ความชิงชังที่เพิ่มพูน

 

 

 

 

เดินทางไปประมาณหนึ่งชั่วยามจึงมาถึงหมู่บ้าน หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในสินเดิมของฮูหยินหร่วนที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด ถึงแม้มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก ประมาณห้าร้อยหมู่ มีชาวนาชาวไร่ประมาณห้าถึงหกสิบครัวเรือน 

 

 

“นายท่านผู้เฒ่า คุณหนู บ่าวเฉินก่วงฝูคารวะทุกท่าน” เฉินก่วงฝูกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามา เขาเป็นคนที่เสิ่นเวยส่งตัวมาอยู่ที่นี่ เป็นคนจากเขาด้านหลังของเขาหัวไก่ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำไร่ทำนา เสิ่นเวยไว้วางใจในตัวเขามาก 

 

 

หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะสั่งว่า “เข้าไปพักด้านในกันก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน” 

 

 

เฉินก่วงฝูพยักหน้า นำขบวนรถเข้าไปในจวน แน่นอนว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในหมู่บ้านย่อมเทียบในจวนไม่ได้ แต่ภายในห้องก็เก็บกวาดสะอาดสะอ้าน หญิงสาวและหญิงวัยกลางคนสิบกว่าคนกำลังรอรับคำสั่งอยู่ในเรือน  

 

 

ฝ่ายเสิ่นเวยมีหลีฮวากับโอวหยางไน่  ฝ่ายท่านตามีหร่วนฟู่กับแม่นมเจียง เสิ่นเวยเข็นท่านตา พาเสิ่นเจวี๋ยน้องชาย หร่วนเหิงญาติผู้พี่ หร่วนเหมียนเหมียนให้เข้ามาพักผ่อนในห้องโถงด้วยกัน 

 

 

เหอฮวาพาสาวใช้สาวใช้ระดับล่างไปเตรียมน้ำร้อนต้มชาอย่างถูกธรรมเนียม หร่วนเจิ้นเทียนมองหลานสาวสั่งความพวกบ่าวอย่างไม่ขัดเขิน ดวงตาฝ้าฟางเต็มไปด้วยความชื่นชม ช่างเป็นเด็กที่มีความสามารถจริงๆ อืม เจวี๋ยเกอเอ๋อร์ก็รู้ความ อายุยังน้อยก็มีความสุขุมเช่นนี้ เหิงเกอเอ๋อร์กับเหมี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ก็ไม่เลว กตัญญู รู้จักพัฒนาตัวเอง สายตาของเขากวาดมองหลานทั้งหมด รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก 

 

 

“พี่เวย พวกเราจะไปจับปลากันเมื่อไหร่เจ้าคะ” หร่วนเหมียนเหมียนรีบยกชาขึ้นดื่ม เอ่ยถามอย่างร้อนใจ 

 

 

“ดูเจ้าเถอะ รีบร้อนเสียจริง เจ้าก็ให้พี่เวยของเจ้าได้พักเหนื่อยก่อน” หร่วนเหิงปรามน้องสาว 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนกลับไม่ใส่ใจสักนิด แลบลิ้นพร้อมตอบกลับไปว่า “ข้ายังไม่เคยจับปลา ก็ต้องอยากไปสิ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านพี่จะไม่อยากไป” 

 

 

หร่วนเหิงเหลือบมองน้องสาวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาจะสนใจแต่เล่นสนุกเหมือนเจ้าหรือ” ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับเสิ่นเวยว่า “ทำตามที่ญาติผู้น้องเห็นสมควรเถอะ อย่าตามใจเด็กคนนี้เลย” 

 

 

เสิ่นเวยคลี่ยิ้ม “ญาติผู้พี่เกรงใจไปแล้ว เหมียนเหมียนก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของข้า หากพวกท่านไม่เหนื่อย เช่นนั้นพวกเราก็ไปที่แม่น้ำกันเถอะ ดูกันว่าวันนี้ใครจะจับปลาได้มากกว่ากัน” 

