ตอนนี้ มายมิ้นท์ไม่สนใจเรื่องผู้หญิงผู้ชายหรืออายอะไรทั้งนั้น เธอยื่นมือออกไปจับเสื้อของเปปเปอร์
เสื้อสูทข้างนอกของเขาถอดออกง่าย แต่เมื่อถอดเสื้อสูทออกแล้ว มายมิ้นท์ก็ตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เธออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
เธอเห็นแผ่นหลังที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปด้วยเลือด
แต่เพราะว่าแช่น้ำมา คราบเลือดที่เดิมทีเป็นสีแดงก็ละลายกลายเป็นสีชมพูไปแล้ว
“พระเจ้า!” มายมิ้นท์ปิดปาก รูม่านตาของเธอสั่นเทา
ทำไมเลือดออกมากขนาดนี้?
เธอคิดมาตลอดว่าแผ่นหลังของเขาแค่ถูกกระแทกเป็นรอยช้ำเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงว่า มันจะกระแทกจนเลือดออกขนาดนี้!
แต่ผ่านไปไม่นาน มายมิ้นท์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเปปเปอร์พึ่งจะโดนท่านย่าลงโทษไปไม่นาน บาดแผลที่ถูกเฆี่ยนน่าจะยังไม่หายดี เช่นนั้นแผลพวกนี้ อาจจะเกิดจากแผลที่ถูกเฆี่ยน
เธอหายใจเข้าลึกๆ มายมิ้นท์พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปอีก ถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเปปเปอร์ออกอย่างระมัดระวัง
คราวนี้ ในที่สุดมายมิ้นท์ก็เห็นภาพแผ่นหลังของเปปเปอร์อย่างชัดเจน
มันคือแผ่นหลังคนเหรอเนี่ย!
มันแทบจะไม่เรียกว่าแผ่นหลังแล้ว ทั้งแผ่นหลังไม่มีผิวที่สมบูรณ์เเบบเลยแม้แต่น้อย มันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่คดเคี้ยวราวกับตะขาบ มีรอยแผลหนึ่งที่หายดีแล้ว และมีรอยแผลอื่นๆที่ฉีกใหม่ ฉีกจนเห็นเนื้อข้างใน แล้วยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ทำให้คนที่เห็นตกใจจนตัวสั่นไปหมด
มือที่จับเสื้อเชิ้ตเปปเปอร์ของมายมิ้นท์สั่นไปหมด เธอตาแดง มองดูใบหน้าที่ซีดขาวของเปปเปอร์ เธออ้าปากค้าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลย
ความสามารถในการอดทนต่อความเจ็บปวดของคนเรามีจำกัด ถ้าเป็นเธอ บาดเจ็บขนาดนี้ เธอคงจะเจ็บปวดจนร้องออกมาตั้งนานแล้ว
แต่เปปเปอร์ แขนหักก็ยังไม่ร้อง หัวกระแทกก็ไม่ร้อง แม้แต่บาดแผลที่แผ่นหลังฉีกขนาดนี้ก็ยังไม่ร้อง
เขาไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยเหรอ?
มายมิ้นท์ยื่นมือออกไปแตะรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมาบนแผ่นหลังของเปปเปอร์เบาๆ จู่ๆเธอก็เจ็บปวดในใจ เธอรู้สึกเสียใจ แล้วยังมีความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้
เธอสูดจมูก ดึงมือกลับมา จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินที่กองชามและตะเกียบ
เธอจำได้ว่า เธอเห็นกล่องยาที่นั่นเมื่อกี้
จริงๆด้วย มายมิ้นท์ไม่ได้มองผิดไป มีกล่องยาอยู่ที่นั่นจริงๆ
มายมิ้นท์ยิ้มอย่างแผ่วเบา พระเจ้ามักจะให้ทางออกเสมอ ฝนตกอยากจะหลบฝนก็เจอถ้ำ เข้ามาในถ้ำก็ยังเจอของใช้จำเป็นต่างๆนาๆ แม้แต่กล่องยาก็มี พระเจ้าคุ้มครองจริงๆ
มายมิ้นท์ถือกล่องยากลับไปหาเปปเปอร์ จากนั้นก็เปิดกล่องยาออก ค้นดูยาข้างในกล่อง เห็นว่าในนั้นไม่เพียงแต่มียาแก้อักเสบ ยาลดและผ้าพันแผลทั่วไปเท่านั้น แม้แต่ยาของสัตว์ก็ยังมี
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่เจ้าหน้าที่ดูแลป่าไม้อยู่ที่นี่ พวกเขามักจะช่วยเหลือสัตว์เล็กๆ
มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจยาสัตว์พวกนั้น หายาและผ้าพันแผลที่เปปเปอร์จะต้องใช้ออกมา จากนั้นก็ตบหน้าเปปเปอร์เบาๆ “เปปเปอร์ ได้ยินไหม?”
