บทที่ 574 คุณค่า
ภายในคฤหาสน์ ณ ชานเมืองอัลลิน…

เบลคทุ่มเทแรงกายแรงใจคำนวณการหมุนควงซ้ำของดาวประกายพรึกที่จุดโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดตามสูตรการคำนวณของลูเซียน

ระหว่างช่วงที่ลูเซียนตั้งใจหยุดอธิบายเป็นช่วงๆ เขาก็รีบจดอย่างเร็ว ปากกาขนนกของเขาไม่ได้หยุดทำงานแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ แล้วเขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องสมุดเพื่อค้นหาตำราอาร์คานาและเวทมนตร์

เขาไม่ใช่นักเวทที่ช่ำชองด้านโหราศาสตร์และสนามแรง และเขาจำผลการสังเกตการณ์การหมุนควงซ้ำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความประทับใจที่มีต่อตัวเลขกำลังเดือดดาลอยู่ในหัว ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองและหัวของเขาก็เริ่มปูดบวม

ผลการคำนวณของเขาดูเหมือนจะใกล้เคียงกับค่าที่ได้จากการสังเกตการณ์อย่างน่าประทับใจมาก!

หมายความว่าอะไร?

นี่มันกำลังจะบอกอะไร?

ตำราเล่มแล้วเล่มเล่าถูกดึงออกมาเพียงเพื่อจะโยนทิ้งหลังจากอ่านดูผ่านๆ จนในที่สุด เขาก็พบกับตำราเล่มหนึ่งที่เคยอ่านสมัยเด็กเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ‘ปริศนาสิบห้าประการว่าด้วยโหราศาสตร์!’

มือของเขาสั่นเทา เขาไล่อ่านหน้าสารบัญและจนพบ ‘ปัญหาว่าด้วยการเฝ้าสังเกตการหมุนควงของดาวประกายพรึกที่จุดโคจรใกล้ดวงอาทิตย์ซึ่งขัดแย้งกับการทำนายโดยระบบเคลื่อนที่ของดักลาส หน้า 39’

เบลคเปิดเข้าไปดูอย่างรวดเร็วและก็ได้เห็นข้อมูลที่สะดุดตาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น

หลังจากมืออ่อนแรง หนังสือปกหนาเล่มนั้นก็หล่นลงบนพรมเสียงดังตุ้บ เบลคก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นรูปปั้น

ค่าทั้งสองใกล้กันมาก มันหมายความว่าอะไร?

ในตอนนั้นเอง เสียงของลูเซียนก็ดังออกมาจากวิทยุเวทมนตร์อีกครั้ง

“หลังจากการคำนวณ เราระบุได้ว่าการหมุนควงซ้ำของดาวประกายพรึกที่จุดโคจรใกล้ดวงอาทิตย์… สอดคล้องกับผลการสังเกตการณ์ในเบื้องต้น”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์อันทรงพลังจนกระทั่งเบลคมีสติกลับมาอีกครั้ง ซึ่งมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาบิดงออย่างน่ากลัวด้วยความลิงโลด

นี่หมายความว่าอะไรกัน?

หมายความว่าคำอธิบายลักษณะของแรงโน้มถ่วงนี้มีทั้งทฤษฎีสนับสนุนและข้อเท็จจริงยืนยัน!

นั่นหมายความว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของท่านลูเซียน อีวานส์ เป็นทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับความจริงของแรงโน้มถ่วงมากที่สุดในตอนนี้!

นั่นหมายความว่าปัญหาที่ค้างคาใจท่านประธานและจอมเวทอื่นๆ อีกจำนวนมากไม่ใช่ปัญหาที่ตอบไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องนำเสนอว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ควบคุมแรงโน้มถ่วง! ท่านอีวานส์ได้เสนอคำอธิบายที่ก้าวหน้าเกินกว่ายุคและจินตนาการทั้งหลายโดยสมบูรณ์แบบ!

