แดนนิรมิตเทพ บทที่ 862
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่จ้างองค์กรล่าชีวิตมาลอบฆ่าเฉินโม่ก็คือเซี่ยงชง

ตอนนี้องค์กรล่าชีวิตถูกเฉินโม่ทำลายแล้ว ดังนั้นเซี่ยงชงจึงมาแก้แค้นเฉินโม่ด้วยตนเอง โดยใช้สมาชิกครอบครัวของเฉินโม่ข่มขู่ เพื่อบังคับให้เฉินโม่ปรากฏตัวออกมา

สิ่งที่เฉินโม่เกลียดที่สุดก็คือคนอื่นใช้ญาติมิตรข่มขู่เขา ข้อห้ามแต่ละข้อที่เซี่ยงชงกระทำนั้น มันเพียงพอสำหรับที่เฉินโม่จะฆ่าเขาสิบครั้งแล้ว

เซี่ยงชงโลดแล่นอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาหลายสิบปีแล้ว และปกติเขาเป็นคนที่จองหองมาก ตอนนี้เขาถูกเฉินโม่ดูหมิ่น จึงทำให้เซี่ยงชงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“เจ้าหนู ฉันยอมรับว่าแกมีความสามารถไม่น้อย แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าแกจะสามารถเอาชนะฉันได้! และนึกไม่ถึงว่าแกจะพูดจาโอหังขนาดนี้ ฉันจะต้องฆ่าแกเพื่อระบายความโกรธแค้น และปลอบดวงวิญญาณลูกศิษย์สองคนที่อยู่บนสวรรค์!”

“งั้นก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระอีก” เฉินโม่กล่าวอย่างเย็นชา เขาขยับร่างกาย แล้วปล่อยพลังหมัดไปที่เซี่ยงชง

“ฮึ่ม!” เซี่ยงชงไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า และปล่อยพลังหมัดออกไปต้านเช่นกัน

ปัง!

เซี่ยงชงถอยหลังไปสิบเมตร ในขณะที่เฉินโม่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้เซี่ยงชงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ต่อสู้!” เซี่ยงชงรู้สึกไม่พอใจ แล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

เฉินโม่ปล่อยพลังหมัดต้านเช่นกัน พวกเขาสองคนประมือกันอย่างต่อเนื่องสิบกว่าหมัด

พลังหมัดที่ทรงหลังเหล่านั้น ทำให้ชี่ทิพย์ที่อยู่เหนือทะเลสาบกลับคืนรังหายไปหมด

“ความแข็งแกร่งของสองคนนี้ถึงระดับไหนแล้ว? ถึงได้สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าได้!” นักบู๊หนุ่มคนหนึ่งถามด้วยสีหน้าชื่นชม

“ปรมาจารย์แดนชี่แท้ สามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ชั่วคราว ส่วนปรมาจารย์แดนคุ้มกาย ถึงจะสามารถบินอยู่กลางอากาศได้ พวกเขาสองคนต่อสู้อยู่กลางอากาศนานขนาดนี้ เกรงว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาสองคนคงจะถึงระดับแดนมองขวัญแล้ว!” นักบู๊ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเคารพยำเกรง

ปรมาจารย์มีอยู่ในโลกฝึกบู๊ค่อนข้างน้อย เหมือนเป็นมังกรที่อยู่บนสวรรค์ ส่วนปรมาจารย์แดนมองขวัญเป็นการดำรงอยู่ ที่แม้แต่ปรมาจารย์ก็ทำได้เพียงแค่แหงนหน้ามองเท่านั้น

ผู้เป็นแดนเทพไม่ออกมา พวกเขาจะเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้!

“นึกไม่ถึงว่าเฉินไต้ซือจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าพวกเราประเมินความแข็งแกร่งของเฉินไต้ซือต่ำเกินไปแล้ว!”

“ถึงแม้ว่าเซี่ยงชงจะไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง แต่เขาถูกเฉินไต้ซือโจมตีตลอด ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเฉินไต้ซือไม่ได้สูงกว่าเขาแค่หนึ่งระดับเท่านั้น!”

“เฉินไต้ซืออายุยังน้อย แต่ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้! มันล้มล้างการรับรู้ของโลกฝึกบู๊แล้ว เขามีความลับอะไรกันแน่?”

เมื่อเห็นว่าพลังความแข็งแกร่งของเฉินโม่น่าสะพรึงกลัว สุดท้ายก็มีคนเริ่มสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา

“ผมคิดว่าเฉินไต้ซือต้องมีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้อย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเคล็ดวิชาที่เขาฝึกนั้นแข็งแกร่งกว่าของโลกฝึกบู๊มาก มิเช่นนั้นด้วยวัยของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มฝึกบู๊ตั้งแต่เกิด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเก่งขนาดนี้!”

“มันสมเหตุสมผล ถ้าพวกเราได้เคล็ดวิชาที่เฉินไต้ซือฝึก บางทีพวกเราอาจจะแข็งแกร่งเหมือนกับเขา”

คำพูดเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แต่เมื่อคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นได้ยิน ความหมายจะเปลี่ยนแปลงไป

เหล่านักบู๊ที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์ บางคนแอบคิดวางแผนอยากจะได้เคล็ดวิชาที่เฉินโม่ฝึก

กลางอากาศ เฉินโม่ปล่อยพลังหมัดกระแทกจนเซี่ยงชงกระเด็นกลับหัวออกไป ในที่สุดเซี่ยงชงก็ไม่สามารถต้านได้อีกต่อไปแล้ว เขาตะโกนว่า “วอกแปดแขน!”

เซี่ยงชงกลายร่างเป็นวอกแปดแขน และแขนทั้งแปดน่าสะพรึงกลัวราวกับสัตว์ประหลาด

“นี่เป็นเคล็ดวิชาบู๊อะไรกันแน่?” นักบู๊หนุ่มส่วนใหญ่ไม่รู้

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นนักบู๊อาวุโสบางคนก็จำท่าไม้ตายที่เซี่ยงชงใช้กวาดล้างโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยตอนนั้นได้

ตอนนั้นเมื่อกล่าวถึงวอกแปดแขนในโลกฝึกบู๊แล้ว เป็นการดำรงอยู่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้

“นึกไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปสามสิบปี ยังสามารถเห็นเคล็ดวิชาบู๊ที่กวาดล้างโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยอีกครั้ง เมื่อสามสิบปีที่แล้ว วอกแปดแขนของเซี่ยงชงได้กวาดล้างโลกฝึกบู๊ไปแล้ว สามสิบปีต่อมา พลังของกระบวนท่านี้จะน่าสะพรึงกลัวถึงระดับไหนแล้ว?”

นักบู๊มากมายที่รู้เรื่องการต่อสู้ในตอนนั้น มองเซี่ยงชงที่กลายร่างเป็นวอกแปดแขนที่อยู่กลางอากาศ ด้วยสีหน้าเคารพยำเกรง