ตอนที่ 1897 -1899

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1897 การเปิดตัวที่เปล่งประกาย (2)
  “โอ้? งานเลี้ยงเริ่มแล้วหรือ?” เสียงเย็นชาแจ่มชัดก็ดังขึ้นจากด้านข้าง หญิงสาวที่หันหลังให้คนทั้งสามจากวิหารปีศาจเพลิงก็หันกลับมาอย่างช้าๆ
  ทันใดนั้น ศิษย์อีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเฉียวฉู่ก็ตัวแข็งเป็นหิน!
  มันเป็นตอนกลางคืนชัดๆ แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นหน้าของเด็กสาว ก็ราวกับมีแสงอาทิตย์ส่องสว่างลงมายังผืนดินในใจของคนทั้งสอง แสงเทียนอ่อนๆส่องไปยังเด็กสาวคนนั้น ช่างงดงามจนทำให้พวกเขาคิดว่าตนได้เจอกับเทพ!
  ใต้หล้านี้ มีใบหน้าที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ……
  ขากรรไกรของทั้งสองอ้าค้าง พวกเขายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ทำหน้าราวกับโดนฟ้าผ่า ยืนโง่งมนิ่งค้าง แม้แต่ตาก็ไม่เคลื่อนไหว
  เฉียวฉู่มองเจ้าบ้านนอกสองคนที่ไม่เคยเห็นสาวงามเช่นนี้มาก่อนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ขณะที่คนทั้งสองยังยืนตะลึงค้างอยู่นั้น เฉียวฉู่ก็หันไปยักคิ้วให้จวินอู๋เสียผู้ส่องประกายจนทำให้ผู้คนตาพร่า
  แม้แต่เฉียวฉู่ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจวินอู๋เสียจะปรากฏตัวด้วยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง เขาจำไม่ได้แล้วว่าตนไม่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจวินอู๋เสียมานานเท่าไรแล้ว แม้ว่าเขาจะชินกับความสวยราวปีศาจของนางแล้ว แต่พอได้เห็นอย่างกะทันหันตรงหน้าเช่นนี้ ก็ยังส่งผลกระทบกับหัวใจดวงน้อยของเขาอยู่ดี
  จวินอู๋เสียชำเลืองมองเฉียวฉู่แวบหนึ่ง
  เฉียวฉู่กระแอม และไม่สนใจเจ้าบ้านนอกสองคนอีก เขาแสร้งวางท่าสงบนิ่งและพูดว่า “งานเลี้ยงเพิ่งเริ่ม ไม่ทราบว่าประมุขวิหารเงาจันทรายังมีแขกคนอื่นอีกรึเปล่า? ท่านสามารถไปที่งานเลี้ยงพร้อมผู้อาวุโสและศิษย์อีกสองสามคนก่อนได้ ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ข้าจะจัดการที่พักในเมืองให้พวกเขา”
  คำพูดเหล่านั้นพูดอย่างยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เฉียวฉู่ตั้งใจจะพูดก็คือ……
  โฮ่ๆ! เสี่ยวเสีย บอกข้ามาเร็ว! เจ้าพาทหารกล้ามากี่คน?
  แต่จวินอู๋เสียกลับตอบหน้าตาเฉยว่า “ไม่มีแล้ว”
  “ห๊ะ?” เฉียวฉู่ผงะไปเล็กน้อย
  “มีแค่พวกเรานี่แหละ” จวินอู๋เสียพูดนิ่งๆ
  เฉียวฉู่ตกตะลึงทันที
  เขารู้ว่าจวินอู๋เสียกล้าอย่างไม่น่าเชื่อ แต่นี่มัน……
  ครั้งนี้นางไม่กล้าเกินไปหน่อยหรือ!!
  ในเมืองมีกองกำลังขนาดใหญ่ของสิบสองวิหารอยู่ แต่ละวิหารพาคนมาเกินพันคน อย่างวิหารปีศาจเพลิงก็พามาสามพันคนแล้ว นับคร่าวๆ กองกำลังในเมืองก็ปาไปหลายหมื่นคน จวินอู๋เสียตั้งใจจะฉวยโอกาสนี้แก้ไขเรื่องทั้งหมดไม่ใช่หรือ? แล้วทำไม……
  นางถึงพาคนมาแค่ไม่กี่คนล่ะ?
  เฉียวฉู่รู้สึกมึนงงทันที
  คนนับหมื่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทหารธรรมดา พวกเขาคือยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของวิหารต่างๆเชียวนะ!
