บทที่ 571: การทดสอบการปรุงยา

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 571: การทดสอบการปรุงยา

 

สองสัปดาห์ได้ผ่านไปในชั่วพริบตา และก็ถึงวันทดสอบการปรุงยา หวังชูเหรินโซซัดโซเซออกจากห้องด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกับคนเมา รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่างกาย

 

ซูหยางเดินตามออกมาหลังจากนั้น และเขาก็พูดกับเธอว่า “ถ้าเจ้ามิต้องการที่จะไปที่หอประชุม เจ้าก็สามารถที่จะอยู่ที่นี่พักผ่อนไปก่อนก็ได้”

 

หวังซูเหรินรีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ ข้าต้องการไปที่นั่นเนื่องเพราะว่าข้าก็ต้องการที่จะเข้าร่วมในการทดสอบการปรุงยาของท่านเช่นกัน”

 

“เจ้ามิควรฝืนตัวเองมากเกินไป มิว่าอย่างไรเจ้าก็แทบจะเดินเป็นเส้นตรงไม่ได้แล้ว” ซูหยางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

“ท่านคิดว่านี่เป็นความผิดของใครที่ทําให้ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากเชื่อ “ถ้าท่านมิได้ทําข้าอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ ข้าก็คงจะมิเป็นเช่นนี้”

 

ซูหยางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “และใครที่เป็นคนที่เอาแต่กรีดร้องว่า “ทําข้าแรงกว่านี้”

 

ใบหน้าหวังซูเหรินแดงขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา เธอพึมพัมว่า “ช่างน่าชังนัก”

 

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากนิกายดอกบัวเพลิงและมุ่งตรงไปยังหอประชุมที่ซึ่งคนนับร้อยได้มารวมตัวกันรอคอยพวกเขาเรียบร้อยแล้ว

 

“นั่นผู้อาวุโส”

 

“ผู้เยาว์คนนี้คํานับผู้อาวุโส”

 

“ยินดีต้อนรับกลับมาผู้อาวุโส”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันทักทายเขาด้วยการโค้งคํานับด้วยความนบนอบ

 

ครั้นเมื่อทุกคนได้มารวมตัวกันที่หอประชุมเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “พวกเจ้ามีคําถามอะไรก่อนที่ข้าจักเริ่มการทดสอบหรือไม่”

 

บางคนได้ยกมือขึ้นและถามว่า “มีการทดสอบทั้งหมดเท่าไหร่”

 

“จักมีการทดสอบง่ายๆสามบททดสอบ พวกเจ้าจําต้องผ่านเพื่อที่จะได้เป็นศิษย์ของข้า”

 

“เกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนมากกว่าสามคนที่นี่ที่ผ่านการทดสอบ

 

“เช่นนั้นเราก็จักมีการแข่งขันระหว่างผู้ชนะจนกว่าจะมีเพียงผู้มีพรสวรรค์ที่สุดสามคนเหลืออ

 

“พวกเราจําเป็นจะต้องปรุงยาสําหรับการทดสอบนี้หรือไม่”

 

“ไม่ ข้ามิได้มีความอดทนในเรื่องนี้”

 

หลังจากที่ตอบคําถามทุกคนแล้ว ซูหยางก็เริ่มการทดสอบการปรุงยา

 

“สําหรับการทดสอบแรกนั้น ข้าจักทดสอบความแข็งแกร่งของการจตจําของพวกเจ้า” ซูหยางพลันโบกชายเสื้อ จนทําให้ม้วนคัมภีร์มากกว่าร้อยม้วนปลิวออกไปสู่ผู้เข้าร่วมการทดสอบ 

 

“การทดสอบแรกนี้มีสองส่วนเช่นเดียวกัน นี่มีวัตถุดิบมากกว่าหนึ่งหมื่นรายการในแต่ ละม้วนคัมภีร์และมีความแตกต่างกันสิบชุด ทําให้มีวัตถุดิบทั้งสิ้นถึงหนึ่งแสนรายการ และสําหรับการทดสอบส่วนแรกนั้น พวกเจ้ามีเวลาสิบชั่วโมงในการจดจําวัตถุดิบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้และเพื่อที่จะได้เข้าสู่การทดสอบส่วนที่สอง พวกเจ้าจะต้องจดจําวัตถุดิบให้ได้อย่างน้อยหมื่นชนิด”