 

 

“ได้ๆ ดีเลยเจ้าคะ” หร่วนเหมียนเหมียนตบมืออย่างดีใจ 

 

 

หร่วนเจิ้นเทียนกลับเอ่ยว่า “พวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะให้อาฟู่เข็นไปดูรอบๆ หมู่บ้าน เหิงเกอเอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่ใหญ่ ต้องดูแลน้องๆ ให้ดี” เขากำชับกับหร่วนเหิง 

 

 

หร่วนเหิงรับคำ 

 

 

เฉินก่วงฝูได้เตรียมอุปกรณ์ไว้ก่อนแล้ว เขานำกลุ่มของเสิ่นเวยไปที่ริมแม่น้ำด้วยตัวเอง 

 

 

เสิ่นเวยหยิบเบ็ดตกปลามาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เสิ่นเจวี๋ย หร่วนเหิงและหร่วนเหมียนเหมียนก็หยิบเบ็ดตกปลาขึ้นมาทำตาม แล้วไปหาทำเลตกปลาของตัวเอง 

 

 

ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเสิ่น หญิงสาวเคยตกปลาอยู่บ่อยๆ นางมีประสบการณ์มาก เวลาเพียงครึ่งก้านธูปก็ตกปลาขนาดเท่าฝ่ามือได้แล้ว หร่วนเหมียนเหมียนปล่อยคันเบ็ดของตัวเองแล้ววิ่งมาหาเสิ่นเวยในทันที “พี่เวย ท่านเก่งกาจจริงๆ” ความนับถือเด่นชัดอยู่บนดวงหน้า ในใจของนางพี่เวยสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่เพียงช่วยนางจัดการกับคนชั่วเท่านั้น แม้แต่ตกปลาก็เก่งกาจเช่นนี้ แม้แต่การตกปลาก็ร้ายกาจเช่นนี้ 

 

 

“ตกปลาก็เป็นงานที่ต้องใช้แรง ขอเพียงมีความอดทนจะต้องตกได้อย่างแน่นอน” เสิ่นเวยเกี่ยวเหยื่อและเหวี่ยงสายเบ็ดลงไปในน้ำ 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนได้ยินดังนั้นก็หันไปตกปลาต่อ 

 

 

ผ่านไปอีกครู่หนึ่งเสิ่นเวยก็ตกปลาได้อีกหนึ่งตัว ตอนที่นางโยนปลาลงไปในถังก็เห็นเสิ่นเจวี๋ยกับหร่วนเหิงต่างก็ตวัดเบ็ดขึ้น พวกเขาต่างก็ตกปลาได้คนละตัว เสิ่นเจวี๋ยตัวใหญ่กว่าสักหน่อย ขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ หร่วนเหิงเล็กกว่าสักหน่อย ขนาดประมาณสามนิ้ว 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนร้อนใจขึ้นมา “พี่เวย พี่เวย เหตุใดข้าจึงตกปลาไม่ได้ล่ะเจ้าคะ” 

 

 

เสิ่นเวยยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดออกมา หร่วนเหิงก็พูดเยาะเย้ยออกมาว่า “เจ้าขยับไปขยับมาเหมือนกับลิง ทั้งยังใจร้อน ตกปลาได้ก็แปลกแล้ว อีกอย่างเจ้าก็ทำให้ปลาของข้าตกใจหนีไปหมดแล้วด้วย” 

 

 