  แค่จำนวนคนที่มีพลังวิญญาณสีม่วงก็น่าตกใจแล้ว ถ้าต้องสู้กับพวกเขา……
  เฉียวฉู่ไม่กล้าคิดเลย
  “ท่าน……ท่าน……แน่ใจหรือ?” เฉียวฉู่พูดเสียงเบาหวิว
  “แน่ใจ” จวินอู๋เสียหลอก
  มุมปากของเฉียวฉู่กระตุก ในที่สุดเจ้าบ้านนอกสองคนก็ได้สติ แต่สายตาของพวกเขามองเห็นแค่จวินอู๋เสียคนเดียวเท่านั้น หูก็ได้ยินแต่เสียงของจวินอู๋เสีย ส่วนจวินอู๋เสียพูดอะไรนั้น ไม่ได้เข้าสมองของพวกเขาเลย
  ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจถึงความหมายของคำว่า “งามล่มบ้านล่มเมือง” !
  เฉียวฉู่ไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันพาพวกของจวินอู๋เสียไปที่งานเลี้ยง พร้อมกับบ่นพึมพำอยู่ในใจไม่หยุด อนิจจา มีตัวภาระสองตัวอยู่ข้างๆเช่นนี้ ทำให้เขาไม่มีโอกาสพูดอะไรกับจวินอู๋เสีย
  ศิษย์สองคนนั้นเดินตามหลังจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม น้ำลายเกือบจะไหลออกจากปากแล้ว
  จนกระทั่งมาถึงประตูด้านนอกงานเลี้ยง เฉียวฉู่จึงยืนตัวตรงทำหน้าเคร่งขรึมพูดว่า “ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”
ตอนที่ 1898 การเปิดตัวที่เปล่งประกาย (3)
  จากนั้นเฉียวฉู่ก็เข้าไปในงานเลี้ยงพร้อมลากศิษย์โง่เง่าสองคนนั้นตามหลังไปด้วย
  บรรยากาศในงานเลี้ยงเริ่มผ่อนคลายขึ้นบ้างแล้ว เมื่อเฉียวฉู่เข้าไปข้างใน เขาก็ได้ยินคนจากวิหารต่างๆกำลังสาดโคลนใส่ประมุขวิหารเงาจันทราเพื่อเบี่ยงเบนความโกรธต่อกัน เขาหัวเราะเยาะในใจทันที
  [มาดูกันว่าพวกเจ้าจะเหลิงไปได้ถึงตอนไหน]
  “เฉียวฉู่ เจ้ารับแขกมาแล้วหรือ?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงถามทันทีที่เห็นเฉียวฉู่เข้ามา
  “เรียนท่านประมุข ข้าพาแขกมาแล้วขอรับ”
  “อ้าว แล้วทำไมพวกเจ้าถึงกลับมากันหมดเลยล่ะ? ข้าบอกให้เจ้าทิ้งเจ้าสองคนข้างหลังให้จัดการที่พักให้ศิษย์ของวิหารเงาจันทราไม่ใช่หรือ?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
  เฉียวฉู่ตอบว่า “ท่านประมุข วิหารเงาจันทรามีคนมาแค่สิบคนขอรับ ข้าไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง ก็เลยพาทุกคนมาที่นี่เลย”
  เมื่อสิ้นเสียงของเฉียวฉู่ ทั้งงานเลี้ยงก็มีเสียงถกเถียงกันดังขึ้นทันที
  “อะไรนะ? สิบคนเองหรือ?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงตกใจ คิดไม่ถึงว่าหลังจากรออยู่นาน เขาจะเจอกับผลลัพธ์แบบนี้
  การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารครั้งนี้ มีวิหารไหนบ้างที่ไม่ได้เลือกศิษย์ที่เก่งที่สุดมาเข้าร่วมด้วย? ยิ่งกว่านั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา วิหารต่างๆล้วนประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ มีเพียงวิหารเงาจันทราเท่านั้นที่ปลีกตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ดังนั้น ตามหลักเหตุผลแล้ว วิหารเงาจันทราเก็บความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี ทุกคนจึงคิดว่าเหตุผลที่วิหารเงาจันทรามาช้าเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าวิหารอื่นๆเสียหายไปมาก และกำลังรวบรวมกองกำลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อทำให้ทุกคนตกใจ
  สุดท้ายแล้ว……
  เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วงานเลี้ยง ไม่มีใครคิดว่าวิหารเงาจันทราจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารในลักษณะนี้
  “วิหารเงาจันทราคิดอะไรอยู่กันแน่? ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่น่าจะมาปรากฏตัวแค่สิบคนนี่นา”
