บทที่ 323 เมืองลึกลับที่ซ่อนอยู่ในเมืองหยูหลัน
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ตอบคำถามของทุกคนโดยตรง แต่เขาเดินเข้าไปในเรือนเล็ก ๆ บนยอดเขาแทน
หลังจากตกลงราคาแล้วหลิงตู้ฉิงก็ปล่อยให้ทุกคนอยู่ที่นั่น จากนั้นเขาก็ให้เย่ชิงเฉิงวางค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเพื่อปกป้องเรือนทั้งหมด
“พวกเจ้าทุกคนจงตั้งใจบ่มเพาะให้ดี อย่าออกจากเรือนไปไหน!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น “เฟิง เจ้ามากับข้าสักพัก”
เสี่ยวเยว่เฟิงเดินตามหลิงตู้ฉิงไปทันทีและถามว่า “นายท่าน มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหยิบยันต์เคลือบหยกออกมา ซึ่งบนยันต์นั้นมีภาพของสัตว์ประหลาดที่มีเขาและหมอกสีดำพลางกายของมันอยู่ทั้งตัว
“มันคืออสูรกลืนวิญญาณ เจ้าจงเก็บมันเอาไว้!” หลิงตู้ฉิงมอบยันต์เคลือบหยกให้เสี่ยวเยว่เฟิง “อสูรกลืนวิญญาณนี้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของเหล่าวิญญาณร้าย ไม่ว่าวิญญาณร้ายที่เผชิญอยู่จะเป็นประเภทไหนก็ตาม ไอ้เจ้าอสูรนี่มันสามารถกินได้ทั้งหมด หรือต่อให้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหน้าไหนที่ถอดดวงวิญญาณออกจากร่าง หากได้เจอกับมัน มันจะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับคนเหล่านั้นทันที เอาล่ะเจ้าจงเก็บมันไว้ให้ดีหากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นที่เรือนให้เรียกอสูรกลืนวิญญาณออกมาปกป้องพวกเจ้าทันที”
เสี่ยวเยว่เฟิงถามอย่างใจจดใจจ่อ “นายท่าน เรื่องอะไรงั้นเหรอที่จะเกิดขึ้น?”
“บางอย่างที่เป็นประโยชน์กับข้าจะเกิดขึ้น!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาล่ะจงจำไว้ว่าเจ้าต้องอยู่ปกป้องที่นี่ไม่จากไปไหน โดยเฉพาะสาวน้อยตัวเล็กทั้งสองและน้องของเจ้าที่ต้องปกป้องเอาไว้ให้ดี ส่วนคนอื่น ๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกเขา”
“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบพยักหน้า
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็พร้อมที่จะทำตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งทุกอย่าง
เมื่อคุยกับเสี่ยวเยว่เฟิงจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินไปหาคนอื่น ๆ และพูดว่า “อย่าออกไปจากที่นี่และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจงอย่ากังวล รอให้ข้ากลับมาเท่านั้นก็พอ ส่วนข้าจะออกไปที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการประมูล ซึ่งข้าอาจจะต้องออกไปสักพักใหญ่จึงจะกลับมา”
“สามี…” ผู้หญิงมองหน้ากัน
“พวกเจ้าต้องฝึกฝนวิชาที่ข้าสั่งให้สำเร็จให้ไวที่สุด!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ ทุกคนก็นึกขึ้นได้ว่าการฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งนั้นสำคัญเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะติดตามเขาไป
“งั้นข้าจะให้ป้าหลันตามไปปกป้องท่าน!” เย่ชิงเฉิงพูดขึ้น
เย่ชิงเฉิงตระหนักได้ดีว่าตอนนี้ทั้งค่ายกลและอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิต่างก็อยู่กับนาง ซึ่งมันหมายความว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่มีของวิเศษอะไรไว้ปกป้องตัวเองเลยหากเกิดเหตุร้ายขึ้นมา ดังนั้นนางจึงต้องการส่งผู้เชี่ยวชาญที่นางคิดว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องสามีของนางให้ปลอดภัยได้แน่นอนอย่าง เย่หยูหลันตามเขาไปด้วย
เย่หยูหลันส่ายหัวและพูดว่า “แต่คุณหนู ข้าต้องดูแลความปลอดภัยของท่านอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าท่านจะมีอาวุธระดับจักรพรรดิ แต่ท่านอาจไม่สามารถแก้ปัญหาบางอย่างได้ก็ได้!”
ในตอนแรกที่มีผู้ติดตามที่แข็งแกร่งอยู่ 2 คนเพื่อปกป้องเย่ชิงเฉิง เย่หยูหลันคงอาจจะยอมติดตามหลิงตู้ฉิงออกไปข้างนอกเพื่อปกป้องเขา แต่ตอนนี้กู่ตงฉิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว นางจะกล้าออกไปไหนได้อย่างไร?
เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้ว หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็น ข้าจะให้ซือโถวตามข้าไป”
เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้วเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า “สามี ถ้างั้นข้าจะให้โม่เอ๋อตามท่านไป!”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่ชิงเฉิงจึงส่งข้อความทางโทรจิตไปหาเขาก่อนว่า “สามี ท่านต้องพาโม่เอ๋อร์ไปด้วย ไม่งั้นพวกข้าคงกังวลถึงท่านจนไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างสบายใจแน่นอน! และที่สำคัญระดับการบ่มเพาะของโม่เอ๋อนั้นอยู่ในขอบเขตสวรรค์ระดับเหนือล้ำ ซึ่งมันเหนือกว่าความแข็งแกร่งของซือโถวอยู่หลายพันเท่า นอกจากนี้โม่เอ๋อยังได้ทำสัญญากับท่านไปแล้ว ดังนั้นท่านเองก็วางใจได้แน่นอนว่านางจะไม่เปิดเผยความลับของท่าน”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของเย่ชิงเฉิง หลิงตู้ฉิงทำได้เพียงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “งั้นก็ได้ ให้โม่เอ๋อตามข้ามาก็แล้วกัน!”
เย่ชิงเฉิงเหลือบมองโม่เอ๋อและพูดกับหลิงตู้ฉิง “สามีถ้าเมื่อไหร่ที่ท่านต้องการบ่มเพาะแบบคู่ท่านสามารถให้โม่เอ๋อช่วยท่านได้ ข้ามั่นใจว่าถ้าท่านขอให้นางบ่มเพาะแบบคู่กับท่าน นางก็คงเต็มใจเช่นกัน”
“เรื่องนั้นไว้ข้าคิดดูอีกทีก่อน!” หลิงตู้ฉิงตอบเลี่ยงไม่รับปาก
เย่ชิงเฉิงเม้มริมฝีปากของนาง แม้แต่นางก็ยังถูกบังคับให้ทำในตอนนั้นทั้งที่เขาเองก็มีผู้หญิงมากมายอยู่เคียงข้างอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะไม่แตะต้องโม่เอ๋อเลยถ้าเขาได้อยู่กับนางเพียงลำพัง?
“โม่เอ๋อข้าจะฝากสามีของข้าไว้กับเจ้า จงดูแลเขาให้ดี เจ้าจะปล่อยให้ใครมาทำร้ายเขาไม่ได้เด็ดขาด!” เย่ชิงเฉิงพูดกับโม่เอ๋อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โม่เอ๋อรีบตอบรับทันที “ไม่ต้องห่วงคุณหนู ข้าจะไม่ปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนายท่านอย่างแน่นอน”
“ดูแลเขาให้ดีที่สุดในชีวิต!” เย่ชิงเฉิงยิ้ม
ใบหน้าของโม่เอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่นางกระซิบตอบเย่ชิงเฉิงที่ข้างหู “คุณหนู ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอะไร…”
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยส่ายหัว ขณะที่พวกนางกลับไปฝึกฝนชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งต่อ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พาซือโถเหวินหยวนและโม่เอ๋อ ออกจากเรือน
หลังจากถามทางจากเหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาในเมือง พวกเขาก็ได้มาถึงที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ ทันทีที่พวกเขาเข้าไปยังด้านในอาคาร คนรับแขกของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็รีบมารับพวกเขา คนรับแขกของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ถามพวกเขาทันทีว่า “ท่านลูกค้ามาที่นี่ เพื่อเข้าร่วมการประมูลหรือมีสินค้าที่ท่านต้องการนำมาประมูล?”
โม่เอ๋อถอนหายใจกับตัวเอง ตามที่คาดไว้ หอการค้าเชื่อมสวรรค์นั้นใหญ่โตสมกับที่ร่ำลือจริง ๆ แม้แต่คนรับแขกที่คอยให้บริการแขกยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับสุงสุด!
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้าต้องการพบกับตัวตนระดับสูงของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของของเจ้า ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดคุยกับเขา และแน่นอนว่าข้ามีสมบัติล้ำค่าอีกหลายรายการที่ต้องการให้พวกเจ้านำมันออกไปประมูล”
คนรับแขกของหอการค้าเชื่อมสวรรค์มองไปที่หลิงตู้ฉิง จากนั้นมองไปที่โม่เอ๋อที่ยืนอยู่เบื้องหลัง และเมื่อสังเกตได้ว่าเขามองไม่เห็นการบ่มเพาะของนาง เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “กรุณารอสักครู่ ข้าจะรายงานให้ผู้จัดการของเราทราบ หรือไม่ท่านก็อาจจะได้พบกับผู้ดูแลที่รับผิดชอบอาณาเขตนภา”
ต่อมาไม่นาน คนรับแขกของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็มาพร้อมกับผู้จัดการ
ระดับการบ่มเพาะของผู้จัดการผู้นี้อยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญแล้ว เมื่อเขาเห็นหลิงตู้ฉิงและผู้ติดตามที่เขามองไม่เห็นระดับการบ่มเพาะ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “สิ่งของอะไรกันที่ต้องการให้หอการค้าของเราประมูลให้ จนท่านต้องการพบกับข้าที่เป็นผู้จัดการ?”
