ส่วนที่ 4 ตอนที่ 84 ฉากตลก

ความลับแห่งจินเหลียน

“งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว คุณซีเหมิน พวกเราลงไปรอจ่านมู่หรงที่ห้องรับแขกด้านล่างกันเถอะครับ” จ่านมู่ฮวายิ้ม 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วก็พยักหน้าตอบรับ จะให้นั่งอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่อง โดยเฉพาะข้างๆ ยังมีผู้หญิงสวยไม่อยากจะเชื่ออยู่คนหนึ่ง ถ้ามีเธออยู่ผู้หญิงคนอื่นคงตกไปเป็นตัวประกอบอย่างไม่รู้ตัว ก็เหมือนใบไม้ที่เป็นส่วนประกอบของดอกกล้วยไม้เช่นกัน… 

 

จ่านมู่ฮวาอยากเป็นเหมือนจ่านป๋ายบ้าง ที่ได้คล้องแขนเธออย่างสนิทคุ้นเคย แต่ถูกซีเหมินจินเหลียนเขม็งตาเข้าใส่ เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากด้านหลัง ซีเหมินจินเหลียนก็หันหน้ากลับไปดู เห็นผู้หญิงสวยคนนั้นกำลังยิ้มอยู่พอดี 

 

“พี่สาว!” เด็กผู้หญิงสวยคนนั้นรีบก้าวเท้าเดินขึ้นมาข้างๆ ซีเหมินจินเหลียนแล้วคล้องแขนเธอไว้ “พี่ซีเหมินใช่ไหม? ฉันชื่อจางต่งเอ๋อร์!” 

 

“จางต่งเอ๋อร์?” ซีเหมินจินเหลียนกำลังลับสน ไม่นานก็เข้าใจได้ ไม่น่าล่ะเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตานัก ที่แท้เธอก็เป็นดาราผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในละครตอนนี้ เมื่อดูอย่างพินิจพิเคราะห์ออร่าของเธอมีมากกว่าในจอโทรทัศน์เสียอีก 

 

“คุณหนูจาง คุณสวยจริงๆ ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะพูดชมเธอ “สวยกว่าในโทรทัศน์อีก” 

 

“พี่ก็สวยมากเหมือนกัน” จางต่งเอ๋อร์หัวเราะ “พี่เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย” 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “เป็นเพราะฉันปฏิเสธจ่านมู่ฮวาเหรอ?” 

 

ความคิดของเธอถูกเผยออกมาจนได้ เพียงไม่นานหน้าก็แดงก่ำพูดว่า “พี่สาวอย่าได้ใส่ใจเลย” 

 

“ผู้ชายที่หน้าตาสวยคนนี้พึ่งพาอะไรไม่ได้หรอก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เธอระวังเขาไว้สักหน่อย” 

 

จางต่งเอ๋อร์รู้ว่าจ่านมู่ฮวาอยู่ด้านหลัง แต่ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกระซิบพูดว่า “พูดไปแล้วพี่สาวบางทีอาจจะไม่เชื่อ เห็นฉันเป็นอะไรกัน? ถ้าพูดให้ดีก็คือดาราละคร แต่ถ้าพูดให้ไม่น่าฟังก็คือ ผลลัพธ์ที่ได้ในการจีบแสวงหาของคุณชายที่ร่ำรวย แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงของเขายังไงกัน?” 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองใบหน้าที่สวยงามสมบูรณ์แบบของจางต่งเอ๋อร์แล้วยิ้ม “เธอก็อย่าเพิ่งดูถูกตัวเองเกินไป จริงสิ ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะเชิญเธอมาถ่ายโฆษณา!” 

 

จางต่งเอ๋อร์ตกตะลึง เดิมทีเธอคิดว่าซีเหมินจินเหลียนและจ่านมู่ฮวาจะเหมือนกัน มาจากตระกูลร่ำรวยไม่รู้จักความทุกข์ยากของมนุษย์ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำธุรกิจด้วย? เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งสายสตรองอย่างนั้นหรือ นั่นมันก็ดูเป็นไปไม่ได้เลย? เธอดูเหมือนขาดความเข้มแข็งและความรุนแรงที่ผู้หญิงที่เข้มแข็งธรรมดาควรจะมี 

 

เธออ่อนโยนแถมดูคลาสสิค เหมือนกับหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง! แม้เธอจะไม่สามารถทำให้คนตกตะลึงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น แต่เธอก็ยังคงสวยงาม แม้กระทั่งจางต่งเอ๋อร์เองก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้หญิงแบบเธอ บางทีเธอน่าจะได้พบเจอผู้ชายที่รักเธอจริง ไม่เหมือนกับตนเองที่เป็นได้แค่ดอกไม้สวยในแจกัน…  

