1842-2 vs 1842-3 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1842-2
เธอหันหน้าไปหา เสื้อขนเป็ดตัวดำเข้าคู่กับผ้าพันคอลายตาราง ทำให้ใบหน้าดูหล่อยิ่งขึ้น ราวกับอยู่ในการ์ตูน “หือ?”
“ในเมื่อเป็นคนที่มีแฟนแล้วก็ควรทำอะไรสักอย่าง?” ฉินมั่วสวมเสื้อกันลมตัวยาวสีดำ ดูไฮโซเป็นธรรมชาติ บวกกับคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มดูเย็นชา
ป๋อจิ่วมองมือขวาของเขาที่ละออกไป เอ่ยตอบเพียง “อื้ม” แล้วเดินเข้าไปหา
“พี่มั่ว” ป๋อจิ่วพูดช้าๆ “ต่อไปจะให้จูงมือกันก็บอกตรงๆ” เจ้าหญิงน้อยอย่างหยิ่งเหลือเกิน ว่าแล้วก็ไม่รอให้ชายหนุ่มเลิกคิ้ว จับมือเขาเสียดื้อๆ “หิวจัง น้าจางก็ไม่อยู่ จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของฉันเชียวนะ”
“แฟนเธออย่างฉันถือเป็นเครื่องประดับหรือไง?” ฉินมั่วหันไปมอง
ป๋อจิ่วตอบเฉยว่า “งั้นก็ทำกับข้าวให้ฉันกินสิ” เธอหวังว่าท่านเทพจะบอกว่าไม่ทำ แล้วเธอก็จะได้แสดงฝีมือต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เขาประจักษ์ สกิลเลิศขนาดนี้ หากไม่โอ้อวดเสียหน่อย เกรงว่าจะไม่เหมาะต่อความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายในชีวิตของเธอ
ฉินมั่วพูดว่าไม่ทำจริงๆ แต่เอ่ยต่อว่า “ไปกินที่โรงอาหาร วันนี้มีซาลาเปาไส้เนื้อผสมถั่วฝักยาวที่เธอชอบด้วย เพิ่งนึ่งเสร็จ”
ในเขตทหารมีโรงอาหาร เมื่อวานพวกเธอพักที่บ้านใหญ่ของตระกูลฉิน จึงมีสิทธิ์ไปกินที่โรงอาหาร เมื่อได้ยินชื่ออาหารดังกล่าว ป๋อจิ่วก็ท้องร้องขึ้นมา เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติจริงๆ
คนที่ไม่เคยกินย่อมไม่เข้าใจ อาหารของเขตทหารรสชาติดีเยี่ยม เพราะที่นี่มีผู้ใหญ่ทางฝ่ายทหารพักอยู่ ดังนั้นอาหารจึงทำตามความต้องการของพวกท่าน บะหมี่ที่ต้องหมักก็หมักกันทั้งคืน เนื้อวัวก็สดใหม่ หลังจากปรุงไส้เสร็จดีแล้ว กลิ่นหอมกระเทียมและขิง ผสมกับน้ำมันพริก ก็ลอยมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีถั่วผักยาวที่ลวกเสร็จแล้วเป็นเครื่องเคียง
เมื่อผสมเสร็จก็เอาเข้าเตานึ่ง นึ่งอยู่นานครึ่งชั่วโมง
หลังนำออกมา กัดลงบนซาลาเปาผิวบางที่มีใส่เยอะ กลิ่นหอมก็จะกระจายเต็มปาก
ทว่าคนรุ่นหนุ่มสาวในเขตทหาร หากไม่อยู่ในกองทัพก็มีน้อยครั้งที่จะกินอาหารที่นี่ ก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่บ้านใหญ่ ป๋อจิ่วก็ไม่เคยลืมฝีมือของน้าจาง ทั้งยังนึกถึงซาลาเปาไส้เนื้อของโรงอาหารบ่อยๆ ตอนนี้เธอได้มาอีกครั้งแล้ว!
เมื่ออยู่ตรงหน้าอาหารเลิศรส ป๋อจิ่วก็ทิ้งความคิดที่จะแสดงฝีมือทันที เร่งให้ท่านเทพรีบๆ เดิน เพราะเดี๋ยวไปสายแล้วอาจไม่ได้กิน เธอไม่รู้หรอกว่าก่อนที่เธอจะตื่น ฉินมั่วก็ต่อสายหาพ่อครัวของโรงอาหารเรียบร้อย แจ้งว่าให้ทำซาลาเปาไส้เนื้อเพิ่มในวันนี้
ส่วนทำไมถึงได้ช้า ย่อมมีเหตุผลแน่นอน ป๋อจิ่วก็รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้พวกคุณตาที่เคยเห็นเธอกำลังเดินนำผู้ช่วยออกมา เอ่ยเสียงดังกังวานว่า “เจ้าหนุ่มฉิน พาหนูน้อยที่บ้านออกมากินข้าวเหรอ”
“วันนี้ไม่ใช่หนูน้อยแล้วครับ” ฉินมั่วว่าพลางกดศีรษะป๋อจิ่วไว้พิงบ่าตัวเองไว้ ยิ้มเนิบๆ “แฟนครับ”
เล่นเอาป๋อจิ่วไม่ทันตั้งตัว
บรรดาคุณตาสูดปาก ไหนว่าเป็นน้องชายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้กลายเป็นแฟนสาวไปแล้ว!
