“พี่ใหญ่คะ..น้าหญิงไปที่เขาหลงเหมินครั้งนี้จะมีอันตรายมากมั๊ยคะ”
หนิงหลิงยู่ยืนอยู่ด้านหลังหลิงหยุนพึมพำออกมาขณะที่กำลังจ้องมองฉินตงเฉี่วยที่เดินหายลับตาไปดวงหน้างดงามชวนฝันนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยในขณะที่เอ่ยถาม.
ฉินจิวยื่อจากไปโดยไม่แม้แต่จะกล่าวคำร่ำลาและหลังจากที่เดินทางไปเขาเทียนซานแล้ว หนิงหลิงยู่กับฉินจิวยื่อก็ได้ห่างกันนานกว่าสองถึงสามเดือนแล้ว ทั้งที่ผ่านมาทั้งคู่แทบไม่เคยแยกจากกันด้วยซ้ำไป ฉินตงเฉี่วยเองก็รัก และเป็นห่วงหนิงหลิงยู่มากเช่นกัน นางถึงกับคอยแนะนำการฝึกวิชาให้กับหนิงหลิงยู่อย่างใกล้ชิด นับได้ว่าเข้ามาเติมเต็มแทนฉินจิวยื่อได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว..
ในจิตใจของหนิงหลิงยู่เวลานี้..ฉินตงเฉี่วยได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเธอไปแล้ว และรู้สึกผูกพันไม่ต่างจากแม่และพี่ชายของเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่หนิงหลิงยู่จะไม่รู้สึกกังวลใจ
หลิงหยุนยกมือขึ้นโอบไหล่หนิงหลิงยู่และหันไปยิ้มให้พร้อมกับตอบไปว่า “หลิงยู่.. จะต้องกังวลใจไปทำไมกัน น้าหญิงไปพบคนในสำนักนะ ไม่ได้ไปสู้กับมังกรร้ายซะหน่อย! จะมีอันตรายได้ยังไงกันเล่า?”
หลิงหยุนเห็นว่าหนิงหลิงยู่นั้นมีเรื่องให้กังวลใจมากแล้วจึงไม่ต้องการให้นางต้องเป็นกังวลมากไปกว่านี้อีก..
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนหนิงหลิงยู่ก็พยักหน้าพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ยังไงฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติอยู่ดี..”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“อาจเป็นเพราะหลายวันมานี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เธอก็เลยกังวลมากเกินไปน่ะสิ! ไม่ต้องห่วง.. ตราบใดที่พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ รับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับน้าหญิงได้แน่นอน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็กวาดสายตาไปรอบๆและบอกกับทุกคนว่า “เอาล่ะทุกคน.. เข้าบ้านกันได้แล้ว!”
หลิงหยุนหันกลับไปบอกทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ภายในใจนั้นกลับกระวนกระวายเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินเตงเฉี่วยเดินทางไปที่เขาหลงเหมิน..
แต่เมื่อกลับเข้าไปในบ้าน..ภาพที่หลิงหยุนเห็นก็ทำให้เขารู้สึกปิติยินดีอย่างมาก เมื่อทุกคนต่างก็กระวีกระวาดไปหยิบเบาะนั่ง แยกย้ายไปกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อฝึกฝนวิชา..
และเบาะนั่งนี้ก็เกิดจากความคิดของถังเมิ่งที่เห็นตี้เสี่ยวอู๋นั่งฝึกวิชาอยู่บนพื้นหญ้าบ้างบนพื้นหินบ้างตลอดทั้งวัน จึงได้ไปปรึกษาฉินตงเฉี่วย และไม่เพียงซื้อให้ตี้เสี่ยวอู๋ แต่ถังเมิ่งยังใจป้ำซื้อให้กับทุกๆคนได้ใช้กันอย่างทั่วถึงด้วย..
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาและเสี่ยวเม่ยหนิงไปนั่งทางด้านตะวันตกของบ้าน ส่วนหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านตะวันตก ในขณะที่หนิงหลิงยู่ไปนั่งอยู่ในสนามหญ้าหลังบ้านใกล้กับสมุนไพรทั้งสามต้นของหลิงหยุน
ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นเอาแต่นั่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าบ้านอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนจนเวลานี้เบาะนั่งของเขาแบนราบหมดแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคำบอกเล่าของหลิงหยุนเมื่อตอนกลางวันนั้นได้สร้างความตระหนกตกใจให้กับทุกคนอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ได้จุดประกายความกระตือรือร้นในการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขั้นความแข็งแกร่งของตนเองให้ก้าวหน้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกด้วย..
ส่วนเด็กสาวตัวแสบฉีเสี่ยวหงนั้นได้กลับไปที่บ้านของเกาเฉินเฉินตั้งแต่เมื่อตอนเย็นแล้ว..
