บทที่ 449 ลางบอกเหตุของการพบเจอ (3)
[แต่งใหม่ – ไดอารี่ของ คิมชุนดง]
[…เสียงร้องของนกทำให้ผมตื่นขึ้นมา หญ้าแห้งๆจั๊กจี้หลังของผม ใบไม้สั่นไหวต่อหน้าต่อตาผม เห็นได้ชัดว่าผมไม่ได้อยู่ในห้องของผม]
คำถามที่เกิดขึ้นในใจของผม ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่? มีคนลักพาตัวผมมางั้นเหรอ
ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่สำคัญ ผมไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย ผมเหมือนจมน้ำมาตลอดชีวิต ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมรู้สึกไม่มีความสุขหรือโศกเศร้า ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ได้ตกใจอะไรมากนักกับปรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ยังไงผมก็คิดว่าอย่างน้อยผมควรหาที่พัก ผมค่อยๆลุกขึ้นและเริ่มเดินผ่านป่า ยิ่งผมเดินมากเท่าไหร่ สิ่งที่ผมรู้สึกก็ปรากฏเหนือหัวของผม ดวงจันทร์ 2 ดวงส่องแสงและดวงดาวนับไม่ถ้วนเปล่งประกายแวววาว
ผมได้ยินคนพูด ผมเดินไปตามเสียง ผมไล่ตามเสียงของพวกเขา
ผมมาถึงหมู่บ้านแปลกๆหลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านทุกคนแต่งตัวแบบโบราณและอาคารดูราวกับว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นในยุคกลาง
อย่างไรก็ตามผมยังคงใจเย็น ความสับสนชั่วครู่ลดลงอย่างรวดเร็ว
พลังเวทมนต์น้ำแข็งของผมยังไม่แน่ว่าจะเยือกเย็นขนาดนี้
ผมถามชาวบ้านว่าผมอยู่ที่ไหน พวกเขาตอบผมว่าผมอยู่ที่
‘ชานเมืองของ พัลซาร์ ปี 533’
หลังจากนั้นผมก็เข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ความฝันหรือการลักพาตัวหรือว่าเกมส์ ผมได้มายังต่างโลก
ใครพาผมมาที่นี่ พวกเขาพาผมมาที่นี่ได้ยังไงและทำไม?
คำถามเหล่านี้ไม่มีความหมายสำหรับผม ผมยังมีชีวิตอยู่เพียงเพราะผมยังไม่อยากตาย ผมอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นคำถามที่ว่าผมอยู่ที่ไหนมันเป็นเรื่องไม่สำคัญสำหรับผม
ผมเริ่มชีวิตใหม่ของผมใน ‘พัลซาร์’
ผมเริ่มการฝึกฝนเพื่อความอยู่รอด โชคดีที่ พัลซาร์ เต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ ผมฝึกฝนทักษะการใช้ดาบและขัดเกลาพลังเวทมนต์ของผม หลังจากผ่านไป 10 ปีผมก็กลายเป็นสมาชิกของ ราชองครักษ์
หน้าที่ผมในฐานะอัศวินคือการปกป้องนางสนมของราชวงศ์ผู้ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ ‘เฟฮี’ แต่นางสนมไม่เคยได้มีโอกาสได้พบกับ เฟฮี ด้วยตนเอง ในฐานะเจ้าหญิงองค์ที่ 3 เฟฮี เติบโตขึ้นในพระราชวังต้องห้าม
มิให้มารดาเข้ามา นางสนมได้รับอนุญาตแค่มองดูลูกสาวของเธอจากระยะไกล
3 ปีผ่านไป วันหนึ่งมีเด็กคนหนึ่งมาเยี่ยมผม ชื่อของเด็กคนนี้คือ เฟฮี เธออยากพบแม่ของเธอ ผมมองร่างเล็กๆของเธอและดวงตาเป็นประกายน่ารัก
ผมแอบให้เธอเข้ามา เฟฮี กลับมาหลังจากได้คุยแค่ 10 นาทีมันเป็นการสนทนาสั้นๆกับแม่ของเธอ เธอยิ้มให้ผมและแสดงความขอบคุณ
เด็กที่มีอายุเพียง 3 ขวบมาเยี่ยมแม่ทุกสัปดาห์ ใบหน้าของพวกเขาสดใสขึ้นทุกวัน
ผ่านไปอีก 1 ปี
ไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผมถูกย้ายไปยัง ศูนย์กลางราชองครักษ์ ห่างจากนางสนม ผมได้ยินว่า เฟฮี เองก็ไม่ทราบถึงการย้ายมาของผมแต่เธอมาเยี่ยมแม่ของเธอตามปกติและถูกพ่อของเธอจับได้จนถูกลงโทษ มีข่าวลือว่าเขาตีเธอจนน้ำตาแห้ง
