กโยซึลและรูแฮต่างตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของบีพาอัน และท่าทีนั้นของทั้งคู่ก็ชวนให้บีพาอันหัวเสีย ราวกับว่าทั้งคู่กำลังทำบางสิ่งที่ไม่อาจให้เขารับรู้ได้เป็นอันขาด
“ชายา ไม่รู้หรือว่าที่มกกุกนั้นการเรียกชื่อกันโดยไม่เรียกนามสกุลมันหมายความว่าอย่างไร”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินกโยซึลเรียกชื่อของรูแฮหรืออย่างไร ใจของบีพาอันในตอนนี้จึงหดหู่ และรู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนมีดแทง และด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงเอ่ยถ้อยคำที่เย็นชาและร้ายกาจที่สุดที่เคยพูดออกไป หญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตัวสั่นระริก หากเป็นบุรุษทั่วไปคงอยากที่จะรีบเข้าไปโอบกอดเป็นแน่ ทว่าบีพาอันกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เหตุเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกร้อนรนที่โอบล้อมไปทั่วจิตใจอยู่ในขณะนี้ดี
กโยซึลเอ่ยขึ้นด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก
“ไม่ทราบเพคะ”
หึ บีพาอันยกยิ้มเหยียดหยันที่มุมปาก ไม่รู้ นางไม่รู้ นางบอกว่าไม่รู้ แล้วจะทำอย่างไรได้ กโยซึลไม่ใช่คนที่นี้ นางจึงไม่รู้ถึงความหมายของการกระทำนั้น ทว่าถึงแม้นางจะไม่รู้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจยกโทษให้ได้โดยง่าย เรื่องที่ว่าชายาของตนเอ่ยเรียกชื่อชายอื่นอย่างสนิทสนม ใช่แล้ว เป็นเพราะเหตุผลนี้ ในที่สุดบีพาอันก็คิดหาเหตุผลของอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่บีบรัดใจของตนได้ และเขาก็ได้สาดซัดอารมณ์โกรธนี้ไปที่รูแฮ
เพียะ!
บีพาอันใช้มือตบหน้ารูแฮอย่างแรง บีพาอันเป็นคนที่รับมือยาก ทว่าเขาก็ไม่เคยใช้กำลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าสิ่งที่รักษามาได้ถูกทำลายลงแล้วในวันนี้ สุดท้ายรูแฮก็นั่งคุกเข่าทั้งสองข้าง พลางก้มหัวอยู่ตรงหน้าบีพาอัน
“น้องผิดไปแล้วขอรับ กระหม่อมได้กระทำการที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อฝ่าพระบาทฮวางแทจา”
บีพาอันกำมือที่สั่นระริกทั้งสองข้างแน่น ทีนี้จะทำอย่างไร เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง บีพาอันอยากจะหัวเราะ ทว่าเขาก็มิอาจทำได้ เพราะหน้ากากที่ตนสวมอยู่
“ในเมื่อน้องสำนึกผิด เราก็จะไม่ลงโทษอีก”
บีพาอันพูดอย่างเย็นชาและหันหลังเดินจากไป แม้จะยังเป็นกังวลกับคนทั้งสองอยู่ ทว่าตนก็ไม่อาจอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไปแล้ว คนเราย่อมไม่รู้ว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปในแง่ใด บีพาอันก้มมองมือของตัวเอง เขาใช้กำลังตบหน้ารูแฮถึงสองครั้ง เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจคิดถึงมันอีกต่อไปได้
บีพาอันไม่อยากจะคิดถึงมันอีก
***
กโยซึลไม่มาเยือนที่ตำหนักในยามเช้าอีกเลย แม้บีพาอันจะคิดในใจว่านางนั้นเป็นคนที่ดีแต่พูด ทว่าภายในใจกลับปั่นป่วนยิ่งนัก แต่เขาก็คิดอ้างว่าเป็นเพราะกระเพาะของตนคงจะไม่ค่อยดี อีกทั้งยังทำเป็นว่าโล่งใจที่ในที่สุดกิจวัตรของตนก็กลับมาสงบสุขดังเดิม แต่กระนั้นเงาของกโยซึลกลับยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวอย่างไม่ว่างเว้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี บีพาอันก็ยังคงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกโยซึลอยู่เสมอ และทุกครั้งเขาก็ไม่อาจคงความนิ่งสงบไว้ได้ ความรู้สึกต่างปะทุออกมาราวพายุ มันเป็นสิ่งที่บีพาอันไม่เคยพบเจอมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่คุ้นชินกับท่าทีของตัวเอง ไม่สิ เขาอาจจะเคยเป็นเช่นนี้ในวัยเด็ก ในตอนนั้นเขายังไร้เดียงสา ทว่าในตอนนี้เขาคือฮวางแทจาผู้เพียบพร้อม แต่ถึงอย่างไร เมื่อใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกโยซึลที่เป็นดั่งลมพายุ บีพาอันก็มักจะเผลอเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างไม่รู้ตัวในทุกครา
