บทที่ 570: โอสถกาลนิรันดร์

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 570: โอสถกาลนิรันดร์

 

“ห-ห-หมายความว่าอย่างไรที่ผ่านไปเพียงสิบชั่วโมง…” หวังชูเหรินถามเขาด้วยเสียงงุนงงสงสัย

 

“ยาที่ข้าทําให้เจ้าได้เกิดการรับรู้เช่นนั้นเรียกว่า โอสถกาลนิรันดร์ ใครก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากเม็ดยานั้นจะถูกกักขังอยู่ในจิตสํานึกของตนเองในขณะที่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นยังคงอยู่ในความเป็นจริง มันคล้ายกับความฝันที่ยาวนานเหลือเกิน แต่จิตใจของคนผู้นั้นจะยังตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จากดินแดนที่ข้ามานั้น โอสถกาลนิรันดร์ มักจะใช้กับนักโทษเพื่อใช้ลงโทษในอีกรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่ายังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเพื่อใช้ในการทดสอบความเข้มแข็งทางจิตใจของแต่ละบุคคลเป็นต้น” ซูหยางอธิบายให้เธอฟัง

 

“ดังนั้น ในขณะที่เจ้าได้อาศัยอยู่ในใจของตัวเจ้าเองนับร้อยปีนั้น ในความเป็นจริง เพียงสิบชั่วโมงเท่านั้นที่ผ่านไปนับตั้งแต่เริ่ม

 

หลังจากเงียบไปเป็นเวลานานหวังซูเหรินก็พึมพําด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าเช่นนั้น…ความสําเร็จของข้าทั้งหมด ก็เพียงอยู่แค่ในใจของข้าเท่านั้น เป็นแค่ความฝันอย่างนั้น ข้ามิได้มีชีวิตอยู่นานนับร้อยปีจริงรี อีกทั้งความพยายามทั้งหมดที่ข้าได้ทําไว้เพื่อเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ.. ทั้งหมดนั้นก็นับว่าเป็นของปลอมอย่างนั้น”

 

ครั้นเมื่อเธอตระหนักถึงความจริงนั้น น้ําตาเธอก็เริ่มไหลหลั่งลงมาอาบแก้ม และเธอก็พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ว่า “แม้ว่านี่จักเป็นเพียงการทดสอบ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายมากสําหรับท่านซูหยาง. ข้าทําอะไรไม่ดีอย่างนั้นจึงได้รับผลตอบแทนเช่นนี้”

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ รวมไปถึงได้เห็นน้ําตาที่ไหลหลั่งออกมาจากใบหน้าสวย ซูหยางก็รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ทําการทดสอบเธอเช่นนี้ อย่างไรก็ตามนี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาต้องการลงโทษเธอหรือต้องการทําให้เธอร้องไห้

 

“ข้าต้องขอโทษที่ทําให้เจ้าต้องทนกับการทดสอบเช่นนี้โดยมิได้แจ้งเตือนล่วงหน้า แต่จริงแล้วข้าเชื่อว่าเจ้าจักได้รับประโยชน์อย่างมากจากเรื่องนี้ หากเจ้ารู้ล่วงหน้า เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จักไร้ความหมาย”

 

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ข้าจักได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้” หวังซูเหรินปาดน้ําตาออกอย่างช้าๆแล้วถามเขา

 

“แม้ว่าสิ่งที่เจ้าได้รับรู้ในใจจักเป็นเพียงสิ่งลวง แต่มันก็ทําให้เจ้าได้ประสบกับความเป็นจริงในเวลาเดียวกัน” เขากล่าวกับเธอ

 

“เจ้าลองไปพยายามฝึกวิชาดู”

 

“ตอนนี้เลย”

 

เมื่อเห็นซูหยางพยักหน้า หวังซูเหรินก็เริ่มฝึกฝนวิชาในทันที และสิ่งที่ทําให้เธอต้องประหลาดใจก็คือ มันง่ายและเป็นธรรมชาติกว่าก่อนมาก ราวกับว่าเธอได้ทําสิ่งนี้มานานหลายสิบปีแล้ว