นั่นหมายความว่าวิถีแห่งอาร์คานาไม่ผิดพลาด อาจจะมีปัญหาที่ยังไขไม่ได้อีกมากมาย แต่ทุกคนกำลังอยู่บนเส้นทางที่สามารถไขปริศนาเหล่านั้นออกมา

แม้ว่าเขาจะแทบไม่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของลูเซียน แต่ก็ไม่อาจห้ามเบลคไม่ให้สรุปและคำนวณด้วยบทสรุปนี้ จากผลที่ได้ เขาเชื่อว่าทฤษฎีนี้สามารถอธิบายลักษณะของแรงโน้มถ่วงได้ ความสับสนและความกระวนกระวายก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น

บางที นี่คงเป็นเพราะเขาไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงไม่มีข้อสงสัยและมุ่งตรงสู่คำตอบได้ในทันที

ลักษณะของแรงโน้มถ่วงได้รับการอธิบาย และเรื่องอื่นที่เป็นปัญหาเชิงอาร์คานาก็จะมีคำอธิบายเช่นกัน ตราบใดที่เหล่านักเวทเดินหน้าสำรวจและทำการวิจัย และไม่ยอมแพ้!

“ท่านประธาน ท่านได้ฟังทฤษฎีของท่านอีวานส์หรือไม่? ข้าเชื่อว่าท่านคงสิ้นข้อสงสัยเสียที…”

“หลังจากการคำนวณ เราระบุได้ว่าการหมุนควงซ้ำของดาวประกายพรึกที่จุดโคจรใกล้ดวงอาทิตย์… สอดคล้องกับผลการสังเกตการณ์ในเบื้องต้น”

หลังจากลูเซียนพูดเช่นนั้น ซาแมนธาก็ต้องมองเขาด้วยความตกตะลึงและตื่นเต้นอยู่ภายในห้องออกอากาศ ปัญหาที่กวนใจสำนักโหราศาสตร์มานานหลายต่อหลายปีถูกไขปริศนาด้วยวิธีนี้ นอกจากนี้ นี่ยังพิสูจน์ว่าคำอธิบายของลูเซียนเรื่องลักษณะของแรงโน้มถ่วงใกล้เคียงกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง

นางชื่นชมความสามารถและความสำเร็จของลูเซียนมาโดยตลอด แต่นางก็เชื่อมั่นในตัวเองมากเช่นกันเมื่อพูดถึงเรื่องการผูกดวงโหราศาสตร์ เนื่องจากลูเซียนไม่เคยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในศาสตร์ด้านนี้ นางจึงไม่เคยคิดว่าลูเซียนจะมีความเข้าใจในเรื่องแรงโน้มถ่วงและโหราศาสตร์ที่น่าตกตะลึง ลึกซึ้ง และสร้างสรรค์ถึงเพียงนี้

ขณะมองลูเซียนซึ่งกำลังพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ นางก็มีความรู้สึกเหมือนกับตอนที่ท่านประธานตอบคําถามไขข้อข้องใจของอาจารย์ของนางและตัวนางเอง ทั้งสองคนนี้ต่างมีความสุขุมและโดดเด่นอย่างยิ่ง

ในภาวะตะลึงงันเช่นนั้น ซาแมนธาเฝ้าคิดอยู่ในใจ หลังจากลูเซียนไขปัญหาเรื่องความผิดพลาดของเวลาของดาวเคราะห์เทียมด้วยการนำเสนอแนวคิดการยืดเวลาของแรงโน้มถ่วง โลกแห่งปัญญาของนางก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที แม้นางจะพึ่งได้รับรู้เนื้อหาพื้นฐานเท่านั้น แต่โลกแห่งปัญญาของนางก็กำลังพัฒนาสู่ภาวะกึ่งปึกแผ่นเสียแล้ว นีชกา อาจารย์ของนาง เป็นผู้มีองค์ความรู้ด้านคณิตศาสตร์และเป็นรองเพียงเลฟสกีในด้านเรขาคณิตและการวิเคราะห์เทนเซอร์ ดังนั้น นางเองก็ค่อนข้างเชี่ยวชาญในสาขานี้เช่นกัน

‘นี่เป็นบทความชิ้นประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน… ไม่สิ บทความที่ก้าวหน้าล้ำยุคเลยทีเดียว!’