ดังนั้นในห้องรับแขกเวลานี้จึงเหลือเพียงแค่เกาเฉินเฉินกับถังเมิ่งที่ยังไม่ได้ฝึกวิชาและสุนัขจิ้งจอกเก้าหางไป๋เซียนเอ๋อที่ไม่ยอมไปฝึกเท่านั้น..
หลิงหยุนนั่งลงบนโซฟาและเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูรอบบ้าน ก็พบว่าทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาฝึกวิชาอย่างเอาจริงเอาจัง จึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างพอใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หากที่นี่ไม่ใช่บ้านหรูในตัวเมือง..ใครพบเห็นเข้าคงต้องคิดว่าเป็นสำนักฝึกสอนวรยุทธแน่ๆ”
เกาเฉินเฉินได้ฟังก็กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง..
หลิงหยุนจึงพูดแทรกขึ้นมาทันที“เฉินเฉิน.. คุณไม่ต้องกังวลใจไป เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มฝึกฝน ผมรับรองได้ว่าจะก้าวหน้าเร็วกว่าทุกคนอย่างมากแน่!”
ถังเมิ่งมองหลิงหยุนอย่างกระวนกระวายใจและทำเสียงกระซิบกระซาบ “พี่หยุน.. น้าหญิงไปเขาหลงเหมินคนเดียวแบบนี้ พี่ไม่เป็นห่วงจริงๆน่ะเหรอ”
หลิงหยุนหันไปตอบถังเมิ่งทันที“นายถามอะไรโง่ๆ ฉันก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว แต่ระยะทางจากบ้านไปถึงเขาหลงเหมินอย่างน้อยๆก็ต้องมียี่สิบกิโลเมตร น้าหญิงน่าจะใช้เวลาเดินทางราวยี่สิบนาทีได้ ยังไม่ต้องรีบร้อนตามไปนัก..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนและกำชับไป๋เซียนเอ๋อว่า “เซียนเอ๋อ.. คืนนี้หน้าที่คุ้มครองดูแลบ้านหลังนี้ คงตอบมอบให้เจ้าอีกเช่นเคย!”
ไป๋เซียนเอ๋อหรี่ตาลงและยิ้มสดใสให้กับหลิงหยุน “พี่หลิงหยุน.. ท่านไม่ต้องห่วง หากใครกล้าบุกเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ!”
“เยี่ยมมาก!หากมีใครกล้าเข้ามาสร้างความวุ่นวายภายในบ้านหลังนี้ เจ้าสังหารมันได้ทันที อย่าได้ปราณีพวกมัน!”
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ได้เดินไปที่สวนหลังบ้าน หนิงหลิงยู่ที่กำลังฝึกวิชาอยู่รับรู้การมาของหลิงหยุน จึงรีบลืมตาขึ้นมอง..
หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลิงยู่.. ฝึกต่อไปสิ!”
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เรียกขวดหยกที่มีขนาดเท่าๆกันจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนพื้นที่และจัดการวางไว้รอบๆ ค่ายกลหลุมพลังของสมุนไพรทั้งสามต้น
เวลานี้หลิงหยุนไม่ใช้ก้อนหินธรรมดาในการสร้างค่ายกลหลุมพลังอีกแล้วแต่กลับใช้หยกหยกจักรพรรดิที่ตัดเป็นขนาดเท่าๆกันมาวางแทน และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันย่อมดีกว่าการใช้หินธรรมดาทั่วไป..
หลิงหยุนนั่งลงขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางค่ายกลหลุมพลังและด้วยพลังชีวิตจากหญ้าหยินและหญ้าหยาง ทำให้เขาสามารถฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยางจนพลังปราณในร่างกายเต็มถึงขีดสุด!
หลังจากนั่งหลับตาไปได้ราวห้านาทีหลิงหยุนก็ลืมตาขึ้น และคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ในใจของเขาพอใจกับผลที่ได้รับอย่างมาก..novel-lucky
‘ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านการต่อสู้อย่างหนักมาถึงสองคืนติดกันแต่พลังปราณที่หมุนเวียนในร่างกายของข้ากลับสร้างใหม่ได้รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ’
แม้ว่าการต่อสู้ที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงจะเป็นการต่อสู้ที่มีอันตรายอย่างที่สุดและมีศัตรูจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ความกดดันภายในใจและกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่หลิงหยุนก็รู้ดีว่านั่นคือโอกาสที่ดีสำหรับผู้ฝึกบ่มเพาะที่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
สำหรับยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นเดียวกันนั้นหากไม่คำนึงถึงความสามารถในด้านอื่น ใครที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณในร่างกายได้รวดเร็วกว่า ย่อมมีโอกาสที่จะชนะในการต่อสู้ได้สูงกว่า!