………………………………………
ตอนที่ 1842-3
ท่านเทพฉินอธิบายอย่างเป็นปกติมาก “เมื่อก่อนเขาขี้อายครับ ไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์กัน ตอนนี้สนิทกันแล้ว บอกพวกคุณตาก็คงไม่เป็นอะไร”
เป็นครั้งแรกที่เหล่าคุณตามองพลาด ต่างพากันรุมล้อมป๋อจิ่ว “เด็กคนนี้ไม่น่ารักเลย”
“จากหนูน้อยกลายเป็นแฟนสาวไปแล้ว มิน่าล่ะเลยไม่ชอบให้พี่เรามีแฟน”
“จิ่ว บอกมาซิว่าเมื่อไรพวกเราจะได้ดื่มเหล้ามงคล”
“เชื่อฟังแฟนเข้าไว้นะหนู รู้ไหม เจ้าหนุ่มมั่วหน้าตาเย็นชาก็จริง แต่นิสัยดีนะ”
“เมื่อก่อนเจ้าหนุ่มฉินชอบยั่วโมโหตา หนูต้องว่าเขาให้ตาด้วยนะ”
“เป็นแฟนกันก็ต้องดูแลผู้ชายของเรานะ”
“ใช่”
รู้สึกว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย นี่คงเป็นบทสรุปที่ฉินมั่วคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
ป๋อจิ่วดีใจขึ้นมาเชียว จึงจูงมือเจ้าหญิงน้อยของเธอ ท่าทีรุกสุดขีด “พวกคุณตาสบายใจได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ กลับบ้านไปหนูจะจัดการเขาเอง ไปเที่ยวยั่วโมโหคนอื่นได้ยังไง”
ฉินชอบยั่วโมโห ฉินแผนเยอะ โทษเธอไม่ได้นะ ปกติท่านเทพปากร้ายจะตายไป ทำให้คนทั้งรักทั้งชัง!
ป๋อจิ่วยิ้มตลอดทาง ฝ่ายฉินมั่วแค่แค่นหัวเราะ ไม่พูดอะไร มุมปากแอบแยกยิ้ม ยัยบ๊องนี่ ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าตัวเองพูดอะไรออกไป คำพูดแบบนั้นน่ะต้องพูดหลังจากที่แต่งงานแล้ว
เวลามีแฟนก็คงเป็นแบบนี้ รู้สึกหวานอย่างน่าประหลาด รวมถึงตอนกินข้าวก็เช่นกัน
ป๋อจิ่วเป็นคนทานข้าวเร็ว แม้ท่าทีจะสุภาพ แต่ความเร็วกลับไม่ลดลงเลย ส่วนฉินมั่วที่นั่งตรงข้าม คีบอาหารให้เธอบ่อยว่าคีบให้ตัวเองเสียอีก
อาหารมื้อนี้กินจนอิ่มแปล้ ป๋อจิ่วเดินไม่ไหว ฉินมั่วจึงดึงตัวเธอมานวดท้องให้ กลิ่นมินต์ผสมเข้าไปในลมหายใจของเขา
ป๋อจิ่วถึงกับยิ้ม รู้สึกว่าต่อไปต้องเป็นแบบนี้ ดีจังเลย คงเพราะน้อยคนที่จะเป็นแบบนี้ ตอนเด็กเขากลัวว่าเธอจะท้องอืดเลยช่วยนวดท้องให้ ตอนนี้โตแล้ว เมื่อเธอกินจนเกินอิ่ม เขาก็ทำแบบเดียวกัน
อันที่จริงต่อให้พวกคุณตาไม่พูด เธอก็ย่อมต้องดีต่อเขา โลกนี้มีคนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ฉินมั่วมีแค่คนเดียว ทว่าทั้งสองจะอยู่อย่างนี้ทั้งวันไม่ได้ การแข่งชิงแชมป์เอเชียเพิ่งผ่านไป ตอนนี้พวกนักข่าวกับแฟนคลับต่างอยากรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมไดมอนด์ หากฉินมั่วจะไม่ออกงานล่ะก็ ย่อมไม่เหมาะสมแน่
เวลานี้เฟิงอี้ได้กลับมาเป็นผู้จัดการจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ประสบความสำเร็จสูง เมื่อโทรหาฉินมั่วแล้วถูกตัดสาย ก็ต่อสายถึงป๋อจิ่วทันที
ฉินมั่วเพิ่งล้างผลไม้เสร็จ ร่างสูงกำลังดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดนิ้วอย่างสบายอารมณ์ สื่อให้ป๋อจิ่วถือโทรศัพท์ให้
ป๋อจิ่วรับแอบเปิลที่เขาส่งมา มืออีกข้างก็ส่งโทรศัพท์แนบเสี้ยวหน้าชายหนุ่ม
เฟิงอี้เล่าถึงกระบวนการต่างๆ รวมถึงข้อดีข้อเสียด้วยเสียงแผ่วต่ำ แล้วสรุปทิ้งท้าย “การสัมภาษณ์ครั้งนี้ คุณต้องเข้าร่วมนะครับ สบายใจได้ จะไม่ให้คุณพูดเยอะหรอก จะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของคุณกับเจ้าแบล็กด้วย แค่ห้านาทีเท่านั้น”
“ไม่ไป” ฉินมั่วปฏิเสธด้วยเสียงเนิบๆ กลับคืนสู่ความเป็นคุณชายผู้เด็ดเดี่ยวของแท้ เฟิงอี้ได้แต่สูดลมหายใจ บอกตัวเองว่าอย่าถือสาอีกฝ่าย ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเผยหน้ามานานแล้ว เว้นแต่การแข่งขันเท่านั้น เขานึกว่าหลังการแข่งขัน ชายหนุ่มจะให้ความร่วมมือกับงานเขาบ้าง แต่ตอนนี้เห็นทีเขาจะคิด-มาก-ไป-เอง! “มาไม่ได้จริงๆ เหรอครับ พวกเขาอยากถามถึงเรื่องระหว่างคุณกับเจ้าแบล็ก ว่าพวกคุณ…”
……………………….…………….