รอบๆ ตัวนาง จอมเวทส่วนใหญ่ต่างก็มีองค์ความรู้ไม่ต่างจากนาง เว้นเสียแต่ว่าผลงานความสำเร็จของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับซาแมนธา เนื่องจากยังมีความเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ไม่มากพอ

อย่างไรก็ตาม ความตื่นตระหนกที่เกิดจากคำพูดของดักลาสก็มลายหายไปสิ้น ความสับสนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ตราบใดที่ยังมีความเชื่อมั่นอยู่! ความสำเร็จของลูเซียน อีวานส์ ในช่วงเวลานี้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงอนาคตอันสดใสของอาร์คานา แม้พวกเขายังไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่บทสรุปและการคำนวนสุดท้ายก็แสดงผลที่ดี

เฮลเลนหยุดอ่านบทความและตัดสินใจจะกลับไปอ่านวารสาร ‘ธรรมชาติ’ ในรอบสี่ปีที่ผ่านมาแต่ก่อน หลังจากนางกลับไป นางพูดกับเฟอร์นันโดด้วยเสียงเบาๆ “ดูเหมือนข้าจะเห็นท่านประธานอีกคนแล้ว…”

“บางครั้ง เขาก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น” เฟอร์นันโดหายใจออกมาเสียงดังและตั้งใจจะวิจารณ์ลูกศิษย์ของเขา แต่ก็ยังแสดงความเห็น ‘ค่อนข้างดี’ ตามมาตรฐานของเขาในตอนท้าย แล้วเขาก็ก้มหน้าอ่านบทความต่อ

บทความชิ้นนี้มีเนื้อหาที่ซับซ้อนและเข้าใจยากที่สุดที่เขาเคยอ่าน เขาถึงกับพึมพำออกมา “ถ้าดักลาสได้เห็นนี่…”

ในอัลลิน เรนทาโต ซัลลีแวร์ โคคัส หมู่เกาะสุริยคติ และหมู่เกาะไข่มุก จอมเวทและนักเวทฝึกหัดต่างรู้สึกเบิกบานและมีความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเข้าใจเนื้อหามากน้อยเพียงใดก็ตาม

ลูเซียนกระแอมและปิดเอกสารสนับสนุน “นี่คือความเห็นของข้าต่อลักษณะของแรงโน้มถ่วง ผลที่ได้ตรงกับปรากฏการณ์ที่เฝ้าสังเกตมา และข้าได้เสนอคำพยากรณ์สองสามข้อเพื่อพิสูจน์ผล ข้าเชื่อว่าเราจะเข้าใจเรื่องแรงโน้มถ่วงและอวกาศมากยิ่งขึ้น หลังจากพิสูจน์สมการสนามแรงโน้มถ่วงแล้ว”

แล้วจู่ๆ ลูเซียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อย่างไรก็ตาม ข้าบอกได้เพียงว่าบทความชิ้นนี้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เราจะพบข้อบกพร่องในทฤษฎี และทฤษฎีนี้จะใช้ได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น สิ่งที่เราเข้าใจนี้เป็นเพียงความจริงสัมพัทธ์ แต่ยังไม่ใช่ความจริงสมบูรณ์…”

ลูเซียนใช้โอกาสนี้นำเสนอแนวคิดบางอย่างที่เคยพูดถึงไว้อีกครั้ง ซาแมนธา เบลค และจอมเวทอื่นๆ ต่างพยักหน้าเบาๆ เมื่อมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการพัฒนาอาร์คานาได้ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา

“…ข้าเชื่อว่าบางครั้งทุกคนอาจสับสนในช่วงที่ศึกษา ข้าเองก็เป็นเหมือนกันแล้วก็ยังเป็นอยู่ บ่อยครั้งที่ข้ารู้สึกหมดหวัง และบางครั้งก็สูญเสียความมั่นใจ… นี่เป็นเรื่องปกติมาก อย่าคิดว่าพวกท่านไม่มีเรื่องให้ทำวิจัย มีปัญหาอีกมากมายกำลังรอให้เราเข้าไปศึกษา”

