ตอนที่ 104-1 สายฝนเย็นฉ่ำที่ตกบนเนินเขา

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ระหว่างที่ฤดูกาลเปลี่ยนผัน กโยซึลก็ส่งจดหมายถึงบีพาอันอย่างสม่ำเสมอ เป็นจดหมายที่แนบดอกไม้แห้งที่นางทำขึ้นเอง และจดหมายเหล่านั้นก็ถูกเก็บเอาไว้ที่ลิ้นชักข้างเตียงชั้นล่างสุด 

 

 

“จดหมายแนบดอกไม้อย่างนั้นหรือ” 

 

 

เขาไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยคิดถึงวิธีการส่งจดหมายเช่นนี้มาก่อนเลยด้วย เรียกได้ว่ามันเป็นจดหมายรักที่เขาได้รับเป็นครั้งแรก กลิ่นของดอกไม้แห้งชวนให้ใจของเขาคันยุบยิบ ตัวหนังสือที่ถูกขีดเขียนลงบนครึ่งหนึ่งของกระดาษนั้นสวยงามและเป็นระเบียบ ครั้งแรกที่เปิดอ่าน มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพอากาศ บีพาอันที่รู้สึกงงงัน เปิดอ่านฉบับถัดไปอย่างไม่รู้ตัว ฉบับแล้วฉบับเล่า เนื้อความนั้นเหมือนกันทั้งหมด ไม่เพียงแต่คำพูดของกโยซึลเท่านั้นที่ทำให้บีพาอันงุนงง แต่เป็นสิ่งที่นางเขียนก็ด้วย การที่นางเขียนเล่าเหตุการณ์รอบตัวเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ทั้งจดหมายที่แนบดอกไม้แห้ง ทั้งเนื้อหาที่มีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป ทั้งหมดล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของบีพาอันทั้งสิ้น ไม่ว่าเขาจะพยายามวิเคราะห์เนื้อความเท่าใดก็ไม่อาจค้นพบความหมายใดเลย เนื้อความที่เขาอ่านนั้นหาได้มีความหมายใดแฝงอยู่ไม่ 

 

 

“สมกับที่เป็นจดหมายที่เขียนโดยเด็กน้อยเสียจริง”  

 

 

เด็กน้อย เป็นจดหมายที่เหมือนกันกับกโยซึลนั่นเอง เพราะเป็นจดหมายที่นางเขียน จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย บีพาอันผู้ซึ่งตั้งใจอ่านจดหมายเหล่านั้นกำลังจะละสายตาออก เนื่องด้วยหมดความสนใจต่อมัน ทว่าหางตากลับเหลือบเห็นตราประทับเข้า เป็นตราประทับท้ายจดหมายร่วมกับการเซ็นชื่อ หากมันเป็นตัวอักษรที่พบเห็นได้ทั่วไปเขาจะไม่แปลกใจเลย แต่มันหาได้เป็นตัวอักษรจากแม่พิมพ์ไม่ ตัวอักษรและการตกแต่งนั้นช่างดูละม้ายคล้ายภาพวาด ในวงกลมสีแดงที่ประทับไว้มีตัวอักษรสองตัว บีพาอันขมวดคิ้วมุ่นพลางจ้องตัวอักษรเหล่านั้นอย่างตั้งใจ 

 

 

“อู ที่แปลว่าฝนอย่างนั้นหรือ” 

 

 

หลังจากที่อ่านมัน ตาของบีพาอันก็สั่นไหว มันเป็นหนึ่งในตัวอักษรมากมายที่อยู่ในเนื้อหาของจดหมาย  อู ที่แปลว่าฝน หากอ่านด้วยภาษาของฮวากุกแล้วนั้น มันแฝงความทรงจำที่สามารถเจาะทะลุถึงหัวใจที่แข็งเป็นน้ำแข็งของบีพาอันได้ เขาเดินค้นห้องบรรทมอย่างร้อนรน หลังจากนั้นก็กวาดสายตาอ่านสาส์นแต่งตั้งพระชายาฮวางแทจาอย่างเร็วๆ เขากวาดสายตาข้ามตัวหนังสือที่ถูกเขียนอย่างไว้อย่างทื่อๆ และเป็นระเบียบจนเจอเนื้อความที่กำลังหาอยู่ ชื่อจริงดั้งเดิมของกโยซึลถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน เป็นชื่อที่ไม่ได้ใช้แล้วเนื่องจากถูกแทนที่ด้วยชื่อใหม่ ชื่อที่นางใช้สมัยตอนอยู่ที่ฮวากุกคือ มกฮวา อูรึม บีพาอันกระพริบตาและขยี้มันหลายต่อหลายครั้ง แล้วจ้องมองไปที่ตัวอักษรที่เขียนว่า อูรึม 