หร่วนเหิงทนมองต่อไปไม่ไหวจริงๆ น้องสาวตกปลาอยู่ข้างๆ เบ็ดยังไม่ทันตกลงไปในน้ำก็ยกขึ้นมาดูแล้ว แค่ครู่เดียวก็ยกขึ้นมาเจ็ดแปดครั้งแล้ว ปลาฝั่งเขาก็ตกใจหนีไปหมด 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนไม่ยอมแพ้ “ท่านต่างหากที่เป็นลิง ตกปลาไม่ได้ยังจะมาโทษคนอื่นอีก เหอะ หากมีความสามารถท่านก็ลองตกให้ได้ตัวใหญ่ดูสิ ตัวเล็กๆ แค่นี้ไม่พอยาไส้หรอก” 

 

 

“อย่างน้อยก็ดีกว่าเจ้าที่ตกไม่ได้สักตัว” หร่วนเหิงพูดด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แต่ทำให้น้องสาวโมโหขนพองขึ้นมาในทันที “คอยดูเถอะ ข้าจะต้องตกปลาตัวใหญ่ให้ท่านดูให้ได้” 

 

 

“ได้ ข้าจะคอยดู” หร่วนเหิงไม่เชื่อสักนิดว่าน้องสาวของเขาที่ทำอะไรลวกๆ จะตกปลาได้ ปลาหลอกกินเหยื่อของนางไปหมดน่าจะเป็นไปได้มากกว่า  

 

 

เสิ่นเวยกับเสิ่นเจวี๋ยมองพวกเขาฟาดฝีปากกันอยู่ด้านข้างๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งสักนิด และพวกเขาก็คุ้นชินแล้วด้วย ถึงแม้สองพี่น้องคู่นี้จะปะทะฝีปากกันบ่อยครั้ง แต่ก็รักใคร่กันมาก พึ่งพากันมาตั้งแต่เล็กจะไม่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นได้อย่างไร 

 

 

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ดวงอาทิตย์ลอยตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นเวยสานกิ่งหลิวเป็นหมวกสวมศีรษะ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ต้องใส่ใจกฎระเบียบมากมายนัก ตนเองมีความสุขก็พอแล้ว อีกอย่างสาวใช้ข้างกายนางล้วนเป็นคนที่นางพามาจากหมู่บ้านตระกูลเสิ่น พวกนางคุ้นชินกับการกระทำแปลกๆ ของนางแล้ว มีเพียงเถาจือเท่านั้นที่แสดงสีหน้าลังเลอยากจะเอ่ยปากห้าม แต่เห็นทุกคนนิ่งเงียบ นางจึงเลือกที่จะปิดปากอย่างเฉลียวฉลาด 

 

 

พวกหร่วนเหมียนเหมียนเห็นหมวกของเสิ่นเวยก็รู้สึกสนใจขึ้นมา นึกอยากจะสานบ้าง แต่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน จะทำเป็นได้อย่างไร จำต้องขอคำชี้แนะจากพวกสาวใช้และคนในหมู่บ้าน 

 

 

เวลาล่วงจนถึงเกือบเที่ยง เสิ่นเวยก็ตกปลาได้สิบกว่าตัว หร่วนเหิงกับเสิ่นเจวี๋ยรวมกันได้สิบตัว มีเพียงหร่วนเหมียนเหมียนเท่านั้นที่ตกไม่ได้สักตัว นางร้อนใจจนเหงื่อแตกเต็มศีรษะ 

 

 

เสิ่นเวยเห็นอย่างนั้นก็กลัวว่านางจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไม่ได้จึงเรียกเฉินก่วงฝูมาสั่งความสามสี่คำ ผ่านไปครู่หนึ่งเฉินก่วงฝูที่ปลีกตัวออกไปก็ย้อนกลับมา ในมือของเขามีพลองมาด้วยสามสี่อัน 

 

 

“เหมียนเหมียนมานี่ ข้าจะสอนวิธีจับปลาแบบใหม่ให้เจ้า” เสิ่นเวยตะโกนเรียก 

 

 

“คืออะไรหรือเจ้าคะ” หร่วนเหมียนเหมียนรีบวิ่งมาทันที 

 

 