  “เทียบกับพวกเราทั้งหมดแล้ว วิหารเงาจันทรารักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่จำนวนยอดฝีมือเก่งๆในวิหารเงาจันทราก็ไม่เคยเยอะอยู่แล้ว” ทุกคนรู้สึกสงสัยว่าวิหารเงาจันทราได้เตรียมการมาแบบไหน ไม่มีใครคิดออกว่าพวกเขาวางแผนอะไรอยู่
  “ช่างเถอะ ข้าว่าเป็นเพราะประมุขวิหารเงาจันทราเพิ่งจะได้รับตำแหน่งประมุข นางไม่เพียงอายุน้อย แต่ยังเป็นเด็กสาวอีกด้วย ถูกเก็บเอาไว้ในวิหารมาตลอด จู่ๆก็ต้องรับช่วงต่อวิหารเงาจันทรา นางจะจัดการทุกอย่างได้ดีและเหมาะสมได้อย่างไร? ทุกท่านเห็นใจนางเถอะ” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงพูดหว่านล้อมทุกคน ดูเหมือนจะปกป้องวิหารเงาจันทรา แต่แท้จริงแล้วกำลังเตือนทุกคนถึงความไร้เดียงสาและไร้ความสามารถของประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่
  ทุกครั้งที่มีการรวมตัวกันของสิบสองวิหาร นอกจากชื่อเสียงของวิหารแต่ละแห่งแล้ว สิ่งอื่นที่พวกเขาแข่งขันกันก็คือความแข็งแกร่งของกองกำลังที่พวกเขาพามา
  ขอแค่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ในมือ จึงจะสามารถพูดได้อย่างมั่นใจ ครั้งนี้แต่ละวิหารได้นำคนที่เก่งที่สุดของพวกเขามาด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะสูญเสียหนักเพียงใด พวกเขาต้องไม่เสียหน้าต่อหน้าวิหารอื่นๆ
  มีเพียงวิหารเงาจันทราที่ไม่เดินตามเส้นทางปกติnovel-lucky
  ยังไม่ทันได้เห็นประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่ วิหารต่างๆก็เกิดภาพประทับใจในตัวนางซะแล้ว
  ก็แค่เด็กสาวไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่จำเป็นต้องจริงจังก็ได้
  “เอาล่ะ เฉียวฉู่ เชิญสหายจากวิหารเงาจันทราเข้ามาได้” เมื่อเห็นว่าบรรลุผลที่ต้องการแล้ว ประมุขวิหารปีศาจเพลิงก็พูดพร้อมหัวเราะ
  เฉียวฉู่มองสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของทุกคนในงานเลี้ยง แล้วนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ เขาหันหลังเดินออกไปข้างนอกห้องโถง
  “ดูเหมือนประมุขวิหารเงาจันทราคนก่อนจะป่วยหนักจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงมอบวิหารเงาจันทราให้น้องสาวที่โง่เขลาเช่นนี้?” ประมุขวิหารจื่อเหลยพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ
  “ใช่แล้ว! ข้าอยากรู้มากว่าประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร! นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เจอคนจำนวนมากเช่นนี้ อย่ากลัวจนร้องไห้ก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของวิหารคงฉานหัวเราะ
ตอนที่ 1899 การเปิดตัวที่เปล่งประกาย (4)
  ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนต่างรอดูประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่ผู้โง่เขลาเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเวที
  ท่ามกลางเสียงหัวเราะมุ่งร้าย ประตูห้องโถงก็เปิดออกอีกครั้ง
  ร่างเล็กเพรียวบางเดินนำเข้าไปในห้องโถงใหญ่
  ทันใดนั้น เสียงทั้งหมดภายในห้องโถงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ดวงตาของทุกคนจากวิหารต่างๆจ้องไปที่เด็กสาวที่เดินเข้ามาในห้องโถงอย่างไม่อาจละสายตา
  ดวงตาของทุกคนฉายแววตกใจและประหลาดใจ แม้แต่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงที่นั่งรอชมการแสดงอยู่ เมื่อเห็นเด็กสาวเขาก็ตัวแข็งค้างไปทันที เหล้าในปากเกือบหกออกมา