 

“เพราะผลจากโอสถกาลนิรันดร์ ทําให้ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก และ เวลาที่เจ้าใช้ในการฝึกฝนอยู่ภายในจิตใจของเจ้านั้น ประสบการณ์ทั้งหมดที่เจ้าได้ผ่านพ้นมาในช่ วงเวลานั้นล้วนเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเจ้าจึงได้ดํารงชีวิตอยู่ถึง 100 ปีในช่วงเวลาสิบชั่วโมงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของเจ้าก็ยังคงมิได้มีความเปลี่ยนแปลงอันใด”

 

“เอ๋ แล้วนั่นมิได้ทําให้โอสถกาลนิรันดร์เป็นสมบัติที่ทรงอํานาจและล้ําค่าอย่างมหาศาลหรอกรี” หวังซูเหรินมีท่าทางตกใจ

 

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะใช้มันอย่างไร ใช่ มันสามารถที่จะกลายเป็นสมบัติที่ทรงอํานาจสําหรับการฝึกฝนผู้คน แต่อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้ว มันมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่ามีเพียงนักปรุงยาที่มีฝีมือเก่งกาจเท่านั้นที่สามารถปรุงโอสถกาลนิรันดร์ที่จะมีผลได้นานกว่าร้อยปีขึ้นมาได้อัน ที่จริงแล้วนักปรุงยาส่วนใหญ่จักสามารถทําให้เม็ดยามีผลอยู่ได้นานที่สุดเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นยิ่งไป กว่านั้น เจ้ามิสามารถกินเม็ดยานี้ได้บ่อยครั้งนัก มิเช่นนั้นมันจักเป็นภาระต่อจิตใจของเจ้าเป็นอย่างมาก อาจถึงขั้นจิตใจแตกสลายได้”

 

“ส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะสามารถกลืนกินโอสถกาลนิรันดร์ได้มากที่สุดเพียงทุกหนึ่งพันปี ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงมักจะใช้เพื่อทรมานจิตใจของอาชญากรจากดินแดนที่ข้ามา”

 

หวังซูเหรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง และเธอก็พูดด้วยน้ําเสียงชื่นชมว่า “ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่น่าประทับใจ แต่เมื่อมาคิดว่าท่านนั้นบ้าคลั่งถึงเพียงนี้”

 

ซูหยางหัวเราะกับคําพูดของเธอและกล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อข้าได้รับ การฝึกฝนเป็นการส่วนตัวจากเทพปรุงยาอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเทพปรุงยาแล้ว ฝี มือของข้าถือได้ว่ายังถือได้ว่าเป็นแค่เพียงต้นอ่อนอย่างเช่นข้าเพียงสามารถปรุงโอสถกาลนิรันดร์ 10,000 ปีได้เป็นอย่างมากที่สุดในขณะที่เทพปรุงยานั้นสามารถปรุงโอสถกาลนิรันดร์ 100,000 ปี ได้”

 

“โอสถกาลนิรันดร์ 100,000 ปีอย่างนั้น นี่หมายความว่าท่านจักมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100,000 ปีในใจของท่านอย่างนั้นใช่หรือไม่ ท่านเคยมีโอกาสกินยาเช่นนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้หรือไม่” ดวงตาของหวังซูเหรินเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

ซูหยางพยักหน้า “จริงแล้วข้าได้เคยกลืนกินพวกมันมาก่อนนี้สองสามครั้งแล้ว”

 

หวังซูเหรินจ้องมองเขาอย่างเงียบๆชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะถามเขาด้วยเสียงกระซิบว่า “ท่านมีอายุเท่าไหร่กันแน่”

 

“การถามเซียนที่มีรูปร่างหน้าตาอ่อนเยาว์ถึงอายุจริงนั้น ก็เหมือนกับการถามผู้หญิงเกี่ยวกับอายุของพวกเธอ มันค่อนข้างที่จะไม่สุภาพ” ซูหยางตอบด้วยรอยยิ้ม

 