 

“จดจําวัตถุดิบหนึ่งหมื่นชนิดภายในสิบชั่วโมงอย่างนั้น”

 

มีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของคนในห้องที่พากันตกใจจนพูดไม่ออกกับความยากของการทดสอบแรก คงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าพวกเขาสามารถจดจําได้ถึงหนึ่งพันรายการในเวลาสิบชั่วโมงอย่าว่าแต่ ถึงหนึ่งหมื่นรายการ

 

ส่วนสําหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญการปรุงยาในห้องนั้น พวกเขาล้วนพากันแสดงสีหน้ามั่นใจออกมาในเมื่อพวกเขาต่างพากันจดจําวัตถุดิบมาไว้มากกว่าหมื่นรายการมานานหลายปีในชีวิตแล้วในฐานะนักปรุงยา ก็เหมือนกับให้หนังสือแนะนําเบื้องต้นการปรุงอาหารกับพ่อครัวหัวป่า

 

อย่างไรก็ตามทันทีที่การทดสอบเริ่มต้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงยาก็เริ่มตระหนักว่าพวกเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทดสอบและพวกเขาก็ไม่รู้จักถึงวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่เขียนอยู่บนม้วนคัมภีร์และความมั่นใจของพวกเขาก็พลันหดหายไปจนกระทั่งไม่มีเหลือ

 

“เกิดบ้าอะไรขึ้นกันนี่ ข้าได้จดจําวัตถุดิบมากกว่าห้าหมื่น และข้าก็สามารถที่จะ นึกพวกมันทั้งหมดออกมาได้ดังปรารถนาเหมือนกับว่ามันเขียนอยู่บนหลังมือของข้า แต่ข้าก็มิอาจที่จะจดจําวัตถุดิบเหล่านี้ได้ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน วัตถุดิบเหล่านี้มีอยู่แต่ภายในทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเท่านั้น เขาจับข้าเสียอยู่หมัด ข้าควรจะรู้ว่ามันมิได้ง่ายขนาดนั้น” ผู้อาวุโสเจิ้งหนึ่งในนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในทวีปตะวันออกร่ําร้องอยู่ในใจด้วยความตระหนกจนพูดไม่ออกกับการที่มีวัตถุดิบจํานวนมากมายที่เขาไม่เคยแม้กระทั่งได้ยินมาก่อน

 

หวังซูเหรินก็ไม่ได้ต่างออกไป แม้ว่าจะได้รับการสอนมาจากซูหยางโดยตรง เธอก็ไม่เคยได้เห็นวัตถุดิบส่วนมากในม้วนคัมภีร์มาก่อน

 

อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่กล้าที่จะเสียเวลามากนักมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตั้งสมา ธิจดจําชื่อของวัตถุดิบเหล่านี้

 

สิบชั่วโมงให้หลัง ซูหยางก็ปรบมือและกล่าวว่า “ครบกําหนดสิบชั่วโมงแล้ว หยุดสิ่งที่พวกเจ้ากําลังทําอยู่และมองดูข้า มิเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าไม่ผ่านการทดสอบในทันที”

 

และในทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างก็พากันปิดม้วนคัมภีร์และมองดูเขา

 

ไม่เหมือนกับการฝึกวิชาของคนผู้หนึ่ง สิบชั่วโมงนั้นจะเหมือนกับเป็นเวลาที่ยาวนานมากแต่สําหรับผู้เข้าร่วมการทดสอบเหล่านี้ เวลาที่ผ่านไปสิบชั่วโมงนี้รู้สึกเหมือนกับเวลาเพียงแค่สิบนาที

 