  การที่จะได้เป็นประมุขของวิหารนั้น คนที่พวกเขาเคยพบหรือได้ยินมาจะเป็นคนที่โดดเด่นและพิเศษกว่าคนส่วนใหญ่ พวกเขามักจะอวดอ้างว่าได้เห็นสาวงามมามากมายนับไม่ถ้วน และมีภูมิต้านทานต่อความงามไปแล้ว แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่านี่จะเป็นวันที่ความนิ่งเฉยต่อความงามของพวกเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
  เด็กสาวตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่นั่น ฝีเท้าเบาและไม่เร่งรีบปราศจากเสียง แต่ทุกก้าวให้ความรู้สึกราวกับนางกำลังก้าวเดินไปบนหัวใจของทุกคน ด้วยความงามล่มเมืองนั้น ราวกับมีน้ำแข็งในฤดูหนาวที่ไม่ละลาย เย็นชาและห่างเหิน แต่ดวงตานั้นช่างงดงามและดึงดูด แม้จะรู้ว่าเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกหนาวเหน็บ แต่ก็ทำให้คนอดมองไม่ได้ ถึงแม้จะถูกน้ำแข็งที่คมกริบทิ่มแทงเอาก็ตาม
  ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องโถง สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ล้วนเลือนลางและถูกลืมเลือนไปสิ้น ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนจะหายไป ดวงตาจับจ้องอยู่แต่ร่างที่งดงามสมบูรณ์แบบเพียงอย่างเดียว
  “ผู้น้อย ประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่ คารวะทุกท่าน” จวินอู๋เสียยืนอยู่กลางห้องโถง เสียงอันแจ่มชัดของนางแฝงความเย็นยะเยือกเล็กน้อย นางยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน ไม่ถ่อมตัวไม่ยะโส ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย แฝงความหยิ่งทะนงและมั่นใจในตัวเอง ไม่แสดงอาการขลาดกลัวและลนลานอย่างที่ทุกคนคาดเดาเลยแม้แต่น้อย
  นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับว่านางอยู่ในตำแหน่งนี้มานานจนเคยชินแล้ว
  เสียงใสเย็นนั้นเรียกสติของทุกคนกลับมา ทุกคนแอบสูดหายใจเข้าลึก ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาจะไม่มีวันคิดว่าในโลกนี้จะมีเด็กสาวที่งดงามเช่นนี้อยู่
  สายตาของทุกคนหันไปมองกู่ซินเยียนผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีความงามเป็นอันดับหนึ่งในสิบสองวิหารโดยไม่รู้ตัว
  ความงามของกู่ซินเยียนนั้นมีเสน่ห์ชวนตะลึง ทำให้ศิษย์หนุ่มๆมากมายตกหลุมรักนาง และยังได้รับการยอมรับจากประมุขวิหารทั้งหลาย แต่ตอนนี้ เมื่อพวกเขามองไปที่กู่ซินเยียนอีกครั้ง กลับรู้สึกว่าความงดงามที่พวกเขาเคยจำได้ดูเหมือนจะจืดจางลงไปเล็กน้อย
  สาวงามอันดับหนึ่งของสิบสองวิหารเมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสียก็เป็นเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ซีดจาง และขาดชีวิตชีวา ดูเหมือนจะขาดคุณสมบัติในการแย่งชิงมงกุฏ
  ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่าลำคอของตัวเองแห้งผาก
  “เช่นนั้นท่านนี้ก็คือประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่ วีรบุรุษกำเนิดจากคนหนุ่มสาวอย่างแท้จริง ท่านเดินทางมาถึงที่นี่คงเหนื่อยแล้ว เชิญนั่งก่อน” ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าประมุขวิหารปีศาจเพลิงจะหาเสียงของตนเจอ เขาอายุมากแล้ว แม้ว่าจะดูเหมือนชายวัยกลางคน แต่เขาอายุเกินร้อยปีแล้ว
  แม้แต่ชายที่มีประสบการณ์มากมายเช่นเขาก็ยังรู้สึกตกใจอย่างมากกับรูปลักษณ์ของจวินอู๋เสีย เมื่อได้สติกลับมา สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือท่าทางไม่แยแสของจวินอู๋เสีย
  เจอกับสายตาจับจ้องของประมุขวิหารทั้งสิบเอ็ดคนและเหล่าผู้อาวุโส เด็กสาวที่ดูเด็กมากคนนี้ไม่ได้แสดงความขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เหมือนหมอนปักลายที่อยู่แต่ในห้องไม่รู้เรื่องโลกภภายนอกเลยสักนิด