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว จากนั้นก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
มายมิ้นท์ถอนหายใจ
ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน
ช่างมันเถอะ เธอลงมือเองก็ได้
มายมิ้นท์ให้กรรไกรตัดผ้าพันแผลยาวๆแล้วพันให้เป็นก้อน ยื่นมือออกไปจับกรามของเปปเปอร์ บีบให้เขาอ้าปาก จากนั้นก็ยัดผ้าพันแผลเข้าไปในปากของเขา
แบบนี้ เดี๋ยวฆ่าเชื้อทายาให้เขา ก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะกัดลิ้นตัวเองเพราะความเจ็บปวด
เรียบร้อยแล้ว มายมิ้นท์ก็เริ่มทายาให้เขา
เธอหยุดเลือดให้เปปเปอร์ก่อน รอจนไม่มีเลือดไหลออกมา จากนั้นก็เริ่มฆ่าเชื้อ
ในตอนนี้เอง เปปเปอร์เจ็บปวดจนตัวสั่น เหงื่อไหลออกเต็มหน้าไปหมด เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาที่อยู่ในเปลือกตาก็กลิ้งไปมา แต่ว่าเขายังไม่ฟื้นขึ้นมา
ในที่สุด สิบนาทีต่อมา มายมิ้นท์ทายาให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พันแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เริ่มเปลี่ยนชุดลายพรางให้เขา
และเมื่อมายมิ้นท์กำลังสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง กำลังจะพลิกตัวเขากลับมาและติดกระดุมให้เขา ทันใดนั้นเธอก็เห็นรอยแผลเป็นที่หน้าอกซ้ายของเขา
แผลเป็นนั้นยาวประมาณสิบเซนติเมตร มันเป็นรอยจางๆ ถ้าไม่สังเกตดีๆก็อาจจะไม่เห็น
และรอยแผลเป็นนั้นยังมีรอยเย็บ
รอยแผลเป็นที่มีรอบเย็บมีแค่อย่างเดียว นั้นก็คือแผลเป็นจากการผ่าตัด
แสดงว่าเปปเปอร์เคยผ่าตัดตรงหน้าอกเหรอ?
ตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้?
แต่งงานกับเขามาตั้งหกปี เขาไม่เคยผ่าตัดอะไรเลย ช่วงสองสามเดือนนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรอยแผลเป็นนี้ ดูเหมือนจะผ่านมาหลายปีแล้ว
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า เปปเปอร์น่าจะผ่าตัดเมื่อหกปีก่อน
แต่ว่าเขาเป็นโรคอะไร ทำไมต้องผ่าตัดตรงหน้าอก?