“พวกเจ้าคิดยังไงกับการทดสอบแรก” ซูหยางถามพวกเขาหลังจากนั้น

 

“ผู้อาวโส… วัตถุดิบเหล่านี้มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง” หนึ่งในพวกเขาถาม

 

“อะไรทํานองนั้น” เขาพยักหน้า

 

จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “พวกเจ้าอาจจะคิดว่าข้านั้นหลอกพวกเจ้าที่ทําเช่นนี้ แต่ถ้าข้ามทําเช่นนี้นั่นย่อมมิเป็นความยุติธรรมสําหรับผู้ที่มิได้รู้หรือมีประสบการณ์มากนักในด้านการปรุงยาในเมื่อนักปรุงยาที่นี่ล้วนได้เปรียบมีประสบการณ์ด้านการปรุงยามานานหลายสิบปีแล้ว”

 

“และเมื่อกล่าวถึงที่สุดแล้ว ข้าก็มิได้สนใจในความรู้และความสามารถปัจจุบันของพวกเจ้าข้าเพียงแต่หาคนที่มีศักยภาพมากที่สุด นั่นก็คือจุดประสงค์ของการทดสอบของทั้งหมดนี้”

 

หลังจากนั้นซูหยางก็ส่งม้วนคัมภีร์เปล่าให้กับทุกคนในห้องนั้นและก็อธิบาย ว่าพวกมันเป็นส่วนที่สองของการทดสอบ “สําหรับการทดสอบส่วนถัดไปนั้น ข้าก็จักให้พวกเจ้านึกถึงวัตถุดิบให้มากที่สุดเท่าที่พวกเจ้าจะสามารถทําได้จากส่วนแรกของการทดสอบนํามาใส่คัมภีร์ที่ข้าเพิ่งส่งให้กับพวกเจ้านี้ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทําก็คือคิดถึงวัตถุดิบในใจของเจ้าในขณะที่สัมผัสกับม้วนคัมภีร์ และม้วนคัมภีร์ก็จักนับพวกมันให้กับเจ้า ในกรณีที่พวกเจ้าคิดที่จะโกงโดยการนึกถึงวัตถุดิบที่มิได้ปรากฏในวัตถุดิบหนึ่งแสนรายการที่ข้าให้นั้น ม้วนคัมภีร์ก็จักมินับมัน อย่างไรก็ตามพวกเจ้าสามารถทดสอบดูได้ตามสบาย”

 

“ส่วนสําหรับการทดสอบส่วนนี้นั้น พวกเจ้าจักมีเวลาสองชั่วโมงในการนึกวัตถุดิบออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทําได้”

 

หลังจากที่พูดถ้อยคําเหล่านั้นจบแล้ว ซูหยางก็เริ่มจับเวลา

 

ที่แห่งนี้พลันเงียบสงัดลงไปในทันที และทุกคนในห้องนั้นนอกจากซูหยางก็ได้หลับตาของตนเองลงเพื่อช่วยในการตั้งสมาธิ

 

สองชั่วโมงให้หลัง ซูหยางก็พลันปรบมืออีกครั้ง ทําให้ทุกคนในห้องนั้นถึงกับตื่นตะลึง

 

“เปิดม้วนคัมภีร์ของพวกเจ้าและดูผลลัพธ์ของพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้ามีจํานวนที่น้อยกว่าหนึ่ง หมื่นนั่นหมายถึงว่าพวกเจ้าได้ล้มเหลวในการทดสอบนี้แล้ว และข้าก็จําเป็นต้องขอให้พวกเจ้าได้ออกจากที่แห่งนี้ไป”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันเปิดม้วนคัมภีร์ด้วยมือที่สั่นเทา

 

เมื่อพวกเขาได้เห็นผลลัพธ์ของตนเอง มากกว่าครึ่งห้องก็แสดงสีหน้าเสียใจในขณะที่คนอื่นๆแสดงท่าทางโล่งใจออกมาทางใบหน้า

 

