มายมิ้นท์เห็นแบบนี้ สีหน้าของเธอก็ตกใจ จากนั้นก็รีบรับเขาเอาไว้
เพราะแบบนี้ เธอเดินถอยหลังออกไปสองก้าวแล้วทรงตัวได้ เพราะว่าเปปเปอร์หนักเกินไป
“เปปเปอร์ คุณเป็นอะไร?” มายมิ้นท์พยุงเขาแล้วรีบถามอย่างรวดเร็ว
เปปเปอร์ไม่มีปฏิกิริยา เขาหลับตาลงแล้วเอนตัวพิงไหล่เธอ ราวกับนอนหลับไปแล้ว
แต่มายมิ้นท์เดาออกว่า เขาน่าจะสลบไปแล้ว
หัวของเขากระแทก แล้วยังเวียนหัว สลบไปมันเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เปปเปอร์เดินเองไม่ได้ เธอก็ต้องเป็นคนพาเขาออกไป
หายใจเข้าลึกๆ มายมิ้นท์หันหลัง จากนั้นก็ลากเปปเปอร์เดินไปข้างหน้า
ข้างหน้าคือทิศใต้ แล้วยังเป็นป่าโปร่ง น่าจะออกไปจากป่านี้ได้ในไม่ช้า
แค่ออกไปจากป่า ก็น่าจะเจอผู้คนที่อาศัยอยู่
มายมิ้นท์พาเปปเปอร์เดินไปข้างหน้า หันหน้ามองผู้ชายที่นอนอยู่บนหลังของตัวเองด้วยสายตาที่แน่วแน่และจริงจัง “เปปเปอร์ ฉันจะต้องพาคุณออกไปให้ได้”
พูดจบ เธอก็หันหน้ากลับไปแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
เดินไปได้ระยะหนึ่ง เธอก็จะทิ้งเศษผ้าเพื่อทำสัญลักษณ์ให้คนที่มาตามหาพวกเขา
เดิมทีเศษผ้าพวกนี้ เธอคิดว่าจะผูกมันไว้กับกิ่งไม้ แบบนี้ถ้ามีลมก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะปลิว
แต่ว่าแบบนั้นเปปเปอร์ต้องเดินเอง เธอถึงจะผูกมันได้
ตอนนี้เปปเปอร์เดินเองไม่ได้ เธอแบกเขาอยู่ แน่นอนว่าเธอไม่มือผูกผ้าพวกนั้น จึงต้องทิ้งลงบนพื้น หวังว่ามันจะไม่ถูกลมพัดปลิว
ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน เมื่อมายมิ้นท์หมดแรง จู่ๆก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา
มายมิ้นท์ตกใจจนตัวสั่น จากนั้นเธอก็หยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า
ฟ้ามืดแล้ว เมฆดำขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วพื้นดิน บวกกับเสียงฟ้าร้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนมีความรู้สึกหดหู่ที่สุด
ฝนกำลังจะตก!
แล้วยังจะตกหนัก!