“‘ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งไม่รู้มากเท่านั้น’ นี่เป็นภาษิตเชิงปรัชญา แต่ข้าอยากจะเพิ่มเติมสักเล็กน้อย ‘นี่คือเหตุผลที่เราต้องทำงานหนัก และอย่ายอมให้ความไม่รู้ตราหน้าเรา การคิดและการสำรวจควรเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจที่สุดในการอาศัยอยู่บนโลกใบนี้’”

แปะ แปะ แปะ จอมเวทในห้องออกอากาศต่างปรบมือแสดงความชื่นชม พวกเขารอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว แม้บทสนทนาดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริง แล้วจะมีผลอะไร? ทุกคนสามารถสับสนและสูญเสียความมั่นใจได้ในบางครั้ง แต่ก็กลับสู่เส้นทางได้เช่นกัน หลังจากอารมณ์ผ่อนคลายขึ้น!

เมื่อเห็นซาแมนธากำลังจะพูด ลูเซียนก็ส่งสัญญาณให้นางรอและยิ้มออกมา “ด้วยข้อเท็จจริงนี้ ข้าเพิ่งทำการทดลองสำเร็จอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งพิสูจน์การมีอยู่ของนิวตรอน”

อะไรนะ?

จอมเวทในห้องออกอากาศและที่อื่นๆ ต่างหน้าปากค้าง ขณะที่เขียนบทความที่เปลี่ยนกระบวนทัศน์สำเร็จ ลูเซียน อีวานส์ ยังค้นพบนิวตรอนด้วยอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าคืนนี้เป็นราตรีแห่งปาฏิหาริย์?

สำหรับนักเวทที่เชี่ยวชาญเรื่องธาตุ เช่น แลร์รี เค ทิโมธี ยูลิสิส และแอนนิค คนต่างรู้สึกว่าเลือดของตนแล่นเข้าสมองอย่างพลุ่งพล่าน จนเกือบจะสิ้นสติ

การค้นพบนิวตรอนหมายถึงความเป็นเหตุเป็นผลที่เป็นรากฐานของการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ นี่หมายถึงยุคสมัยแห่งการพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของสำนักธาตุ!

ราเวนติควบคุมทั้งร่างของตัวเองไว้ และตั้งใจฟังกระบวนการการทดลอง

หลังจากลูเซียนอธิบายจบ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปยังห้องทดลอง ราวกับว่าเขาร่าย ‘เวทเร่งความเร็วขั้นสูง’ ใส่ตัวเอง

การค้นพบนิวตรอนจากหลักการอนุรักษ์โมเมนตัมและพลังงานหลังจากการชนเป็นระเบียบวิธีวิจัยของเขามาตลอด แต่ต้องมีการทดลองกับวัสดุต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาประเมินว่าต้องใช้เวลาสามปีกว่าจะทดลองเสร็จสิ้น แต่ตอนนี้ ทุกอย่างต่างออกไป ด้วยการทดลองของลูเซียน เขาก็สัมผัสได้ถึงการเป็นอยู่ของนิวตรอนในทันที

หลังจากค้นหาวัสดุและสร้างแผ่นโลหะการทดลองแล้ว ราเวนติก็เปิดเครื่องไซโคลตรอนและทดลองให้อะตอมฮีเลียมชนกับแผ่นโลหะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อเขาพบร่องรอยที่โปรตอนกระจายตัวออก เขาก็รู้สึกมือสั่นจนเกินกว่าที่จะควบคุม

หลังจากบันทึกข้อมูล เขาก็รู้สึกว่าดวงตาพร่ามัว

เมื่อคำนวณได้ว่ารังสีที่ระเบิดโปรตอนก็คือนิวตรอน ก็ดูเหมือนมีดวงอาทิตย์สองดวงขึ้นในดวงตาสีเทาของเขา

ตู้ม!

ทันใดนั้น นครเรนทาโตก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆและเสียงฟ้าร้อง!