หวังซูเหรินพูดไม่ออก เซียนเห็นว่าสิ่งแบบนี้เป็นเรื่องไม่สุภาพจริงๆเหรอ

 

“อย่างไรก็ตาม เจ้ายังมีคําถามเกี่ยวกับโอสถกาลนิรันดร์อีกหรือไม่”

 

“เอ้อ… มันมิได้เกี่ยวกับเม็ดยาโดยตรง แต่แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับการปรุงยา” เธอพูดออกมาด้วยสายตาลังเล

 

“อะไร”

 

“ถ้าข้าตามท่านกลับไปที่พิภพของท่าน ท่านคิดว่าข้าจักมีโอกาสได้พบกับเทพปรุงยาคนนี้สักวันหรือไม่ ถ้าหากคนผู้นี้อ้างตัวว่าเป็นเทพปรุงยา เขาจักต้องเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกใช่หรือไม่ ข้าต้องการจะเห็นด้วยตัวเองว่าจุดสูงสุดของการปรุงยานั้นเป็นเช่นไรก่อนที่ข้าจะตาย…”

 

ซูหยางมองเธอด้วยใบหน้าประหลาดใจก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังในเวลาต่อมา “ฮ่าฮ่า ฮ่า… ถ้าเจ้าต้องการที่จะพบกับเทพปรุงยาอย่างหมดท่าเช่นนี้ จนถึงขั้นที่เจ้าเต็มใจที่จะจากโลกนี้ไป ข้าก็ยินดีที่จะจัดการพบปะให้แก่เจ้าเป็นการส่วนตัว และขอให้เจ้าจงรู้ไว้ว่าเทพปรุงยานั้นมีใช่ “เขา” แต่เป็น “เธอ”

 

“อะไรนะ” หวังชูเหรินอุทานออกมาดังลั่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตระหนก

 

“เทพปรุงยาเป็นหญิงงั้นรี”

 

ซูหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “มิเพียงแต่เธอเป็นหญิง แต่เธอยังเป็นหญิงที่สวยสุดยอดคนหนึ่งด้วยเช่นกัน”

 

“จ-เจ้ากับเทพปรุงยา ได้มีอะไรกันบ้างหรือไม่…” หวังชูเหรินถามเขาด้วยเสียงสั่นสะท้าน

 

รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยาง และเขาก็ได้ตอบกลับมาด้วยเสียงเยือกเย็นว่า“ใครจะรู้ ถ้าเจ้าสนใจเช่นนั้น เจ้าสามารถถามเทพปรุงยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง”

 

“ข-ข้ามิกล้า…” เธอรีบส่ายหน้า จนทําให้ซูหยางถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ กับการตอบสนองของเธอ

 

“เจ้ายังมีเวลาอีกสองปีในการตัดสินใจว่าจริงแล้วเจ้าต้องการติดตามข้าไป หรืออยู่ในโลกนี้ถ้าเจ้าตัดสินใจที่จะติดตามข้าไป เจ้าจะมีเพียงแต่จะสามารถได้ปรุงยาที่เจ้ามิเคยได้ยินมาก่อนเท่านั้น แต่เจ้าก็ยังจะได้สัมผัสกับโลกใหม่แห่งการปรุงยาอีกด้วย”

 

หวังซูเหรินกลืนน้ําลายอย่างยากเย็น รู้สึกหลงไหลไปกับคําพูดของเขาเป็นอย่างมาก

 

“ข้าจักบอกให้ท่านรู้เมื่อข้าได้ตัดสินใจแล้ว” เธอกล่าวกับเขา

 

เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่มฝึกหวังชูเหรินอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากประสบการณ์ในการทํายาของเธอครั้งสุดท้ายนั้นได้ผ่านมาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วการเคลื่อนไหวของหวังชูเหรินจึงเก้งก้างและแข็งกระด้าง

 

ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่เนื่องจากโอสถกาลนิรันดร์ ทําให้ความแข็งแกร่งทาง จิตใจของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทําให้เธอสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ในอัตราเร็วสูงสุด จนถึงกับเหนือกว่าตัวตนเดิมของเธอเพียงในไม่กี่วันหลังจากนั้น