คิดแบบนี้ สีหน้าของมายมิ้นท์ก็แย่ลง เพราะถ้าฝนตก พวกเขาก็จะเดินต่อไปไม่ได้
เดินบนภูเขาตอนฝนตก มันจะล้มได้ง่าย
สถานการณ์ของเปปเปอร์ตอนนี้ พวกเขาจะล้มอีกไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้แล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือฟ้ามืดแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่รู้เวลาที่แน่นอน โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนตัวของเธอ อย่างเช่น นาฬิกา ถูกผู้คนขององอาจถอดออกไปตั้งแต่ตอนที่ถูกลักพาตัวแล้ว ไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งที่ไหน
และโทรศัพท์ของเปปเปอร์ ก็ไม่น่าจะมี
ไม่เช่นนั้น ตอนอยู่ที่ทะเลสาบเมื่อกี้ เปปเปอร์ต้องเอาออกมาติดต่อกับผู้ช่วยเหมันตร์แล้ว เขาไม่มีทางอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น สาเหตุที่แน่นอนที่สุดก็คือ โทรศัพท์ตกลงไปในทะเลสาบ ไม่เช่นนั้นก็น้ำเข้าโทรศัพท์ พังไปแล้ว
สำหรับนาฬิกาของเปปเปอร์ ตอนนี้เธอจะทิ้งเปปเปอร์ลงบนพื้นเพื่อดูนาฬิกาไม่ได้ แต่ว่าเธอก็พอใจเดาออกว่า ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาประมาณหกเจ็ดโมงเย็น
ฟ้ามืด บวกกับฝนตก ดูเหมือนว่าจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาที่หลบฝน ไม่เช่นนั้นผ่านคืนนี้ไปไม่ได้แน่ๆ พวกเขาคงจะต้องหนาวตายแน่ๆ
ตอนนี้เพราะว่าเสื้อผ้าบนตัวเปียกเธอยังหนาวขนาดนี้ แต่เพราะว่ามีเปปเปอร์นอนอยู่บนหลัง เธอยังพอทนได้ แต่เปปเปอร์กลับไม่มีใครช่วยเขา แค่คิดก็รู้ว่า ตอนนี้เปปเปอร์ต้องทนหนางแค่ไหน
แต่ว่า จะไปหลบฝนที่ไหน?
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากและมองไปรอบๆ โชคดีก็คือ มีถ้ำอยู่ข้างหน้าไม่ไกล
“เยี่ยมไปเลย!” เห็นถ้ำนั้น มายมิ้นท์ดีใจเป็นอย่างมาก สายตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที สายตานั้นเต็มไปด้วยความหวัง
“เปปเปอร์ เรามีที่หลบฝนแล้ว” มายมิ้นท์หันหน้าไปพูดกับผู้ชายที่อยู่บนหลังของตัวเอง จากนั้นก็พาเขาเดินไปที่ถ้ำอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงถ้ำแล้ว
ทันทีที่พวกเขาสองคนเดินเข้ามา ข้างนอกก็ฝนตกทันที
มายมิ้นท์ฟังเสียฝนที่อยู่ข้างหลัง เธอก็ถอนหายใจ
ต้องบอกว่า พวกเขาโชคดีมาก ฝนไม่ตกเลยทันที แต่กลับตกลงมาหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในถ้ำแล้ว ถือว่าพระเจ้าคุ้มครอง
คิดแบบนี้ มายมิ้นท์อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเธอก็เห็นอะไรบางอย่าง เธอตกใจ
นั่นคือ… ฟืน แล้วยังมีหม้อ?
ยังมีฟางแห้ง แล้วยังมีผ้าห่มเก่าๆ อีกสองผืน
ในนี้มีของพวกนี้ได้อย่างไร?
หรือว่า ถ้ำนี้เป็นถ้ำของคนเร่ร่อน?
ไม่สิ ไม่น่าใช่ คนเร่ร่อนที่ไหนจะมาอยู่บนภูเขา?
