บทที่ 7 เซียนสำนักไหน โดย Ink Stone_Fantasy
“ไปชั้นไหนคะ?”
เริ่นจื่อหลิงตัดสินใจลองหยั่งเชิงสาวน้อยคนนี้ดู
แต่หลังจากได้เห็นสาวน้อยคนนี้นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ล้วงหาใบปลิวที่พับไว้เรียบร้อยใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพาย “อืม…ที่…อ๊า! เจอแล้ว ชั้นสิบเอ็ดค่ะ!”
“ชั้นสิบเอ็ดเหรอ…” เริ่นจื่อหลิงมองดูปฏิกิริยาสาวน้อยคนนี้ “เธอจะมาสมัครเรียนพิเศษที่สถาบันนี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ!” สาวน้อยยิ้มสดใสให้เริ่นจื่อหลิง “พี่หลงบอกให้ฉันมาสมัครค่ะ”
แล้วพี่หลงที่ว่ามันใครกันล่ะ…บางทีสาวน้อยคนนี้คงเป็นพวกไม่ค่อยได้ออกจากบ้านล่ะมั้ง?
เป็นเด็กแปลกจริงๆ เล่นพูดเรื่องของตัวเองง่ายดายขนาดนี้เลย
“คุณป้าคะ คุณป้าก็มาเรียนพิเศษเหมือนกันเหรอคะ?” สาวน้อยเอียงคอถามทันที
คะ…คุณป้า??
เริ่นจื่อหลิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ สาวน้อยตรงหน้าคนนี้แบบไม่พูดไม่จา บางทีอาจจะด้วยรู้สึกกดดันมากเกินไป สาวน้อยจึงถอยหลังไปเรื่อยๆ จนตัวเธอชิดด้านหนึ่งของลิฟต์ หมดทางถอยแล้ว
“มี มีอะไรเหรอคะ?” สาวน้อยตื่นตระหนกเล็กน้อย
พี่หลงบอกว่าร่ายมนต์ไว้บนตัวเธอแล้ว บนโลกใบนี้มีน้อยคนที่จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ เธอก็ควรได้ใช้ชีวิตข้างนอกอย่างสบายใจไร้กังวลสิ
“มองฉัน ใช่! มองหน้าฉัน” เริ่นจื่อหลิงหรี่ตาพูดว่า “ดี แบบนี้แหละ บอกฉันมา ว่าฉันเหมือนป้าตรงไหน?”
“ตีน ตีนกา แล้วก็…ขอบตาคล้ำ สิว” สาวน้อยกลืนน้ำลายไปหลายอึก มือข้างหนึ่งป้องกันนมเท่อหลุนซูของตนเอง พร้อมตอบอย่างกังวลจนเหงื่อแตกพลั่ก
เริ่นจื่อหลิงถอยหลังไปหลายก้าวทันทีราวกับถูกโจมตีอย่างแรง เธอหันตัวไปอีกทาง แล้วล้วงตลับกระจกแต่งหน้าออกมาจากถุง ส่องดูหน้าตัวเองอย่างละเอียด
ตายแล้ว!! ช่วงที่ลั่วชิวไปเที่ยวเมือกนอกนี่ ก็ทำงานพักผ่อนไม่เป็นเวลาทุกๆ วัน ทำโอทีกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้เธอจะรู้ว่าตีวเองมีขอบตาดำคล้ำ แต่รอยตีนกานี่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? บ้าเอ๊ย…แล้วมีสิวตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
จะว่าไปแล้ว ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงตาดีขนาดนี้? ก่อนออกจากบ้านมาเธอยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ…เพิ่งจะมีตีนกาขึ้นสองเส้นจางๆ เอง
“เอ่อ…พี่สาวคะ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ตอนนี้สาวน้อยเห็นท่าแปลกๆ จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไร ฉันแค่…” เริ่นจื่อหลิงหันหน้าสี่สิบห้าองศาไปมองไฟแสดงชั้นของลิฟต์ ราวกับมองโลกอันแสนโดดเดี่ยวจากบนยอดเขา แล้วพูดว่า “รู้สึกเศร้าใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
“กัวซื่อเหนียง?” สาวน้อยชะงักไป แล้วพูดอย่างไร้เดียงสาโดยไม่รู้ว่าตัวเองไปซ้ำเติมอีกฝ่ายเข้าแล้ว “พี่หลงบอกว่า คนที่เคยอ่านหนังสือของกัวซื่อเหนียงแก่กันหมดแล้ว”
“อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ!”
วินาทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เริ่นจื่อหลิงก็พุ่งออกไปด้วยความเจ็บปวดใจเป็นที่สุด
…
แต่ไม่นานนักเริ่นจื่อหลิงก็ได้เจอสาวน้อยคนนี้อีกครั้ง ตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับหน้าสถาบันสอนพิเศษแห่งนี้นี่เอง
“ถ้าสมัครก็กรอกข้อมูลเอกสารนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ นี่คือใบสมัครของ…” พนักงานต้อนรับยื่นเอกสารใบสมัครให้ถึงมือสาวน้อย จากนั้นก็มองเริ่นจื่อหลิง “คุณผู้หญิง ก็มาสมัครด้วยเหรอคะ?”
“ทำไม มีปัญหาเหรอ?” เริ่นจื่อหลิงที่ยังเจ็บช้ำใจจากการโดนทำร้ายจิตใจมา ไม่มีอารมณ์จะฉีกยิ้มเป็นมิตร สายตาก็จ้องไปทางสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ พนักงานต้อนรับ
สาวน้อยสัมผัสได้ถึงแววตาอาฆาตจากอีกฝ่ายอย่างชัดเจน จึงก้มหน้าตกใจเหงื่อแตกพลั่กๆ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะมองตัวตนที่แท้จริงของเธอออกแล้ว
“ไม่ ไม่มีค่ะ” หลังจากพนักงานต้อนรับนิ่งอึ้งไป ก่อนยิ้มอย่างมีมารยาทพลางพูดว่า “ที่สถาบันเราก็มีคลาสติวเตอร์สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เปิดสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ไม่มีปัญหาเลยค่ะ”
“ฉันขอดูคุณสมบัติของติวเตอร์ แล้วก็เงื่อนไขการสอนของที่นี่ก่อนได้หรือเปล่า?” แต่เริ่นจื่อหลิงกลับโพล่งถามขึ้นมา
พนักงานต้อนรับยิ้มน้อยๆ พลางพูดว่า “ค่ะ ได้แน่นอน”
แล้วเธอก็มองเพื่อนร่วมงานข้างๆ ก่อนพูดสั่งว่า “เสี่ยวหลิวจ๊ะ พาคุณผู้หญิงท่านนี้ชมชั้นเรียนของพวกเราให้ทีนะ”
เริ่นจื่อหลิงเดินตามพนักงานต้อนรับอีกคนไป
ในที่สุดสาวน้อยก็รู้สึกว่าสายตาอาฆาตได้หายไปแล้ว จึงถอนหายใจโล่งอกเบาๆ แล้วดื่มนมเท่อหลุนซูที่ผลิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อปลอบขวัญตัวเอง ก่อนพูดขึ้นว่า “ฉันกรอกเสร็จแล้วค่ะ!”
“อืม…ลั่วเพียนเซียน ชื่อเราะจริงๆ ค่ะ” พนักงานต้อนรับมองอยู่ครู่หนึ่ง เธอยิ้มน้อยๆ แล้วมองดูผิวขาวสะอาดหมดจดของสาวน้อยคนนี้ อดปลงอนิจจังกับสิ่งดีๆ ในช่วงวัยรุ่นไม่ได้
“จริงเหรอคะ?” ปีศาจผีเสื้อน้อยยิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดโพล่งไปว่า “เป็นชื่อที่เถ้าแก่คนหนึ่งเปลี่ยนให้ฉันค่ะ”
ถึงแม้สงสัยว่าทำไมเถ้าแก่ถึงแก้ชื่อให้แทนคนในครอบครัว แต่พนักงานต้อนรับก็ไม่ได้ถามมาก แต่เริ่มอ่านแบบฟอร์มของอีกฝ่ายอย่างละเอียด
ไม่ทันไรเธอก็ขมวดคิ้ว มองลั่วเพียนเซียนพลางถามว่า “อืม คุณคะ คุณช่วยไปนั่งตรงนั้นหน่อยได้ไหม?”