เสิ่นเวยหยับไม้พลองขึ้นมา ใช้มีดสั้นเหลาปลายไม้ให้แหลม ขยับโยนเบาๆ ในมือเพื่อกะน้ำหนัก “ดูให้ดีล่ะ” สายตาของนางจับจ้องไปในน้ำ ทันใดนั้นนางก็เหวี่ยงพลองในมือออกไปรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ ตอนที่หยิบขึ้นมาอีกครั้ง ปลายแหลมของพลองก็มีปลาปักไว้ตัวหนึ่ง 

 

 

 “ตายจริง พี่เวยท่านเก่งจริงๆ! ข้าอยากเรียน อยากเรียน!” หร่วนเหมียนเหมียนจับแขนเสิ่นเวย กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ 

 

 

“ได้ๆ ได้ ข้าจะสอนเจ้า” เสิ่นเวยคลี่ยิ้ม 

 

 

 หร่วนเหิงกับเสิ่นเจวี๋ยก็สนใจขึ้นมาเช่นกัน “พวกเราจะลองดู” เสิ่นเวยจึงเหลาปลายไม้อีกสองอันให้พวกเขา 

 

 

“สายตาต้องมองให้แม่น ลงมือต้องรวดเร็ว” เสิ่นเวยชี้แนะ พลางจับมือหร่วนเหมียนเหมียน “ดูเร็ว ตรงนั้นมีหนึ่งตัว” 

 

 

 เมื่อเหวี่ยงพองออกไป ปลาตัวใหญ่ก็ถูกเสียบขึ้นมา “ฮ่าๆ ข้าจับปลาได้แล้ว ปลาตัวใหญ่ด้วย” หร่วนเหมียนเหมียนร้องตะโกนอย่างดีใจ 

 

 

 เสิ่นเจวี๋ยกับหร่วนเหิงกระตุกมุมปากพร้อมกัน นั่นเป็นปลาที่เจ้าจับได้หรือ 

 

 

พวกเขาใช้ฉมวกที่ทำขึ้นอย่างง่ายแทงปลา เสิ่นเวยก็แทงปาขึ้นมาได้อีกสองตัว 

 

 

“เวยเจี่ยเอ๋อร์ฝีมือไม่เลวทีเดียว” หร่วนเจิ้นเทียนไม่รู้ว่ามาที่ริมแม่น้ำเมื่อไหร่ ชายชราลูบเครา ดูเหมือนจิตใจเบิกบานไม่น้อย 

 

 

เสิ่นเวยยักไหล่ “ฝึกบ่อยๆ เลยใช้ได้น่ะเจ้าค่ะ” 

 

 

“ฮ่ะๆ คงไม่ใช่แค่นี้หรอกกระมัง” หร่วนเจิ้นเทียนคลี่ยิ้มมีเลศนัย แค่ฝึกฝนบ่อยๆ ง่ายดายอย่างนั้นเสียที่ไหนกันเล่า เหิงเกอเอ๋อร์ฝึกฝนมาสิบกว่าปียังคงมือรวดเร็วไม่เท่าเวยเจี่ยเอ๋อร์ แต่ว่านางเป็นผู้หญิง เรื่องนี้คงทำให้นางลำบากไม่น้อย 

 

 

“คุณหนู คอแห้งหรือยังเจ้าคะ ดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยวสักหน่อยเถอะเจ้าคะ” เถาจือรีบยกถ้วยน้ำบ๊วยเปรี้ยวมาให้อย่างห่วงใย นางทำมันระหว่างที่เดินทางมายังหมู่บ้าน 

 

 

เสิ่นเวยรับมาส่งให้หร่วนเจิ้นเทียน “ท่านตาลองชิมสักหน่อยเจ้าค่ะ รสชาติไม่เลวเลย” ก่อนจะตะโกนเรียกคนที่อยู่ในน้ำ “รีบขึ้นมาเร็ว ดื่มน้ำบ๊วยสักหน่อย หากชักช้าจะไม่เหลือแล้วนะ” 