 

 

“อู ที่แปลว่าฝน บวกกับ รึม ที่แปลว่าหนาวหรือเย็นอย่างนั้นหรือ” 

 

 

จริงๆ แล้วบีพาอันเคยได้ยินและรู้จักชื่ออูรึมนี้มาก่อน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็น อู ที่แปลว่าฝน และรึมที่แปลว่าเย็น เพราะไม่ใช่ตัวอักษรที่จะใช้ในชื่อคน เขาจึงไม่เคยคิดเชื่อมโยงกับมันมาก่อน 

 

 

“อูที่แปลว่าฝน รึมที่แปลว่าเย็น หรือว่า…จะเป็นชันบี” 

 

 

บีพาอันพูดทวนคำว่าอูรึมที่เป็นชื่อเดิมของกโยซึลซ้ำๆ อูรึม ชื่อที่มีความหมายว่าฝน กับความเย็น  

 

 

ชันบี ชันบี ชันบี ฝนเย็น  

 

 

ตาของบีพาอันลึกโบ๋ไร้แวว ไม่สิ ลึกไปในดวงตาที่มืดมนนั้น ราวกับว่ากำลังมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมา 

 

 

“นางชื่ออูรึมอย่างนั้นหรือ” 

 

 

สีหน้าของบีพาอันในตอนนี้นั้นเหมือนกับว่าเขาถูกตบเข้าที่หลังกระหม่อมเข้าอย่างจัง เขาท่องชื่อของ 

 

 

กโยซึลอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ บีพาอันเริ่มสั่นไปทั้งตัวหลังจากท่องชื่อนั้น 

 

 

“ชันบี” 

 

 

“ว่าอย่างไรนะ” 

 

 

“ชื่อของเราคือ ชันบี” 

 

 

แม้จะเป็นความทรงจำเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ทว่าบีพาอันก็ยังคงจำมันได้อย่างแม่นยำราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันเป็นช่วงเวลาที่ถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา เนื่องจากเขาเฝ้าคิดถึงและคะนึงหามันอย่างไม่มีหยุดพัก มันเป็นช่วงเวลาอันแสนอบอุ่นที่บีพาอันเคยประสบเพียงหนึ่งเดียวที่เขายังคงจดจำมันได้ 

 

 

“เป็นนางอย่างนั้นหรือ” 

 

 

มือของบีพาอันที่จับจดหมายและสาส์นอยู่สั่นระริก ความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาในจิตใจเมื่อครั้งที่ได้พบนางเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด หัวใจของเขาจำนางได้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ มันเป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนาน และเพราะเขาได้ปิดกั้นทุกความรู้สึกของตนไว้ จึงทำให้ดวงตามืดบอด 

 

 

“เหตุใด เหตุใดเราถึงจำนางไม่ได้ตั้งแต่แรกกัน” 

 

 

ช่างน่าขันนักที่เขาเพิ่งจะค้นพบความคล้ายคลึงกันของทั้งคู่ ดวงตากลมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย และความอยากรู้อยากเห็น แก้มนุ่มที่เจือสีเลือดฝาด ทั้งรอยยิ้มกว้าง วิธีการพูดและท่าทางแปลกประหลาดที่ยากจะคาดเดา ยิ่งคิดก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ทั้งคู่เหมือนกันเสียจนเขารู้สึกว่าตัวเองช่างโง่งมนักที่จำนางไม่ได้ บีพาอันหลุดหัวเราะออกมา ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่ตนคิดมาตลอดว่าเป็นนางในของฮวากุก จะเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของที่นั่น  

 

 

“นางคือ…เด็กคนนั้น!” 

 

 

หน้ากากใบหน้าสุขุมเยือกเย็นที่บีพาอันสวมมาตลอดหลายสิบปีแตกสลายลง น้ำตาอุ่นไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา นางคือคนที่เขาเฝ้าคะนึงหามาตลอด ไม่รู้ว่านี่เป็นพรแรกและสุดท้ายจากสวรรค์ที่มอบให้เขาหรืออย่างไร หญิงสาวหนึ่งเดียวที่สั่นคลอนหัวใจของเขาได้กลับกลายมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องของเขาอย่างไม่รู้ตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจไปสารภาพกับนางได้โดยทันที  

 

 

เขากลัว ยิ่งเขานึกถึงชันบี ผู้ที่วิ่งเล่นไปทั่วอย่างร่าเริงในอดีต เขาก็ยิ่งหนักใจที่จะต้องไปหากโยซึล 11 ปี มันเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว 11 ปี ไม่อาจรู้ได้เลยว่านางจะจำเรื่องราวในวันนั้นได้หรือไม่ และเหนือสิ่งอื่นใด ปัญหานั้นอยู่ที่บีพาอัน 