“อ้อ ได้ค่ะ!”
พอพนักงานต้อนรับเห็นสาวน้อยหน้าตาสดใสคนนี้จากไปไกลแล้ว ถึงได้ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายถึงหัวหน้า “ผู้จัดการคะ เพิ่งมีลูกค้ามาคนหนึ่งค่ะ แต่ว่าข้อมูลการศึกษาแล้วก็โรงเรียนที่เรียนอยู่เขียนว่า ‘เรียนการศึกษานอกโรงเรียนผ่านทางไปรษณีย์*อยู่ที่บ้าน คุณคิดว่าได้ไหมคะ?”’
“เรียนทางไปรษณีย์อยู่ที่บ้าน? ลองให้เธอทำแบบทดสอบความรู้ชุดหนึ่งก่อนแล้วกัน”
“ได้ค่ะ” พนักงานต้อนรับพยักหน้า จากนั้นก็หันไปกวักมือเรียกลั่วเพียนเซียนทันที “คุณลั่ว กรุณาตามฉันมาค่ะ ยังต้องทำแบบทดสอบอีกชุดหนึ่งนะคะ”
“คะ ค่ะ”
…
เริ่นจื่อหลิงเดินวนดูที่นี่ไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติเลย
เหมือนกับที่หม่าโฮ่วเต๋อพูดไว้ไม่มีผิด อาจารย์ติวเตอร์ของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแค่คนแก่ที่เชิญกลับมาหลังเกษียณ ส่วนการขอพบเจ้าของสถาบันติวเตอร์จำพวกนี้ ก็ดูจะละเมิดสิทธิ์กันมากเกินไป
รองบรรณาธิการเริ่นที่ไม่อยากเปิดเผยฐานะนักข่าวของตนจึงปัดความคิดนี้ทิ้งไป เธอเดินตามพนักงานต้อนรับกลับมาที่หน้าเคาน์เตอร์ ก็พบว่าสาวน้อยเมื่อครู่คนนั้นหายไปแล้ว
“คุณคะ ไม่ทราบว่ายังมีอะไรอีกไหมคะ?”
“พวกคุณไม่มีข้อมูลเหรอ พวกแผ่นพับเล็กๆ อะไรแบบนี้? ฉันอยากเอากลับไปศึกษาดูสักหน่อย” เริ่นจื่อหลิงถามส่งๆ ไป
พนักงานต้อนรับพยักหน้า “ไม่มีปัญหาค่ะ กรุณารอสักครู่”
เริ่นจื่อหลิงพิงไปบนเคาน์เตอร์อย่างเบื่อหน่าย จู่ๆ สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นแบบฟอร์มใบสมัครที่สาวน้อยคนนั้นเพิ่งกรอกไป “ลั่วเพียนเซียน? พ่อเธอดูหนังโบราณมากไปหรือเปล่า? อายุสิบแปดปี?”
จู่ๆ เริ่นจื่อหลิงก็หรี่ตา พร้อมกับเลียริมฝีปาก ยิ้มราวกับเด็กขี้แกล้ง ก่อนแอบหยิบปากกาขึ้นมาเงียบๆ “ใครให้เธอเรียกฉันว่าคุณป้า”
แล้วเธอก็เติมขีดเล็กๆ ขีดหนึ่งไปด้านบนเลขหนึ่ง กลายเป็นเจ็ดสิบแปดแล้ว
ไม่ว่ายังไง รองบรรณาธิการเริ่นก็ต้องเอาชนะให้ได้
…
“อืม ถ้าผลการทดสอบออกแล้ว พวกเราจะแจ้งให้คุณทราบนะคะ” พนักงานต้อนรับมองลั่วเพียนเซียน…สาวน้อยคนนี้ทำแบบทดสอบเร็วมาก แค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ทำเสร็จไปสามชุดแล้ว เฉลี่ยชุดละครึ่งชั่วโมง
“จริงสิ นี่คือข้อมูลที่กรอกไปเมื่อกี้นี้ คุณลองดูอีกรอบนะคะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็กลับไปรอฟังผลได้เลยค่ะ” พนักงานต้อนรับมองแบบฟอร์มครู่หนึ่ง “เอ๊ะ ตรงนี้คุณกรอกผิดหรือเปล่าคะ?”