 

“จินเหลียน ผมก็ดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” จ่านมู่ฮวาบ่นอยู่ด้านหลังเธอ  

 

“คุณจ่านมู่ฮวา พวกเราไม่ได้สนิทกัน คุณเรียกฉันว่าคุณซีเหมินเถอะค่ะ” แม้แต่หันหลังไปมองเขาเธอยังไม่ทำ 

 

จ่านมู่ฮวายิ้มออกมาอย่างขมขื่น ในระหว่างที่กำลังเดินลงบันไดนั้น เขาก็รีบชิงเดินมาข้างหน้า 

 

ห้องรับแขกที่หรูหราในบ้านตระกูลจ่าน มีแสงไฟประดับประดาตระการตา ในห้องรับแขกมีแขกมากมายอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศดูคึกคักเหลือเกิน เมื่อซีเหมินจินเหลียนและจางต่งเอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นก็ตกเป็นเป้าสายตาในงานไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว แน่นอนว่าซีเหมินจินเหลียนเองก็รู้ว่า สายตาของคนในงานจะต้องจับจ้องไปที่จางต่งเอ๋อร์ นี่เป็นสิ่งที่คนสวยสมควรได้รับ! 

 

เพราะฉะนั้นเธอเลยหยุดฝีเท้าลงอยู่กับที่ จางต่งเอ๋อร์ก็รู้เจตนาดีจึงยิ้มออกมาแผ่วเบา ท่าทางการแสดงออกของซุปเปอร์สตาร์ปรากฏเด่นชัด ค่อยๆ ยกชายกระโปรงยาวและเดินลงบันไดไป 

 

จ่านมู่ฮวาหยุดฝีเท้าลงรอซีเหมินจินเหลียน ภายในห้องรับแขกมีชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี สวมใส่ชุดกังฟูยาวสีฟ้าน้ำทะเล สายตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่ชายวัยกลางคนคนนั้น ในใจก็รู้สึกแปลกๆ คนคนนี้น่าจะเป็นคุณพ่อของจ่านมู่ฮวาและจ่านป๋ายใช่ไหมนะ? ไม่ต้องแนะนำตัว แค่เธอดูจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาก็พอจะดูออกได้ 

 

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ภายในตัวของเขาแสดงให้เห็นแบบนั้น แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของซีเหมินจินเหลียนไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นชุดกังฟูยาวสีฟ้าน้ำทะเลนั่น 

 

สไตล์การสวมใส่ชุดกังฟู ทำไมเธอถึงได้ดูแล้วก็เหมือนกับที่ผู้อาวุโสหูสวมใส่เลย 

 

แน่นอนว่าชุดกังฟูที่เจ้าของบ้านตระกูลจ่านอย่างจ่านอิ๋นสวมใส่นั้น ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือหรือเนื้อผ้าก็ต่างสมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนกับของผู้อาวุโสผู้นั้น 

 

“ทุกท่าน สวัสดีครับ!” จ่านอิ๋นจับไมโครโฟนส่งเสียงไปทั่วห้องรับแขก ทำให้ห้องที่กำลังจอแจอยู่นั้นได้เงียบลง “ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกรียติมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของคนแก่อย่างผม แต่ว่าวันนี้ไม่ใช่แค่วันเกิดของผมแค่อย่างเดียว” 

 

จ่านอิ๋นหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า “แต่วันนี้ยังเป็นวันหมั้นของลูกชายตระกูลจ่าน จ่านมู่ฮวา” 

 

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงกระซิบกระซาบก็ค่อยๆ ดังขึ้นภายในห้องรับแขก จางต่งเอ๋อร์ที่เดินมาถึงด้านล่างก็ได้เปลี่ยนสีหน้า คืนนี้จ่านมู่ฮวาจะหมั้นหรือ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด? จ่านมู่ฮวาจะหมั้นกับใครกัน หรือว่าจะเป็นเธอ? จางต่งเอ๋อร์เงยหน้าแล้วมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนอย่างสับสน 

 

ทางด้านซีเหมินจินเหลียนเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จ่านมู่ฮวาจะหมั้น? เขาล้อเล่นอะไรกัน บอกว่าไม่มีคู่เต้นรำ? เลยนัดเธอมาเป็นคู่เต้นรำด้วย? ถ้ารู้อย่างนี้เธอไม่สมควรมาตั้งแต่แรก แล้วเสี่ยวป๋ายล่ะ? ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตาไปรอบด้านก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจ่านป๋าย ในใจก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ทำไมจ่านป๋ายยังไม่มาอีกนะ เขาบอกว่าจะไปหาคุณพ่อไม่ใช่หรอกเหรอ แต่ตอนนี้คุณพ่อของเขาก็อยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาจะไปไหนได้? 