 

 

ตัวเรานั้น… 

 

 

บีพาอันใช้ฝ่ามือกดลงไปที่หน้าอกของตัวเอง นิ้วมือเรียวยาวลูบไล้ใบหน้า หลังจากนั้นก็ลูบผ่านไปที่ริมฝีปาก ริมฝีปากที่ไร้การเคลื่อนไหวมาตลอดรู้สึกขัดเขินนักที่จะยกยิ้มขึ้น ตัวเขานั้นเติบโตมาอย่างแข็งกระด้างเกินกว่าที่จะมีความรู้สึกอ่อนหวานใดได้ อีกทั้งเขายังปฏิบัติต่อนางไม่ดีนัก เขาพูดจาร้ายกาจ อีกทั้งยังใช้กำลังกับนางด้วย บีพาอันกำหมัดแน่นจนเล็บฝังเข้าไปที่ฝ่ามือ 

 

 

จะเป็นอะไรหรือไม่…หากจะขอให้นางอภัยให้กัน 

 

 

ในตอนนี้น่ะหรือ ใครฟังก็คงจะยิ้มเยาะให้ ความรู้สึกที่อยากจะไปหากโยซึล…อูรึมเสียในตอนนี้ กับความรู้สึกเสียใจที่ปฏิบัติไม่ดีต่อกโยซึล สลับกันไปมาอยู่ในหัวของบีพาอัน เขาไม่เคยพบเจอปัญหาและความว้าวุ่นถึงเพียงนี้มาก่อน ทว่าเขาก็ใช้เวลาคิดเพียงไม่นานนัก 

 

 

“บางครั้งการฟังเสียงของหัวใจก็สำคัญกว่าการพินิจพระไตรปิฎกหรือเรื่องงานราชการนะพ่ะย่ะค่ะ หากโรคทางใจเป็นหนักแล้ว ต่อไปจะทรงปกครองใต้หล้าได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หลังจากที่บีพาอันคิดถึงคำที่พระอาจารย์ ผู้ที่ล่วงรู้ถึงความว้าวุ่นในใจของเขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ เขาก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วมุ่งหน้าไปยังตำหนักดงบีทันที แต่กโยซึลกลับไม่อยู่ที่นั่น บีพาอันได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่า 

 

 

กโยซึลกับชันบีเป็นคนเดียวกันกับแม่นม ผู้ซึ่งติดตามกโยซึลมาจากฮวากุกอีกครั้ง เขาไม่อยากจะต้องกังวลกับสิ่งใดอีกต่อไป เขาอยากจะไปหานางเสียเดี๋ยวนี้เลย 

 

 

“ชายาอยู่ที่ใด” 

 

 

“คือว่า เมื่อครู่ได้ทรงไปแสดงความยินดีกับการตั้งครรภ์ที่วังเหนือเพคะ” 

 

 

“เราถามว่าตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด” 

 

 

“ตะ ตอนนี้ น่าจะทรงประทับอยู่ที่วังเหนือเช่นกันเพคะ” 

 

 

หลังจากที่ได้ยินคำตอบจากแม่นม บีพาอันก็มุ่งหน้าไปยังวังเหนือในทันที เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้ซึ่งความลังเล หากในตอนนั้นเขาจะสังเกตเห็นว่าแม่นมมีท่าทีวิตกกังวลเพียงสักนิด บางทีอาจจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปก็เป็นได้ ไม่สิ อาจจะเป็นเรื่องที่น่าโล่งใจยิ่งนัก  

 

 

บีพาอันมุ่งหน้าไปยังวังเหนืออย่างรีบร้อน ยิ่งเข้าใกล้วังเหนือมากเท่าไร จิตใจก็ยิ่งร้อนรุ่มขึ้น จนถึงขั้นสับสนว่าตอนนี้หัวใจของตนยังเต้นอยู่ หรือหยุดเต้นไปแล้วกันแน่ 

 

 

“ชายา…” 

 

 

เสียงที่กำลังจะถูกเปล่งออกมา เมื่อเขาเห็นเงาของกโยซึลเลือนหายไป กโยซึลยืนอยู่ที่ปลายหัวมุมทางเดินของวังเหนือ ผู้ที่บีพาอันคะนึงหายิ่งนักอยู่ตรงนั้น ทว่าเขาไม่อาจส่งเสียงเรียกนางได้ เพราะนางไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว นางอยู่กับรูแฮ 

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี ถวายบังคมพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ยูอึลจิน!”