มายมิ้นท์ลูบรอยแผลเป็นบนหน้าอกของเปปเปอร์เบาๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า ที่จริงแล้วเธอไม่ได้รู้จักเปปเปอร์ดีเหมือนที่เธอคิด
อย่างน้อย ทำไมเขาถึงมีรอยแผลเป็นที่หน้าอก เธอไม่เคยรู้
รอเขาฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถามเขาดีกว่า
คิดแบบนี้ มายมิ้นท์ก็ติดกระดุมให้เขา จากนั้นก็พลิกตัวเขากลับไป กอดผ้าห่มที่อยู่ข้างๆคลี่ออกแล้วห่มให้เขา
“นอนหลับเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะต้องพาคุณออกไปให้ได้” มายมิ้นท์มองดูใบหน้าที่ซีดขาวของเปปเปอร์แล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด
จะไม่ให้รู้สึกผิดได้อย่างไร
เป็นเพราะเธอ เขาถึงเป็นขนาดนี้
เธอลูบผมที่แห้งเองตามธรรมชาติของเปปเปอร์ สายตาของมายมิ้นท์มีความอิจฉา
ผมสั้นดีจริงๆ แป๊บเดียวก็แห้ง
ไม่เหมือนเธอ ตอนนี้ผมยังเปียกอยู่เลย ติดอยู่บนหนังหัว ทั้งหนักทั้งหนาวทั้งทรมาน
มายมิ้นท์ลุกขึ้น เดินไปข้างๆและเปลี่ยนชุดพรางของผู้หญิงให้ตัวเอง จากนั้นก็กอดเสื้อผ้าเปียกของตัวเองและเปปเปอร์ไปข้างกองไฟ ใช้แท่งไม้กางเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วเอาไปผิงไฟให้แห้ง
ในระหว่างที่เธอกำลังผิงเสื้อผ้า จู่ๆท้องของมายมิ้นท์ก็ร้องขึ้นมา
เธอถึงได้ตระหนักได้ว่า เธอไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันแล้ว
“หิวจังเลย!” มายมิ้นท์ลูบท้องของตัวเองแล้วพึมพำ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่กองหม้อและกระทะ
ตรงนั้นเธอยังไม่ได้ไปดู ไม่รู้ว่าจะมีของกินรึเปล่า
คิดแบบนี้ มายมิ้นท์ก็วางแท่งไม้เล็กๆในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่นั่น
หลังจากคุ้ยดูแล้ว เธอคุ้ยเจอของกินจริงๆ คุกกี้สองสามถุงและน้ำแร่สองสามขวด
เห็นแบบนี้ มายมิ้นท์ก็ดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า
เธอรีบแกะถุงคุกกี้ออก เปิดขวดน้ำแร่ขวดหนึ่ง แล้วก็กลับไปกินที่ข้างกองไฟ
คุกกี้แบบนี้ สามปีก็ไม่หมดอายุ ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลว่ากินของหมดอายุ
และเมื่อมายมิ้นท์กำลังกินไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงไอดังขึ้นมาจากข้างหลัง
มายมิ้นท์ได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วแล้วรีบกลืนคุกกี้ที่กลืนยากนั้นลงไปในท้อง จากนั้นก็หันหน้าไปมอง
เห็นเปปเปอร์พยายามขยับตัว เธอก็รีบวางน้ำและคุกกี้ในมือลงแล้ววิ่งเข้าไป “เปปเปอร์”
ได้ยินเสียงของเธอ เปปเปอร์ก็ลืมตาขึ้น มองเห็นสายตาที่เป็นห่วงของเธอ เขาก็เรียก “มายมิ้นท์” ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและอ่อนแรง
“ฉันอยู่นี่” มายมิ้นท์ชูพยักหน้า
เปปเปอร์พยายามลุงขึ้นนั่ง
แต่เพราะว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรง บวกกับมีแขนข้างเดียวที่ขยับได้ เขาขยับขึ้นมาได้นิดเดียวก็จะล้มลงไปอีกครั้ง
เห็นแบบนี้ เธอก็รีบพยุงเขา “อย่าขยับ คุณอยากนั่งใช่ไหม ฉันช่วยคุณเอง”
พูดจบ เธอก็ออกแรงพยุงเขาขึ้นมา จากนั้นก็นั่งลง
เปปเปอร์กำลังจะขอบคุณ แต่จู่ๆก็เห็นชุดลายพรางบนตัวและผ้าห่มเก่าๆ เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