“คะ?”
“เจ็ดสิบแปด” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ตรงนี้เขียนว่าเจ็ดสิบแปดปีค่ะ”
ปีศาจผีเสื้อน้อยนิ่งอึ้งไปทันที เธอจำได้ว่าตัวเองเขียนถูกต้องทุกอย่าง เพราะกังวลว่าจะเผลอหลุดอะไรออกมา ดังนั้นเธอจึงตรวจทานไปหลายรอบแล้ว
แต่ว่า… เห็นชัดๆ ว่าเจ็ดสิบแปดเป็นอายุจริงๆ ของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจได้ไม่นานนัก แต่หากนับตามอายุปีศาจ อายุของเธอก็พอดีกับ…
ปีศาจผีเสื้อน้อยลองทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นบนแบบฟอร์ม ก็ได้กลิ่น…กลิ่นของพี่สาวคนนั้น
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!! เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้ว!
ทำยังไงดี!!
หลังจากปีศาจผีเสื้อน้อยกรอกข้อมูลใหม่อย่างรีบร้อน ก็รีบพุ่งออกจากประตูสถาบันสอนพิเศษแห่งนี้ไปทันที ก่อนพ้นประตูไปเหมือนว่าจะชนกับใครบางคนเข้า
เด็กหนุ่มที่อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตามองพื้น หน้าตาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ!”
ลั่วเพียนเซียนรีบพูดขอโทษ แล้วก็วิ่งไปตรงที่ไม่มีผู้คน ล้วงโทรศัพท์ออกมา “แย่แล้วค่ะ! พี่หลง มีคนรู้ตัวตนของฉันแล้ว…อืม เป็นผู้หญิงค่ะ…ไม่รู้ค่ะ ฉันจับสัมผัสกลิ่นอายปีศาจไม่ได้นะคะ…อืมๆ แววตาของเธอน่ากลัวมากเลยค่ะ…จริงๆ นะคะ! เธอรู้อายุจริงของฉันด้วยค่ะ! เพิ่งอายุเจ็ดสิบแปดปีพอดีเลยค่ะ…ทำยังไงดีคะ?”
“ผู้หญิงเหรอ? มองแวบเดียวก็รู้อายุจริงของเธอแล้ว?” หลงซีรั่วขมวดคิ้วอยู่ที่ปลายสาย ถึงแม้ปีศาจที่บำเพ็ญเพียรมานานจะรู้เบื้องหลังของปีศาจตัวกระจ้อยร่อยได้ แต่เดาอายุได้แม่นยำแบบนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้
โดยปกติแล้ว เธอก็ทำไม่ได้เหมือนกัน “หล่อนยังพูดอะไรอีกหรือเปล่า?”
ปีศาจผีเสื้อน้อยคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า “จริงสิ! เธอยังบอกอีกว่า อย่ามาให้เธอเห็นหน้าอีก อะไรประมาณนี้ค่ะ…”
หลงซีรั่วพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว เธอกลับมาก่อนแล้วกัน”
หลังจากหลงซีรั่ววางสาย เธอก็หรี่ตาลง “แน่มากเลยนะ…ฉันใช้มนตร์อำพรางไว้ก็ยังกล้ามาข่มขู่ มาดูหน่อยสิ เป็นเซียนสำนักไหนกัน”
เรียนการศึกษานอกโรงเรียนผ่านทางไปรษณีย์*เป็นการศึกษาในรูปแบบหนึ่ง ผ่านการศึกษาระบบทางไกล (ไปรษณีย์) โดยจะส่งอาจารย์มาสอบช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือปิดเทอมฤดูหนาวที่หน่วยงานคล้ายๆ สถาบันการศึกษานอกโรงเรียน