‘มีคนได้โลกแห่งปัญญากึ่งปึกแผ่นจากบทความและการทดลองของลูเซียนหรือไง?’ นาตาชามองไปที่ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างด้วยความดีใจและภาคภูมิใจ

หลังจากได้ยินคำอธิบายเบื้องต้นของลูเซียน คริโทเนียก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในเรนทาโตด้วยความตกตะลึง “มีผู้วิเศษได้โลกแห่งปัญญากึ่งปึกแผ่นอีกคนงั้นหรือ? นี่เป็นเพราะคำอธิบายลักษณะของแรงโน้มถ่วงหรือการค้นพบนิวตรอนกันแน่?”

“ดูจากความผิดปกติของธาตุและเงาของนิวเคลียสอะตอม เพราะการค้นพบนิวตรอน” เบเนดิกต์ที่สามก็จ้องมองเรนทาโตเช่นกัน

คริโทเนียแทบไม่อยากยอมรับ “ก่อนหน้านี้ ข้ารู้เพียงว่าการพัฒนาการศึกษาอาร์คานาช่วยให้นักเวทแข็งแกร่งขึ้น แต่แค่บทความและผลการทดลองครั้งชิ้นเดียวส่งอิทธิพลที่น่าประหลาดใจขนาดนี้เชียวหรือ?”

“บทความและการทดลองของลูเซียนเทียบเท่ากับตำนานทั้งห้าหรือไม่?”

“คุณค่าของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ยังห่างไกลจากตำนานทั้งห้า” เสียงของเบเนดิกต์ที่สามเยือกเย็นขึ้น “เราประเมินลูเซียนต่ำไป ข้าจะเลื่อนอันดับของเขาในบัญชีกวาดล้างอีกครั้ง และขอให้ ‘เพชฌฆาตราตรี’ ผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสุด จัดการเขาด้วยตัวเอง”

‘เพชฌฆาตราตรี’ ผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสุด เป็นนักเวทชั้นตำนาน ฉะนั้น ศาสนจักรจึงไม่ได้นับรวมเขาในการประกาศพลังอำนาจ แต่อ้างถึงว่ามีพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญสิบเก้าคน อัศวินศักดิ์สิทธิ์ห้าคน (เมลแม็กซ์ แอนโธนี เบลเลีย สโตน และวาฮารัลล์) อย่างไรก็ตาม ตอนที่สภาเวทมนตร์และกองกำลังอื่นๆ ประเมินศักยภาพของศาสนจักร ทุกฝ่ายต่างนับรวมถึง ‘เพชฌฆาตราตรี’ และถือว่าผู้มีพลังขั้นสูงสุดของศาสนจักรมีทั้งหมดยี่สิบคน

คริโทเนียไม่มีทางที่จะเข้าใจผลของการศึกษาอาร์คานา แต่ผลลัพธ์นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว “พระคุณเจ้า ลูเซียนจัดอยู่อันดับเท่าไหร่ขอรับ?”

“สิบสาม ‘ดาวประกายพรึกร่วงเวหา’ จะมีอันดับต่อจากผู้มีพลังสูงสุดทั้งหมด” เบเนดิกต์ที่สามตอบอย่างไร้ความรู้สึก

หลังจากการระเบิดของ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ สิบเอ็ดอันดับแรกในบัญชีกวดล้างต่างเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดทั้งหมด อันดับที่หนึ่งถึงสิบเอ็ดประกอบด้วย สันตะปาปาของพวกนอกรีตแดนเหนือ, ‘จักรพรรดิแห่งอาร์คานา’ ดักลาส, แวมไพร์ยุคโบราณ แดรกคูลา, มังกรยุคบรรพกาล ดานิซอส, ราชินีเอลฟ์, เจ้าชายแห่งอเวจี, ดยุกนรกทองแดงแห่งนรกขุมที่หนึ่ง, เอ็ดวิน บรูค ‘จักรพรรดิแห่งการควบคุม’, เฟอร์นันโด ‘เจ้าแห่งวายุ’, แฮททาเวย์ ‘ปรมาจารย์แห่งมหาสมุทรไร้พรมแดนและเจ้าแห่งธาตุ’ และไรน์ เคานต์เนตรเงิน ผู้หยิบยืมพลังจากดวงจันทร์สีเงินและมีพลังเทียบเท่ากับผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดเป็นระยะสั้นๆ

……………………………………………………..