หลิงหยุนลุกขึ้นเก็บขวดหยกรอบๆตัวแล้วจึงหันไปบอกหนิงหลิงยู่ว่า “หลิงยู่.. ฝึกต่อไปไม่ต้องเป็นห่วงอะไร พี่ต้องออกไปข้างนอกก่อน!”
“อืมม..”
หนิงหลิงยู่ยิ้มตอบพร้อมกับฝึกฝนต่อและด้วยความเฉลียวฉลาดเธอพอจะเดาออกว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไร..
“เจ้านาย!” เจสเตอร์ยืนทักทายหลิงหยุนอยู่ที่หน้าประตูห้องเก็บของ
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยเขาเดินเข้าไปภายในห้องเก็บของพร้อมกับร้องสั่งหวังเฟยฮู๋กับลูกน้องว่า
“พวกเจ้าทั้งสามคนทำหน้าที่ดูแลสองพี่น้องนี่จัดการให้พวกมันได้ดื่มเลือดตามเวลาล่ะ”
หวังเฟยฮู๋ยกมือขึ้นประสานกันทำการคาราวะหลิงหยุนอย่างเคารพนบนอบ“ข้าจะทำตามคำสั่งของคุณชายหลิง!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แม้พวกเจ้าถ้าถูกข้าสกัดจุดไว้ แต่นั่นไม่มีผลกับการต่อสู้ และการฝึกฝนของพวกเจ้า หลังจากอาการดีขึ้นแล้ว ก็เริ่มฝึกฝนวิชาได้ ทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด!”
หลังจากที่พูดจบ..หลิงหยุนก็หันไปหาเจสเตอร์ สั่งให้มันกลายร่างเป็นนกยักษ์ แล้วทั้งคู่ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
ในยามค่ำคืนเจสเตอร์กระพือปีกใหญ่พาหลิงหยุนบินสูงขึ้นไปบนอากาศ จนกระทั่งเห็นเป็นเพียงแค่จุดดำเล็กๆ อยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น
“เจสเตอร์พอลส่งข่าวมาบ้างหรือไม่”
ระหว่างที่ล่องลอยอยู่บนท้องนภาหลิงหยุนที่ยืนตระหง่านอยู่บนแผ่นหลังของเจสเตอร์จึงร้องถามขึ้น
เจสเตอร์ตอบกลับอย่างไม่ลังเล..“เจ้านายที่เคารพ.. ได้โปรดทำใจให้สบาย เวลานี้ทุกอย่างปกติดี!”
แน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมไม่ปล่อยให้ฉินตงเฉี่วยเดินทางไปที่เขาหลงเหมินเพียงลำพัง..ก่อนที่ฉินตงเฉี่วยจะออกเดินทางนั้น เขาได้สั่งการให้พอลกลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กบินตามไปคุ้มครองฉินตงเฉี่วยอย่างเงียบๆ
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย“เอาล่ะ.. เจ้าบินให้เร็วขึ้นกว่านี้อีก และรีบตามน้าหญิงไปให้ทัน”
………..
หลังจากที่ออกจากบ้านเลขที่-1ไปแล้ว ฉินตงเฉี่วยก็เลือกไปตามเส้นทางถนนที่มืดมิด และหลีกเลี่ยงไปตามถนนที่มีผู้คนเดินไปมา
ฉินตงเฉี่วยที่เวลานี้อยู่ในขั้นเซียงเทียน-5สามารถใช้มังกรพรางร่างได้รวดเร็วไม่แพ้หลิงหยุนทีเดียว..
ระหว่างทางที่ฉินตงเฉี่วยมุ่งหน้าไปทางเขาหลงเหมินนั้นเครื่องมือสื่อสารในตัวนางก็กระพริบขึ้นหลายครั้งหลายครา ดูเหมือนว่าคนจากสำนักดาบสวรรค์เกรงว่านางจะไม่ยอมไปตามที่นัดหมาย..
สิบห้านาทีต่อมา..ในที่สุดฉินตงเฉี่วยก็ไปถึงตีนเขาหลงเหมิน แล้วรีบกระโดดหายเข้าไปในป่าทึบ
ฉินตงเฉี่วยเงยหน้าขึ้นมองไปบนยอดเขาซึ่งเป็นจุดนัดหมายด้วยสีหน้าที่สับสนใบหน้างดงามของนางเปลี่ยนไป ฟันขาวเรียงรายสวยงามนั้นกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ก่อนจะตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขา
และในเวลาไม่นานนักฉินตงเฉี่วยก็ขึ้นไปถึงยอดเขาสูงสุดของเขาหลงเหมิน และได้พบกับยอดฝีมือชายหญิงทั้งห้าคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว..
และเวลานี้..เหนือยอดเขาหลงเหมินขึ้นไปราวแปดร้อยเมตร ได้มีนกยักษ์บินอยู่ และสายตาแหลมคมเย็นชาคู่หนึ่งก็กำลังจ้องมองลงมาที่พื้นด้านล่าง