ต่อจากนั้นผมใช้เวลาไปกับการเยี่ยมเจ้าหญิงและนางสนม
เมื่อเวลาผ่านไปความหายนะก็เริ่มปรากฏขึ้นทั่วทั้งทวีป เรื่องยิ่งแย่ลงกษัตริย์ก็ล้มป่วย
เฟฮี อายุ 5 ขวบมาหาผม เธอบอกผมว่าแม่ของเธอจากไปแล้วและ
พี่ชายของเธอก็จะฆ่าเธอ เฟฮี ระงับน้ำตาของเธอและขอความช่วยเหลือจากผม
‘…ได้โปรดเป็นอัศวินของข้าด้วยเถอะ แม่ของข้าตายไปแล้วและข้าเองก็ไม่มีอำนาจอะไร…. ‘
ตอนนั้นผมก็ตระหนักว่านี้ครั้งแรกที่ผมสามารถเป็นความหวังให้กับคนอื่นและผมก็อยากมอบความหวังให้กับเธอเช่นกัน
เจ้าหญิงยังไม่รู้ชื่อของผม ผมแนะนำตัวเองฐานะ คิมสปริง เธอถามผมว่าชื่อของผมคือ ‘ไคด์สปริง’ เพื่อให้ชัดเจนผมพยักหน้า
ชีวิตที่อ้างว้างไม่มีผู้ปกครอง เพื่อนและความรัก
‘…ผมสาบานด้วยชื่อของผมว่าจะรับใช้ฝ่าพระบาทตลอดไป’
[แน่นอนผมไม่เสียใจที่อุทิศชีวิตให้กับใครบางคน]
[นี้คือเนื้อเรื่องของ คิมชุนดง]
ผมหัวเราะกับตัวเองในขณะที่ผมอ่านไดอารี่ของ คิมชุนดง สรุปโดยรวมเมื่อผมแทนที่ คิมชุนดง บนโลก คิมชุนดง ตัวจริง ก็ได้ถูกส่งไปต่างโลกไม่สิเป็น ‘อดีต’ ของต่างโลก
“มีอะไรตลกงั้นเหรอ?”
จินซาฮยอค ขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอจริงจังมาก ผมเริ่มเตรียมคำตอบในหัวของผม แต่ผมควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้?
ไม่ว่าผมจะคิดนานแค่ไหนผมก็ไม่มีคำตอบที่ ‘ถูกต้อง’
“…อะแฮ่ม.”
ผมล้างคอของผม จินซาฮยอค ถามด้วยสีหน้าขมขื่น
“…นายยังเกลียดฉันอยู่เหรอ”
“… .”
ผมจ้องมองไปที่ จินซาฮยอค อย่างเงียบๆ อารมณ์หลายอย่างอยู่ในดวงตาของผม ผมควรจะบอกว่าไม่ผมควรจะยืนยันว่าผมไม่ใช่คิมชุนดง หรือเปล่านะ…? แต่จิตใจของผมไม่ยอมโกหก [การซิงโครไนซ์] ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในตัวผม
“อยู่กับฉันอีกครั้งเถอะ”
จินซาฮยอค พูดต่อดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจว่าผมคือ คิมชุนดง
“พวกเราจะเริ่มทุกอย่างใหม่ตอนที่กลับไปที่บ้านเกิดของพวกเรา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนพวกเราก็ต้องกลับไปที่ พัลซาร์ นายไม่คิดอย่างงั้นเหรอ?”
“… .”
คำพูดของเธอทำให้ผมจริงจังขึ้นมาเช่นกัน ความปรารถนาเดียวของ จินซาฮยอค คือกลับไปที่ อคทรีน่า และสร้าง พัลซาร์ ใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรอสูรของ อคทรีน่า ได้จบสิ้นลงไปนานแล้ว แม้ว่าเธอจะย้อนเวลากลับไปการทำเช่นนั้นก็เป็นการฆ่าตัวตาย
“…ทวีปอยู่ภายใต้การควบคุมของมารแล้ว การฟื้นฟูเป็นไปไม่ได้”
ผมไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่ จินซาฮยอค ก็ยืนกราน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็จะตายที่นั้น ฉันเป็นราชาแห่ง พัลซาร์
ชีวิตนอก พัลซาร์ นั้นไม่มีความหมายสำหรับฉัน ถ้าฉันจะตาย ฉันจะตายในประเทศของฉัน”
จินซาฮยอค เลือกแล้ว สำหรับเธอแล้วการประนีประนอมไม่ใช่ตัวเลือก ความปรารถนาของเธอเป็นเหตุผลพื้นฐานสำหรับการดำรงอยู่ของเธอ แต่คำตอบของผมถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรก
“ฉันปฏิเสธ.”