 

จ่านป๋ายไม่ใช่คนที่จะไม่รอเธอ แล้วรีบออกไปแบบนี้ 

 

“เพื่อนจ่าน นี่มันก็ใจร้ายเกินไปหน่อยนะ หลานมู่ฮวาจะหมั้นทั้งที ทำไมนายถึงไม่บอกฉันก่อนสักคำล่ะ ลุงอย่างฉันก็เลยไม่ได้เตรียมแม้แต่ของขวัญอวยพรเลย นี่คงไม่ได้ล้อหลานมู่ฮวาเล่นหรอกใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ กับจ่านอิ๋นพูดขึ้นมาเสียงดัง 

 

“ใช่ๆ!” ในห้องรับแขกก็มีเสียงดังขึ้นมาสมทบ คนส่วนมากให้ความสนใจว่าคู่หมั้นของจ่านมู่ฮวาเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นก็ช่างโชคดีเหลือเกิน หลังจากนี้ก็สามารถนอนอยู่บนกองทองเป็นสะใภ้ได้อย่างสบายไม่ใช่หรือ? 

 

“เด็กสมัยนี้ ก็ชอบความตื่นเต้นกันทั้งนั้น!” จ่านอิ๋นทอดถอนใจออดมา 

 

“คุณชายจ่าน ไม่ทราบว่าลูกสาวตระกูลไหนหรือที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น” ในที่สุดก๋มีแขกผู้มีเกียรติที่สนิทสนมของจ่านอิ๋นถามขึ้นมา คำถามนี้เป็นคำถามที่ทุกคนเองกำลังสงสัย 

 

จ่านอิ๋นเงยหน้าขึ้น ก่อนที่สายตาจะจ้องมองไปยังซีเหมินจินเหลียนที่กำลังเดินมาได้ครึ่งทางแล้วยิ้ม “มู่ฮวา แกไม่พาคุณหนูซีเหมินลงมาล่ะ มัวรออะไรอยู่? เป็นอะไรไป หรือว่าคราวนี้เกิดอายขึ้นมาแล้ว?” 

 

“คุณพ่อ ผมกำลังไปครับ” จ่านมู่ฮวายืนอยู่ข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็เอื้อมมือไปคล้องแขนซีเหมินจินเหลียนไว้เพื่อพาเธอเดินลงบันได 

 

ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง แม้กระทั่งเดินมาถึงข้างล่างก็รู้สึกว่าตัวเองตกไปเป็นเป้าสายตาแล้ว เพียงไม่นานก็เรียกสติกลับคืนมาได้ ก่อนจะออกแรงสะบัดข้อมือจากจ่านมู่ฮวา “จ่านมู่ฮวา นี่คุณเล่นอะไรอยู่ ใครรับปากว่าจะหมั้นกับคุณ?” 

 

เสียงของซีเหมินจินเหลียนไม่ดังนัก แต่ก็พอทำให้แขกในงานได้ยินกันทั้งหมด เพียงไม่นานทุกคนต่างก็พากันซุบซิบ 

 

“ลูกสะใภ้ของผมคงงอนน่ะครับ” แววตาของจ่านอิ๋นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ไม่เป็นไร หนูจินเหลียนมานี่เถอะ ถ้ามู่ฮวาแกล้งอะไรหนูก็บอกฉันได้ ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปแน่” 

 

เมื่อแขกในงานได้ยินเช่นนั้นก็พากันหัวเราะชอบใจ คิดว่าซีเหมินจินเหลียนกับจ่านมู่ฮวากำลังงอนง้อกันตามประสา ไม่ถือสาอะไรกับสิ่งที่เธอพูด แม้กระทั่งมีคนที่สนิทสนมกับจ่านอิ๋นแซวขึ้นมาว่า “ดูสิ ยังไม่ทันได้เข้าบ้าน คุณพ่อก็ออกโรงปกป้องเสียแล้ว ฮ่าๆๆ…” 

 

แขกในงานยิ่งหัวเราะคิกคักไม่หยุด ซีเหมินจินเหลียนที่เดิมทีหน้าซีดขาวก็เริ่มมีสีเลือดฝาดแดงขึ้นเล็กน้อย ในใจโกรธสุดขีด จ่านป๋ายล่ะ? ทำไมเขายังไม่มาอีก  

 

ไม่ๆๆ เธอต้องใจเย็นไว้ก่อน ใจเย็นไว้! เธอไม่มีทางยอมให้งานหมั้นนี้เป็นจริงได้เด็ดขาด หายใจเข้าลึกๆ ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปหาจ่านอิ๋น ก่อนจะหยิบไมโครโฟนมา พร้อมเคาะเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน โปรดเงียบสักครู่ค่ะ!” 

