกรธแค้นผุดขึ้นในใจอย่างฉับพลัน หมอผีที่สวมหน้ากากบุปผาดำห้าวงลุกขึ้นยืนช้าๆ นางก็คือหมอผีที่เกือบทำร้ายถังเฉียนจนเจียนตาย การปรากฏตัวของนางทำให้ชีวิตถังเฉียนเปลี่ยนไป 

 

 

ถังเฉียนมองนาง ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย แม้ว่านางจะมอบฐานะหมอผีให้กับถังเฉียน แต่ก็เป็นนางที่ทำให้ถังเวยตกอยู่ในอันตรายและยังทำให้ถังอวิ๋นเสียชีวิต ทั้งๆ ที่นางรับปากแล้วว่าจะดูแลน้องสาวทั้งสองของนาง 

 

 

“อาหรูน่า ท่านผู้นี้คือหมอผีฮว่าเหยียน นางเป็นหมอผีใหญ่ของเผ่าหมอผีสมุนไพรที่หมอผีศักดิ์สิทธิ์แนะนำ พวกเจ้าคงจะรู้จักกันกระมัง” 

 

 

ถังเฉียนมองดูคนที่นางคุ้นเคยดียิ่งกว่าอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังหน้ากากคงจะร้องไห้อย่างเด็กที่อ่อนแอแน่นอน 

 

 

“ใช่แล้ว ท่านอ๋อง” 

 

 

คำตอบนี้ไม่มีน้ำเสียงผิดปกติ ฉู่จิ่งเหยามองดูท่าทางระหว่างหมอผีทั้งสอง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับมีแรงกระเพื่อมลับๆ ที่มองไม่เห็นระหว่างคนทั้งสอง เขาพูดอย่างเรียบเฉยว่า 

 

 

“อาหรูน่า วันนี้ให้จื่อเย่ว์ทำแผลแทนเถิด พวกเจ้าคงมีเรื่องคุยกันมากมาย” 

 

 

หมอผีที่ถูกเรียกว่าฮว่าเหยียนยืนขึ้นอย่างช้าๆ แสดงความคารวะต่อฉู่จิ่งเหยา แล้วเดินออกไปเงียบๆ ขณะที่ผ่านถังเฉียนก็พูดเบาๆ ว่า 

 

 

“ข้าจะรอเจ้าที่เรือนฮั่นต้าน” 

 

 

ดวงตาของถังเฉียนฉายแววเจ็บปวดทรมานออกมา นางยังคงกัดฟันแน่น แล้ววางถาดลงตรงหน้าฉู่จิ่งเหยา แต่เผลอชนถูกถ้วยชาฉู่จิ่งเหยาคว่ำ ทำให้น้ำชาเปียกโดนจดหมายทั้งฉบับที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จ ดูแล้วแทบจะอ่านเนื้อหาในจดหมายไม่ออก แต่ถังเฉียนมองเห็นชื่อที่คุ้นเคยที่มุมล่าง ทำให้แทบหยุดหายใจลงในทันที นางล้วงผ้าแพรออกมาหมายช่วยเขาเช็ด ฉู่จิ่งเหยารับผ้าเช็ดหน้าจากมือนาง แล้วเหลือบมองแขนส่วนหนึ่งที่โผล่ออกมาโดยที่นางไม่ตั้งใจ 

 

 

“ข้าค่อยเขียนใหม่ก็แล้วกัน” 

 

 

ถังเฉียนถอยหลังออกไปสองก้าว อยากจะออกไปยิ่งนัก แต่พอนึกถึงคนผู้นั้น ก็ยังคงอดตื่นเต้นไม่ได้ สุดท้ายจำเป็นต้องเอ่ยถาม 

 

 

“ท่านอ๋อง ถังหรงเจินผู้นี้เป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเขา” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นมองนาง หยิบจดหมายแผ่นนั้นขึ้นมาขย้ำเป็นก้อน โยนไปข้างๆ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า 

 

 

“ท่านหมอสนใจเรื่องราวของเซวียนกั๋วด้วยหรือ” 

 

 

ถังเฉียนรู้ว่าตัวเองหุนหันเกินไป จึงแกล้งเดินไปข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า 

 

 

“ชื่อนี้เหมือนคนที่ข้าเคยรู้จัก อาหรูน่าเสียมารยาทแล้ว” 

 

 

ถังเฉียนพูดจบก็เดินไป นางรู้ดีว่าถ้าหากยังอยู่ต่อก็จะทำฉู่จิ่งเหยายิ่งสงสัย แน่นอนว่าตอนนี้เขาก็สงสัยนางแล้ว