“… .”
ไหล่ของจินซาฮยอค สั่นไหว เธอไม่ได้พยายามซ่อนความโกรธของเธอ เอาไว้ แต่ความโกรธของเธอพุ่งตรงไปที่ตัวเธอไม่ใช่ผม
“มันดึกมาแล้ว. ไปนอนเถอะ.”
ผมชี้ไปที่ประตู ถึงกระนั้นจินซาฮยอค ก็มองมาที่ผมโดยไม่ยอมขยับ
ริมฝีปากของเธอสั่นไหวเล็กน้อยราวกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ไม่มีคำพูดออกมาจากปากของเธอ
คลิก.
ในที่สุดผมก็ปิดไฟแล้วคลานเข้าไปในเตียงของผม ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่าน จินซาฮยอค ก็จากไป
“เฮ้ออออออออออ… .”
ผมคิดถึง คิมชุนดง จนฝังอยู่ใต้ผ้าห่ม
แต่ผมไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามในหัวของผมได้
ผมยิ่งคิดยิ่งรู้สึกมากขึ้น
*************************************************************************
…วันใหม่เริ่มขึ้น จินซาฮยอค นอนไม่หลับ ความคิดอันความปวดร้าวและความทุกข์ทรมาณ หลอกหลอนเธอ เธอไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
เธอได้ข้อสรุปมาข้อหนึ่งแล้ว
‘แน่นอนเขาไม่ยกโทษให้ฉันสุดท้าย ฉันก็ยังไม่รู้จะบอกขอโทษเขายังไง’
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ
‘ทำไมคิมฮาจินถึงชอบตัวเองในอดีตของผม ‘เฟฮี ‘? เธอมันไม่มีอะไรดี’
“…ชิ.”
ทันใดนั้น จินซาฮยอค ก็หันมาจ้องมองดวงอาทิตย์นอกหน้าต่าง
ดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างสง่างามและส่องลงมาบนภูเขาและลำธารเบื้องล่าง มุมมองของบ้านเกิดของเธอนั้นยังคงสวยงามเหมือนเช่นเคย
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้า….”
ทั้งหมดนี้มันก็มีความสุขและสบายเกินกว่าจะเป็นภาพลวงตา เธออยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้เหรอ? หากเธอขัดขวางผู้อื่นจากการเก็บเศษคริสตัล
เธอจะอยู่ที่นี่ในอาณาจักรของเธอได้ตลอดไป บางทีนั่นอาจไม่ใช่ความคิดที่เลวร้าย
… แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ควรทำแบบนั้น
นี่ไม่ใช่ อคทรีน่า ที่แท้จริงและมันผิดในฐานะราชาที่จะตั้งถิ่นฐานให้กับคนปลอมๆมากกว่าของจริง กษัตริย์ไม่ควรนิ่งนอนใจ กษัตริย์ควรปกป้องประชาชนและดินแดนของตัวเอง กษัตริย์ไม่ควรละทิ้งประเทศของตัวเอง กษัตริย์ควร….
– ไม่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องทำ!
ทันใดนั้นเสียงบ้าๆบอ ๆ ก็ขัดจังหวะความคิดของเธอ เธอลุกขึ้นอย่างช้าๆและมองออกไปนอกหน้าต่างพบว่าคนแคระที่ชื่อว่าเอเลี่ยนหรืออะไรสักอย่างกำลังซ่อมกำแพงปราสาท
– ดูนี่ พลังเวทมนต์นี้จะซ่อมแซมกำแพง!
ทันทีที่เธอตะโกนซีเมนต์ก็เริ่มยึดและจัดแนวตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบกับผนัง พรสวรรค์นั่นชัดเจนว่าทำให้คนแคระสูญเสียอะไรบ้างอย่างไป
– ฮืม? คุณ ไอลีน คุณตื่นแต่เช้าเลยนะ
จินเซยอน เดินไปหาคนแคระด้วยรอยยิ้มที่สดใสเธอลูบหัวของไอลีน
– แน่นอน คิมฮาจินบอกว่าเขาจะให้ช็อคโกแลตกับฉันน่ะสิ