ผู้จัดการเหลือบมองไปที่โม่เอ๋อ จากนั้นหันหน้าไปมองหลิงตู้ฉิง
คนที่สามารถมีผู้ติดตามเป็นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะเหนือระดับหลุดพ้นสามัญ ผู้นี้เป็นคนจากสำนักใหญ่สำนักไหนกัน?
แม้ว่าผู้จัดการจะพึมพำในใจ แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัว
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้ามีสิทธิ์สำหรับเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้เจ้าทำการประมูล เจ้าคิดว่าด้วยสิ่งนี้ข้าจะได้พบกับเจ้านายของเจ้าได้รึเปล่า?”
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมีสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ และต้องการให้พวกเขานำมันไปประมูลขาย ผู้จัดการก็ยังคงแสดงสีหน้านิ่งไม่ตื่นเต้นอะไรสักเท่าไหร่ เขามองไปที่หลิงตู้ฉิง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “งั้นข้าจะพาท่านไปพบกับเจ้านายของข้า!”
หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและพูดกับโม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวน “รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าคงจะใช้เวลาไม่นานนัก”
“นายท่าน!” โม่เอ๋อรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณที่ไม่มีอาวุธระดับจักรพรรดิ เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญได้อย่างไร?
ถ้าหอการค้าเชื่อมสวรรค์มีความคิดอกุศล ผลที่ออกมามันคงเลวร้ายมาก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เสร็จ” หลิงตู้ฉิงโบกมือและบอกให้ทั้งสองรออยู่ที่เดิม
โม่เอ๋อและซือโถวเหวินหยวนทำได้เพียงมองไปที่หลิงตู้ฉิงที่กำลังเดินตามผู้จัดการหอการค้าเชื่อมสวรรค์เข้าไปด้านในอย่างช่วยไม่ได้
ผู้จัดการเดินนำหลิงตู้ฉิงไปอย่างเงียบ ๆ ผ่านทางเดินยาวและเข้าไปในห้องเล็ก ๆ
แต่เมื่อเข้าไปยังด้านในห้อง หลิงตู้ฉิงก็สัมผัสได้ว่าห้องนี่มันคือถ้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยมีขนาดความกว้างหลายสิบตารางกิโลเมตร
ภายในถ้ำขนาดใหญ่นี้มันมีสิ่งปลูกสร้างอยู่มากมายคล้ายกับเป็นเหมือนเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งเลยทีเดียว
หลิงตู้ฉิงไม่แปลกใจเลยที่เห็นภาพเช่นนี้ หากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ไม่มีสถานที่เช่นนี้ซ่อนอยู่เขาก็คงต้องประเมินองค์กรหอการค้านี้ใหม่
“อู่จิ๋ว ทำไมถึงให้คนนอกมาที่นี่?” อู่จิ๋วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เขามาที่นี่เพื่อเข้าพบกับนายท่าน”
“เอ๋? นี่เจ้าจะพาเขาไปพบกับนายท่านงั้นเหรอ? มีอะไรสำคัญขนาดนั้น?” ชายคนนั้นถามด้วยสีหน้าสงสัย
อู่จิ๋วเหลือบมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ยิ้มตอบและไม่ถามคำถามใด ๆ เพิ่มเติม
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าพอใจมากที่เห็นว่าหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเจ้ายังคงขึ้นชื่อในเรื่องการเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ”
อู่จิ๋วพูด “นี่คือหลักการการค้าของหอการค้าเชื่อมสวรรค์เรา!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย และเมื่อพวกเขาเดินมาได้สักพัก พวกเขาก็ได้มาถึงที่ศาลาเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางท้องฟ้า ซึ่งในศาลานั้นมีผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนกำลังเขียนชิ้นงานตัวอักษรลงบนผืนผ้า
อู่จิ๋วไม่ได้รบกวนเขา ในขณะที่หลิงตู้ฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ และเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนก็เขียนเสร็จ เขาเอียงศีรษะและมองไปที่มันแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“อู่จิ๋ว เจ้ามีธุระอะไรงั้นเหรอ?” เขาไม่แม้แต่จะหันหน้ามาถาม เนื่องจากตอนนี้เขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับตัวอักษรที่เขาพึ่งจะวาดเสร็จ
“นายท่าน แขกท่านนี้ต้องการนำสิทธิ์ในการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้พวกเราออกประมูลขายครับ!” อู่จิ๋วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนก็หันศีรษะกลับมาและมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างสงสัยและถามว่า “ท่านมีสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาประมูลงั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่เขากลับค่อย ๆ ประสานมือเป็นรูปภูเขาแทน
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขารีบเดินเข้ามาหาและคุกเข่าลงคำนับทันที “ข้าไม่ทราบมาก่อนว่านายท่านจะมาเยือนที่นี่ โปรดอภัยให้กับลั่วหยุนที่เสียมารยาทไม่ได้ออกไปต้อนรับนายท่านด้วยตัวเองด้วยเถอะ!”