ตอนที่ 542 เด็กปลอดภัยแล้ว / ตอนที่ 543 ไม่แน่ว่าเขาอาจกำลังตามหาคุณไปทั่ว

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 542 เด็กปลอดภัยแล้ว 

 

 

           เธอเป็นหญิงสาวในฝันของเขา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรเสียก็ผ่านมาได้ตั้งหลายปีแล้ว รอไปอีกไม่กี่วันย่อมได้ 

 

 

           เฉียวซือมู่หลับไปทั้งอย่างนั้นจนถึงอีกวัน แถมยังถูกคนแปลกหน้าปลุกขึ้นมาอีก  

 

 

           เธอลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูดังอยู่ข้างนอก อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ หันไปมองสีของท้องฟ้าที่นอกหน้าต่างแล้ว ก็ชักจะไม่แน่ใจขึ้นมา  

 

 

           ที่นี่ที่ไหน? แล้วกี่โมงแล้ว? 

 

 

           จากนั้นก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้ ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจิ้นแล้ว แต่อยู่ที่บ้านของฉีหย่วนเหิงต่างหาก แล้วก็ไม่รู้ทำไมคนข้างนอกนั่นถึงเอาแต่เคาะประตูอยู่เงียบๆ 

 

 

           เธอขานรับออกไป เสียงเคาะประตูก็หยุดลง  

 

 

           พอเธอลงจากเตียงมาแล้วก็จัดเสื้อตัวเอง แต่ก็ต้องอึ้งไปทันทีที่เห็น เมื่อวานเธอยังเลือดไหลอยู่เลย แต่เหมือนว่าตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้ว 

 

 

           แบบนี้ก็แสดงว่าลูกของเธอปลอดภัยแล้วใช่หรือเปล่านะ? 

 

 

           เธอแอบดีใจอยู่เงียบๆ รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตู ก็พบว่านอกจากจะมีเด็กสาวคนนั้นแล้ว ยังมีชายหนุ่มอีกสองคนที่เธอไม่ได้รู้จักเลยแม้แต่น้อยด้วย 

 

 

           นี่มัน? 

 

 

           คนที่อยู่ตรงนี้เธอก็รู้จักเพียงแค่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงได้แต่ส่งสายตาสงสัยไปให้เด็กสาวรูปร่างผอมบางคนนั้น 

 

 

           เด็กสาวยิ้มๆ แล้วแนะนำให้เธอ “ทั้งสองท่านนี้คือหมอค่ะ มาตรวจร่างกายให้คุณโดยเฉพาะ” 

 

 

           เป็นอย่างนี้นี่เอง 

 

 

           เฉียวซือมู่เปิดประตูออก “เชิญเข้ามาค่ะ” 

 

 

           พอพวกหมอเข้ามาแล้วก็ลอบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ดูแล้วสีหน้าของคุณเฉียวดูดีขึ้นเยอะแล้วนะครับ ร่างกายก็คงจะดีขึ้นแล้วเหมือนกัน” 

 

 

           พูดจบก็บอกให้เธอนอนลงบนเตียง และเริ่มตรวจร่างกายให้เธอ 

 

 

           เครื่องมือเย็นๆ เคลื่อนไหวอยู่บนตัวเธอ ทำเอาเธอขมวดคิ้วแน่น 

 

 

           พอหมอเห็นเธอเป็นแบบนั้นแล้วก็เอ่ยปลอบ “ไม่มีอะไรครับ ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว” 

 

 

           จากนั้นก็ถามเรื่องอาการเลือดออกของเธอ 

 

 

           พอเธอตอบกลับไปแล้วหมอทั้งสองก็ยืนปรึกษากัน สีหน้าดูยินดีไม่น้อย “ดูเหมือนว่าเด็กจะปลอดภัยแล้วนะครับ สู้ๆ หน่อยนะ พักผ่อนเยอะๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากๆ ลูกของคุณจะต้องแข็งแรงมากแน่ๆ ครับ” 

 

 

           “ขอบคุณค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าคำพูดพวกนั้นเป็นแค่คำปลอบใจ แต่ในใจของเธอก็ยังตอบออกไปอย่างดีใจ 

 

 

           หมอยิ้มให้เธอ แต่ก่อนจะขอตัวกลับ ฉีหย่วนเหิงก็มาพอดี “ผลตรวจเป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