 

“เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง เจ้ายังคงโกรธข้าสําหรับการทดสอบเจ้าอยู่หรือไม่ ซูหยาง ถามเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากนั้น

 

“ท่านยังคงต้องถามคําถามนั้นอยู่อีกรี ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งโหดร้ายที่ท่านทําให้ข้าต้องเผชิญกับความสันโดษนานนับ 100 ปี แต่ข้าก็เข้าใจว่าทําไมท่านจึงได้ทําแบบนั้น ข้ารู้สึกท้อแท้มากกว่าที่จะโกรธที่ความพยายาม 100 ปีของขากลายเป็นเพียงความฝัน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นประโยชน์แล้ว ข้าก็เริ่มรู้สึกขอบคุณท่านแทน นี่เหมือนกับว่าข้าได้เกิดใหม่ด้วยพรสวรรค์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม บางทีความพยายามของข้าก็มิได้สูญเปล่าไปเสียเลยทีเดียว” หวังชูเหรินพูดในขณะที่จ้องไปที่มือของตนเองด้วยสายตาที่งุนงงและรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า

 

“เป็นสิ่งดีที่ได้ยินเช่นนั้น และตอนนี้เมื่อเจ้าได้คุ้นเคยกับการปรุงยาอีกครั้งแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะกลับมาฝึกพิเศษกันต่อไป” ซูหยางกล่าว

 

หวังซูเหรินมองดูเขาด้วยสีหน้าสงสัยไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่า “การฝึกพิเศษ” นั้นคืออะไรในที่สุด

 

“ถึงแม้ว่ามันจะมิได้ยาวนานถึงปานนั้นในความเป็นจริง แต่ข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่า นานนับกัลป์นับตั้งแต่ที่ท่านได้สัมผัสร่างกายข้าครั้งสุดท้ายนั่น” หวังซูเหรินพูดขึ้นก่อนที่ จะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออก

 

“เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทําให้เจ้าต้องผ่านประสบการณ์เช่นนั้นข้าจะทําให้ร่างกายของเจ้าพึงพอใจด้วยความสุขที่คุ้มค่ากับเวลากว่า 100 ปี” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะหยิบเตียงออกมา จากแหวนเก็บของและโยนมันลงบนพื้น

 

“ค-ความพึงพอใจที่คุ้มค่ากับเวลาหนึ่งร้อยปีรี ข-ข้าจักต้องตายจากเรื่องนั้นแน่” หวังชูเหนอุทานออกมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า… อย่ากังวล ความแข็งแกร่งทางใจของเจ้านั้นได้เพิ่มขึ้นมากพอที่จะทนรับมันได้แล้ว”

 

สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็โอบหวังชูเหรินไว้ในอ้อมอกของเขาและเริ่มทิ่มแทงแก่นกายของเขาเข้าไปในร่างเธอ จนทําให้ภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งฟิตของเธอนั้นเด้งส่ายไปมาอย่างรุนแรง

 

“อาาาาา”

 

หลังจากที่ผ่านประสบการณ์ร้อยปีโดยไม่ได้รับรสความสุขอะไรมาเลย ร่างกายของหวังชูเหรินจึงสั่นสะท้านไปด้วยความพึงพอใจอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่าร่างกายของเธอนั้นกระหายในความสุข ช่องรักของเธอนั้นทะลักทลายปราณหยินออกมาเป็นการตอบสนองบอกให้ซู หยางรู้ถึงความพึงพอใจของเธอ

 

“อื้มมม”

 

“อ้า!”

 

“โออออ”

 

ตลอดทั้งสัปดาห์ซูหยางและหวังชูเหรินได้ฝึกฝนวิชาร่วมกันอย่างหลงไหลในห้องยา ปลดเปลื้องความเครียดทั้งหมดของหวังซูเหริน จากความอ้างว้างและโดดเดี่ยวกว่า 100 ปีของเธอ