 

 

พวกหร่วนเหิงก็เล่นสนุกกันพอสมควรแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเสิ่นเวยก็รีบวิ่งขึ้นมาทันที 

 

 

พวกเขานั่งดื่มน้ำบ๊วยอยู่ใต้ต้นไม้ บรรยากาศเย็นสบาย พูดคุยเรื่องจับปลากันอย่างสนุกสนาน 

 

 

เสิ่นเวยมองปลาในถัง เลือกตัวใหญ่ๆ มาสิบตัวก่อนจะมอบให้เฉินก่วงฝูไปจัดการต่อ จากนั้นก็ใช้เกลือทาทั้งนอกและในตัวปลาที่เลือกไว้ 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนเอ่ยถามอย่างสนใจ “พี่เวย ท่านทาเกลือทำไมหรือเจ้าคะ” 

 

 

“เพื่อให้มีรสชาติ ปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ครึ่งชั่วยาม รสเกลือจะซึมเข้าไปในเนื้อ ปลาที่ย่างออกมาจะมียิ่งมีรสชาติดีมากขึ้น” เสิ่นเวยอธิบาย พลางสั่งให้สาวใช้นำที่ย่างและถ่านมาวาง  

 

 

อุปกรณ์ที่ต้องใช้เตรียมเสร็จแล้ว ปลาก็ชุ่มฉ่ำดีแล้ว “ท่านตา วันนี้เชิญท่านลิ้มลองรสมือของข้าสักครั้ง” 

 

 

เสิ่นเวยนำปลาที่เสียบไม้มาวางบนราวสำหรับใช้ย่าง นางพลิกอย่างชำนาญ พร้อมโรยเครื่องเทศนานาชนิดลงไป ผ่านไปครู่หนึ่งเนื้อปลาก็ส่งกลิ่นอกมา 

 

 

หร่วนเหมียนเหมียนจับจ้องอยู่ข้างๆ ปากขยับกลืนน้ำลาย เอ่ยถามอยู่ตลอดเวลาว่าเสร็จหรือยัง 

 

 

แม้แต่หร่วนเหิงและเสิ่นเจวี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาล้อมรอบ เสิ่นเวยภูมิใจมาก ความเชี่ยวชาญในการย่างปลาของนางสั่งสมประสบการณ์มาเป็นร้อยเป็นพันครั้งเชียวนะ 

 

 

“ท่านตา ท่านลองชิมสักหน่อยเจ้าค่ะ” เสิ่นเวยยื่นปลาที่เผาสุกแล้วไปให้หร่วนเจิ้นเทียน ก่อนจะยื่นอีกตัวไปให้หร่วนเหมียนเหมียน “เจ้าแมวจอมตะกละรีบกินเถอะ” 

 

 

เสิ่นเจวี๋ยกับหร่วนเหิงหยิบมากินก่อนแล้ว พวกเขาไม่กลัวร้อน ใช้ปากกัดเนื้อทันที 

 

 

“อร่อย อร่อยจริงๆ! ข้าไม่เคยกินปลาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย” หร่วนเหมียนเหมียนบอกเสียงดัง พลางกินไม่หยุดปาก เสิ่นเจวี๋ยกับหร่วนเหิงก็พยักหน้าไม่หยุด 

 

 

หร่วนเจิ้นเทียนชิมปลาย่างในมือ สีหน้าเกลื่อนไปด้วยความชื่นชม “ไม่เลว รสชาติไม่ธรรมดาจริงๆ” 

 

 

เพียงไม่นานปลาย่างสิบกว่าตัวก็ถูกพวกเขากินจนหมด ทั้งยังแสดงสีหน้าไม่หายอยาก จนกระทั่งเสิ่นเวยรับปากว่าครั้งหน้าจะย่างให้มากกว่านี้อีก พวกเขาจึงพอใจ