23 ปี บีพาอันกดทุกความรู้สึกของตนไว้มากว่า 23 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็ไม่ตื่นตระหนก หรือหวั่นไหวเลยสักนิด ทว่าหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่งกลับทำให้เขาว้าวุ่นได้ภายในช่วงเวลาที่ยังไม่ผ่านไปสักฤดูเลยด้วยซ้ำ คิ้วที่ตกลงอย่างน่าสงสารของนางทั้งฉุดรั้ง ทั้งผลักไสเขาอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า บีพาอันไม่อยากจะยอมรับ เขาพยายามที่จะไม่ยอมรับมันจนถึงที่สุด เขาทั้งโกรธนาง และชื่นชมนาง ในบางครั้งเขาก็เอ่ยชมนางกลายๆ ว่าเก่งกว่าที่คิด แล้วก็ค่อยๆ คุ้นชินกับการปรากฏตัวของนางมากขึ้นทีละนิด ทว่าหญิงสาวจาก
ฮวากุกผู้นี้ก็มักจะเข้าหาเขาด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงอยู่ร่ำไป
บีพาอันที่กำลังจัดการงานเล็กงานน้อยในช่วงเช้าอยู่หยิบจดหมายฉบับเล็กฉบับหนึ่งออกมาจากกองหนังสือร้องทุกข์ที่ขันทีนำมาวางไว้ให้ใหม่ กลิ่นบุปผาแห่งฤดูใบไม้ผลิฟุ้งกระจายออกมาจากจดหมาย และเมื่อเขากางผ้าแพรผืนงามที่ห่อจดหมายนั้นไว้ออก ดอกไม้แห้งดอกเล็กที่ถูกทับไว้จนแบนเรียบก็หล่นลงมา บนแผ่นกระดาษที่ถูกแปะติดกับผ้าแพรทองที่ถูกถักทอด้วยด้ายสีนั้น มีตัวหนังสือเล็กกระทัดรัดเขียนไว้อยู่
จดหมายแนบดอกไม้อย่างนั้นหรือ
บีพาอันไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็หยิบดอกไม้ที่ร่วงอยู่บนตักมาแนบไว้ที่จดหมายเช่นเดิม แล้วพับมันไว้ครึ่งหนึ่งโดยที่ไม่แม้แต่จะอ่านเนื้อความในจดหมาย
“เป็นจดหมายที่ส่งมาจากพระตำหนักดงบีพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อตำหนักดงบี คิ้วของบีพาอันก็กระตุกเบาๆ เป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่ไม่มีใครทันสังเกตุ เขาจ้องเขม็งไปที่จดหมายฉบับนั้น
ไม่ยุติธรรม
นี่มันโกงกันชัดๆ การที่นางเข้าหาตนอย่างไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้ การที่มาทำให้นึกถึงเช่นนี้ นางต้องมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะบีบคั้นเขาให้ตายเป็นแน่ แม้บีพาอันจะจ้องมองไปที่จดหมายฉบับนั้นด้วยความว้าวุ่นในใจ ทว่ามันกลับไม่เผยออกมาภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงขันทีที่ไม่อาจรู้ถึงความในใจของบีพาอันที่หมอบราบอยู่ตรงหน้า พร้อมกับหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ทว่ามันกลับไม่เข้าหูบีพาอันเลยสักนิด สายตาของเขาจ้องมองไปที่จดหมายเพียงเท่านั้น และหูก็จดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของกลิ่นของดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิที่ฟุ้งกระจายออกมาจากจดหมาย มันเป็นกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่คล้ายกับกโยซึลนัก
คล้ายอย่างนั้นหรือ
บีพาอันได้ยินเสียงเตือนอันตรายดังขึ้นอีกครั้ง เขาย่นจมูก แล้วเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“เอาออกไป”
“ทราบด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีคลานเข่าเข้ามาหา พร้อมกับยังคงก้มหัวไว้แล้วน้อมรับจดหมายด้วยสองตัว เขายกจดหมายไว้เหนือหัวแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วก้าวถอยหลังออกไป เมื่อขันทีจวนจะเดินถึงประตูห้อง
“เดี๋ยว” บีพาอันที่กำลังเปิดจดหมายฉบับใหม่เอ่ยเรียกขันทีไว้ “ไม่ต้องนำไปไว้ข้างนอก เก็บเอาไว้ข้างในนี้”
“ทราบด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีค้อมหัวลงและก้าวเข้ามาข้างในอีกครั้ง เขาม้วนจดหมายที่ถูกห่อด้วยผ้าแพรทองไว้อย่างเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วนำไปวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
หญิงสาวแรกรุ่นที่เปรียบดั่งหนังที่โคนเล็บ เอาแต่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างเลือนลางอยู่ร่ำไป