           เธอรู้สึกไม่สบายใจจนต้องขยับตัว โชคดีที่เสื้อผ้าถูกดึงลงแล้วเมื่อกี้ ไม่อย่างนั้นคงถูกเขาเห็นหมดแน่ๆ 

 

 

           ต่อหน้าหมอเธอก็กล้าที่จะถอดเสื้อออกอยู่หรอก แต่กับฉีหย่วนเหิง เธอไม่กล้า 

 

 

           หมอสองคนนั้นรีบรายงานสิ่งที่พูดกันเมื่อกี้ออกไปทันที 

 

 

           เขาฟังแล้วก็พยักหน้าแล้วเบนสายตามาที่เธอ  

 

 

           เธอที่ช้อนตาขึ้นมาแล้วเจอเข้ากับสายตาที่ดุดันของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นขึ้นมา 

 

 

           “ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?” เขาเห็นแล้วว่าเธอหลบตาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร หมุนตัวแล้วเดินไปนั่งลงข้างเตียงของเธอ 

 

 

           ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่เธอเห็นสายตาของเขาเมื่อกี้นี้แล้ว ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจกับความสนิทสนมของเขาเลยสักนิด มันอดไม่ได้ที่จะขยับตัวออกเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบออกไป “ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลยค่ะ” 

 

 

           “อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ ผมเหลือคนให้คุณไว้ที่นี่หลายคน ถ้าคุณต้องการอะไรก็สามารถเรียกใช้พวกเขาได้เลยนะ แล้วก็ รอให้ร่างกายของคุณดีขึ้นกว่านี้อีกสักวันสองวัน ผมจะพาคุณไปเที่ยว คุณอยากไปดูนิทรรศการของมิสเตอร์หรือ เหมือนว่าเดือนหน้าจะมีรอบหนึ่งนะครับ ถึงตอนนั้นแล้วผมจะพาคุณไปดูนะ” 

 

 

           ดวงตาของเธอประกายขึ้นมาทันที แววตาที่มองไปที่เขาเต็มไปด้วยความดีใจ “จริงหรือคะ” 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงพยักหน้า “แน่นอนครับ ผมไม่หลอกคุณหรอก” 

 

 

           “ได้ค่ะ คุณพูดแล้วนะ” เธอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจไม่น้อย 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเห็นดวงตาของเธอประกายแสงแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่ายากมากที่จะได้เห็นท่าทางเหมือนเด็กของเธอ อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกแล้ว 

 

 

            

 

 

         ตอนที่ 543 ไม่แน่ว่าเขาอาจกำลังตามหาคุณไปทั่ว 

 

 

           เขาลูบศีรษะเธอพลางปลอบใจ “ดังนั้นตอนนี้คุณจะต้องรีบๆ รักษาตัวเองให้ดีนะครับ อย่าไปคิดอะไรมาก มันจะดีต่อร่างกายของคุณเอง และก็ดีต่อลูกในท้องของคุณด้วย รู้ใช่ไหม” 

 

 

           หน้าของเธอแดงขึ้น อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำๆ นั้น ‘อย่าไปคิดอะไรมาก’ หรือว่าจะหมายถึงเรื่องที่เธอถามเด็กสาวกันนะ แต่เมื่อเธอลองมองสีหน้าของเขาดูดีๆ แล้ว ท่าทางของเขาก็ดูปกติดี ดูเหมือนว่าจะแค่พูดออกมาแบบนั้นสินะ  

 

 

           คงไม่มีอะไรหรอกใช่ไหม 

 

 

           เธอแอบคิดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ยิ้มให้กับเขา “ค่ะ ฉันรู้” 

 

 

           พูดไปแล้วก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย มิสเตอร์คนนั้นเป็นจิตกรชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะ แต่อย่างไรเธอก็มีแม่ที่ชอบวาดรูปเอามากๆ อยู่ เพราะพอได้รับอิทธิพลจากท่านอยู่บ้าง ทำให้เธอมีความชื่นชอบรูปวาด มิสเตอร์คนนั้นถูกเรียกว่าเป็นแวน โก๊ะ ของยุคสมัยนี้ ทำให้หลายๆคนพากันชื่นชมยกย่อง และเธอเองก็เช่นกัน 

 

 

           ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดอยากจะไปนิทรรศการ แต่เพราะด้วยเหตุผลนั่นนี่ทำให้เธอไม่ได้ไปเสียที และเพราะว่าอุปสรรคระหว่างเธอกับจิ้นหยวนมากมายเกินไป จนทำให้จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดอยู่ว่าเป็นเพราะเธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธหรือเปล่าถึงได้มาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ 

 

 

           พอคิดได้แบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าฉีหย่วนเหิงเริ่มไม่พอใจที่ได้เห็นสีหน้าแววตาแบบนั้นของเธอ “มู่มู่ คุณจะไม่ติดต่อหาเขาสักหน่อยเหรอ? บางทีเขาอาจกำลังตามหาคุณอยู่ก็ได้นะ” 

 

 

           เธอส่ายหน้า ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ แต่ว่า ฉันอยากจะโทรศัพท์หาใครบางคน” จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องคุยเสียอย่างนั้น พอเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็ยิ้มขึ้นมา “ไม่ได้โทรหาเขาหรอกค่ะ โทรหาแม่ต่างหาก” 

 

 

           เธอเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อครู่นี้ ตั้งแต่ตัวเองออกจากบ้านมาเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้บอกกับแม่เลย ถ้าหากว่าเมื่อวานท่านโทรมาหาล่ะจะทำยังไง เพราะแม้แต่มือถือเธอก็ไม่ได้เอามาด้วยซ้ำ  

 

 

           ฉีหย่วนเหิงยื่นมือถือให้เธออย่างสบายใจ จากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง และปิดประตูให้เธออย่างเป็นสุภาพบุรุษ  

 

 

           ทันทีที่ประตูปิดลง เธอก็ได้ยินเสียงเบาๆ ลอยมาจากในห้อง “คุณแม่…” 

 

 

           ตาของเขากระตุก ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูพักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาจากตรงนั้น 

 

 

           ค่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน แต่ทว่า เรื่องที่ควรจะทำก็ต้องทำ 

 

 

           สำหรับเฉียวซือมู่ แม่ไม่ควรจะรู้อะไรนั่นแหละเป็นเรื่องที่เธอมีความสุขที่สุดแล้ว เหวินเย่ว์ชิงรับสายแล้วเอ่ยขึ้น “มีอะไร ทะเลาะกับจิ้นหยวนอีกแล้วหรือ” 

 

 

           ใจของเธอสั่น จากนั้นก็ถามออกไป “ที่ไหนกันล่ะคะ ทำไมถึงถามหนูแบบนั้นล่ะ” 

 

 

           เหวินเย่ว์ชิงอุทานออกมาอย่างไม่พอใจ “ลูกน่ะ เมื่อก่อนโทรหาแม่ทุกวัน หลังๆ มาก็โทรน้อยลงทุกที ถ้าไม่ใช่เพราะลูกทะเลาะกับเขาแล้วยังจะจำแม่ได้ด้วยเหรอ” 

 

 

           เธอถึงค่อยวางใจลง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “ใช่ที่ไหนกัน หนูดูไม่มีคุณธรรมขนาดนั้นเลยเหรอคะ หนูน่ะรักแม่ตลอดกาลอยู่แล้ว” 

 

 

           “มาปากหวานก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” ถึงเหวินเย่ว์ชิงจะพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น “แล้วช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ท้องยังดีอยู่ใช่ไหม” 

 

 

           เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง ตอนนี้อีกนิดก็จะครบสามเดือนแล้ว หน้าท้องยังแบนอยู่ ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่จึงตอบออกไป “ก็ยังโอเคนะคะ เพราะยังไงตอนนี้หนูก็ทานได้เยอะขึ้นแล้วด้วย” 

 

 

           “ดีขึ้นก็ดีแล้ว หรือว่าจะให้แม่ส่งอะไรไปให้อีกดีล่ะ” หล่อนพูดออกมาแบบนั้น ทำเอาเฉียวซือมู่ใจเต้นรัว รีบเอ่ยปากห้ามทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูอยู่ที่นี่อยากกินอะไรก็ได้กินหมด ไม่ต้องรบกวนแม่หรอก ขอให้แม่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็พอแล้วละค่ะ” 

 

 

           เหวินเย่ว์ชิงคิดๆ ดูก็ใช่ คิดไปคิดมาก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วช่วงนี้ลูกกับจิ้น หยวนเป็นอย่างไรบ้าง แม่จะบอกให้นะ เรื่องบนเตียงก็บอกให้เขาเพลาๆ ลงหน่อย เข้าใจไหม”