 

ในห้องรับแขกที่เดิมทีวุ่นวาย ตอนนี้ก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง 

 

ซีเหมินจินเหลียนจับไมโครโฟนแล้วมองไปที่จ่านมู่ฮวา “ฉันและจ่านมู่ฮวาไม่ได้สนิทกัน และไม่ได้มีงานหมั้นอย่างที่พูด ฉันไม่ยอมรับการหมั้นครั้งนี้ คุณท่านจ่านคะ เชิญคุณปล่อยตัวจ่านมู่หรงออกมาเถอะค่ะ ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้!” เธออยากไปจากที่นี่ แต่เธอต้องพาจ่านป๋ายกลับไปด้วยกัน คืนนี้มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง 

 

คนในงานพากันซุบซิบ คิดไม่ถึงยังมีคนที่กล้าปฏิเสธจ่านมู่ฮวาด้วย? ตระกูลจ่านกำลังเล่นอะไรกันอยู่ 

 

“หนูจินเหลียนช่วยสงบสติอารมณ์ลงก่อนเถอะ” จ่านอิ๋นไม่ได้โกรธอะไร ก่อนจะยิ้มออกมา “เรื่องมู่หรงเดี๋ยวเขาก็มา ขอแค่หนูไม่ปฏิเสธงานหมั้นในคืนนี้ หนูลองดูสิ แขกในงานมีตั้งมากมาย หนูจะทำให้ตระกูลจ่านเสียหน้าไม่ได้ หนูก็เหมือนกันถูกไหม? ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของฉันก็หน้าตาโดดเด่นกว่าใคร การงานก็เพียบพร้อม สิ่งที่หายากก็คือเขาเห็นหนูเป็นรักครั้งแรก ส่วนตระกูลจ่านก็มีฐานะมั่นคง รับรองว่าไม่ทำให้หนูขายขี้หน้าแน่นอน”  

 

“ฉันคิดว่าเรื่องทั้งหมดในคืนนี้เป็นแค่เรื่องตลกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าไม่พอใจ นี่ล้อเล่นอะไรกันอยู่ เธอกับจ่านมู่ฮวาจะหมั้นกันเนี่ยนะ? ตระกูลจ่านคิดจะทำอะไรกันแน่ เธอเคยเจอจ่านมู่ฮวาแค่สองครั้ง อีกทั้งสองฝ่ายยังเป็นศัตรูกันอีก จนถึงตอนนี้เป็นการเจอครั้งที่สาม คิดไม่ถึงว่าจะต้องหมั้นกับเขา ส่วนเธอคนที่เป็นต้นเรื่องกลับไม่รู้อะไรเลยสักนิด 

 

แน่นอนว่าเธอไม่เห็นด้วยกับเรื่องตลกนี้ คิดเสียว่าเป็นฉากตลกให้คนดูแล้วกัน ตอนนี้เธอแค่อยากจะพาจ่านป๋ายออกไปด้วยกัน 

 

“หนูซีเหมิน เรื่องในคืนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าหากหนูอยากจะเจอมู่หรงอีก!” ประโยคสุดท้ายจ่านอิ๋นใช้เสียงระดับที่พวกเขาทั้งสองได้ยินกันแค่สองคนแล้วกัดฟันพูด 

 

ซีเหมินจินเหลียนออกแรงกำมือไว้แน่น ในใจรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่งพิง จ่านอิ๋นเป็นคนที่ชอบบีบบังคับคน จ่านป๋ายก็เป็นลูกของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้จ่านป๋ายมาบีบบังคับเธอ ให้เธอแต่งงานกับจ่านมู่ฮวา แต่เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจ่านมู่ฮวาจะรักเธอ โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่อยากให้เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลจ่าน 

 

ปัญหาก็คือจ่านอิ๋นเป็นหัวหน้าตระกูลจ่าน คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องวุ่นวายกับลูกด้วย? แต่ว่าเธอจะทำอย่างไรดี เล่นตามน้ำชั่วคราวไปก่อนหรือจะทิ้งจ่านป๋ายแล้วหนีไป? 

 

ตอนนั้นเองผู้ชายร่างอ้วนที่เป็นผู้ดูแลบ้านรีบเดินเข้ามาอย่างร้อนรนและเดินไปที่ข้างๆ จ่านอิ๋นพร้อมกระซิบข้างหู