เพียงแค่การทดสอบเดียว คนจํานวนมากกว่าครึ่งของผู้ทดสอบก็ได้ล้มเหลวไป สูญเสียโอกาสที่จะเป็นศิษย์ของซูหยาง

 

ในเวลาหลังจากนั้นครั้นเมื่อคนที่ไม่ผ่านการทดสอบได้ออกไปจากหอประชุมแล้ว ซูหยา งก็กล่าวกับผู้เข้าร่วมการทดสอบที่เหลือว่า “ใครที่ได้จํานวนมากกว่า สองหมื่น”

 

สองสามอึดใจให้หลัง คนสามสิบคนก็ได้ยกมือของพวกเขาขึ้น

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “สําหรับวัตถุดิบทุกหนึ่งพันชนิดที่เจ้าได้จดจํา เจ้าจักได้รับแต้มหนึ่งแต้ม และเมื่อจบการทดสอบ คนสามคนที่มีแต้มสูงสุดจะได้เป็นศิษย์ของข้า”

 

จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “และใครก็ตามที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดสําหรับการทดสอบแต่ละชุด เจ้าจักได้แต้มพิเศษสิบแต้ม ดังนั้นพวกเจ้าคนไหนที่ได้จํานวนสูงสุด”

 

หลังจากนั้น ซูซุน พ่อของเขาก็เผยให้เห็นม้วนคัมภีร์ให้กับทุกคนและกล่าวว่า “ข้าได้ 38,170”

 

เมื่อเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของผู้ฝึกยุทธที่ได้ก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ ความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของซูซุนนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าแข็งแกร่งกว่าคนโดยทั่วไป ทําให้เขาจดจําสิ่งต่างๆได้เร็วกว่าคนอื่น

 

“มีใครอีกบ้างที่มีผลลัพธ์ที่ดีกว่า” ซูหยางถามคนที่เหลือ

 

ในวินาทีถัดไป ไปลี่ฮัวก็ยกมือของเธอขึ้น “45,548”

 

“สมกับเป็นเจ้าสํานักของสํานักระดับสูง” คนที่นั่นต่างพากันชื่นชมไปลี่ฮัวอยู่อย่างเงียบๆ

 

ไม่เพียงแต่เธอจะสวยจนสามารถลุ่มประเทศทั้งประเทศได้เท่านั้น แต่เธอก็ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งภายในยุคของเธอที่สามารถเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณได้ตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่งตอนนี้เธอก็เป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกยุทธในเขตอัมพรวิญญาณในทวีปตะวันออก โดยไม่รวมซูหยางและหงอเอ๋อร์

 

“เจ้าคงเป็นไปลี่ฮัวใช่ไหม” ซูหยางพลันถามเธอ

 

“ผู้ต่ําต้อยคนนี้เรียกว่าไปลี่ฮัวจริงๆ” เธอตอบด้วยเสียงประหลาดใจอยู่บ้าง ในเมื่อเธอไม่คาด คิดว่าผู้อาวุโสคนนี้จะรู้จักเธอ

 

“อืมม. ข้าได้ยินเรื่องราวดีๆของเจ้าจากซูหยาง เพื่อนตัวน้อยของข้า มิว่าเจ้าจะผ่าน การทดสอบนี้หรือไม่ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่จนกระทั่งการทดสอบนี้เสร็จสิ้นเพื่อที่ว่าเราจะสามารถได้ คุยกันเป็นการเฉพาะมากขึ้น”

 

เมื่อได้ยินคําพูดของซูหยาง ไปลี่ฮัวก็มีสีหน้าเบิกบานด้วยความยินดี และเธอรีบคํานับเขา “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสําหรับการสละเวลาอันมีค่าของท่านให้กับผู้ต่ําต้อยคนนี้”

 

“ซูหยางนั่นช่วยข้าให้ได้พบกับนักปรุงยาคนนี้ได้จริงๆ ข้าต้องขอบคุณเขาให้ดีในคราวหน้าเมื่อข้าได้เห็นเขา” ไปลี่ฮัวคิดในใจในเวลาหลังจากนั้น