และที่ที่คนเร่ร่อนอยู่ จะต้องรกและสกปรก แล้วก็ต้องมีขวดพลาสติกมากมาย คนเร่ร่อนจะนำของพวกนี้ไปขายเอาเงิน
แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลย ในถ้ำแห้งแล้ง ไม่มีขยะอะไร ผ้าห่มถึงแม้ว่าจะดูเก่า แต่ไม่สกปรกแน่นอน
ดังนั้นเจ้าของของพวกนี้ น่าจะไม่ใช่คนเร่ร่อน แต่ว่าเขาเป็นใคร มายมิ้นท์ก็ไม่อยากจะคิดแล้ว
ตอนนี้เธออยากจะวางเปปเปอร์ลง จากนั้นก็ดูว่าแผลที่หลังของเปปเปอร์เป็นอย่างไร
มายมิ้นท์พาเปปเปอร์เดินไปที่ฟางแห้ง
ฟางแห้งปูได้เรียบและสม่ำเสมอมาก น่าจะเป็นที่นอนของคนที่อยู่ที่นี่
มายมิ้นท์วางเปปเปอร์ลงบนฟางแห้ง หลังจากขยับคอและตัวที่ปวดเมื่อยแล้ว เธอก็ไปหาว่ามีอะไรจุดไฟได้รึเปล่า
หนาวขนาดนี้ ต้องก่อไฟให้ร่างกายอบอุ่น ไม่เช่นนั้นตอนกลางคืนคงจะทรมาน
แล้วเสื้อผ้าที่เปียกบนตัวพวกเขา ก็ต้องตากให้แห้ง ไม่เช่นนั้นใส่อยู่ตลอดก็อาจจะไม่สบายเอาได้
ตอนที่กำลังหาของจุดไฟ มายมิ้นท์เห็นว่าบนผ้าห่มและมุมหม้อมีฝุ่นบางๆเกาะอยู่
มายมิ้นท์ยื่นมือออกไปเช็ด จากนั้นถือโอกาสตอนที่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท มองดูฝุ่นที่มือ เธอยิ้ม
“เยี่ยมไปเลย” เธอปัดฝุ่นที่นิ้วออก
ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่า คนที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้ ไม่ได้มาที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว และฝุ่นพวกนี้ก็คือหลักฐาน
ทำให้มายมิ้นท์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่มีใครอยู่ก็ดี ที่จริงแล้วเธอกลัวว่าจะมีคนอยู่ ถ้าเขากลับมาแล้วไล่พวกเขาออกไปมันคงจะลำบาก
แล้วเธอก็กลัวว่าคนที่อยู่ที่นี่คือนักโทษอะไร เช่นนั้นก็คงน่ากลัวกว่าเดิม
แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใคร เธอก็โล่งใจ
มายมิ้นท์หาไฟแช็กเจอแล้ว จากนั้นก็ไปหอบฟืนกองหนึ่งมาก่อไฟตรงที่มีร่องรอยการก่อไฟ
ฟืนพวกนี้แห้งสนิท ติดไฟง่าย ไม่นานเธอก็ก่อไฟติด
มายมิ้นท์ใส่ฟืนไปเยอะมาก ไฟก็ลุกอย่างแรง เปลวไฟส่องแสงไปทั่วทั้งถ้ำ ทำให้ถ้ำที่หนาวเย็นอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย มันไม่หนาวขนาดนั้นแล้ว
มายมิ้นท์ปัดขี้เถ้าบนมือออกแล้วลุกขึ้นยืน เดินออกมาจากกองไฟแล้วเดินไปข้างผ้าห่ม จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าสองชุดที่อยู่ข้างผ้าห่มขึ้นมา จะเอามาเปลี่ยนให้ตัวเองและเปปเปอร์ เพราะไม่ควรใส่เสื้อผ้าเปียก มันจะเป็นไข้เอาได้
เสื้อผ้าสองชุดนี้เป็นชุดลายพราง ชุดหนึ่งใหญ่ ชุดหนึ่งเล็ก ดูจากขนาดแล้ว น่าจะเป็นของผู้ชายชุดหนึ่งผู้หญิงชุดหนึ่ง
ดังนั้นคนที่อยู่ในถ้ำนี้ มีสองคน?
ไม่ได้คิดอะไรมาก มายมิ้นท์หยิบชุดลายพรางของผู้ชายคลี่ออก เห็นตัวหนังสือบนกระเป๋าหน้าอกข้างซ้ายของเสื้อ เธอยิ่งดีใจขึ้นกว่าเดิม
“พวกเขาคือเจ้าหน้าที่ดูแลป่าไม้!” มายมิ้นท์พึมพำเบาๆ
ที่แท้คนที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่คนเร่ร่อนหรือนักโทษอะไร แต่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลป่าไม้สองคน
เธอยิ่งโล่งใจกว่าเดิม เพราะถึงแม้ว่าคนที่อยู่ที่นี่จะกลับมา เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตราย หรือว่าถูกไล่ออกไป
เปปเปอร์ถือชุดลายพรางกลับไปหาเปปเปอร์ หลังจากนั่งลง เธอยื่นมือออกไปจับหน้าผากของเปปเปอร์ ดูว่าเขามีไข้ตัวร้อนรึเปล่า
จากนั้น เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา