ตอนที่ 90-5 ความตายของซย่าโหวเสวี่ย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ฮองเฮา ดูสิ พวกเขาเหมาะสมกันเพียงไหน!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่เผยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยเมตตา

 

 

“ลูกเปย เสวี่ยเอ๋อร์คือแก้วตาดวงใจของข้า เจ้าจะต้องดีกับนางให้มาก อย่าทำให้ข้าผิดหวังเด็ดขาด!”

 

 

พ่อตาที่เปี่ยมด้วยพลังเช่นนี้ แน่นอนว่าหลิวเปยจะต้องยกยอเอาใจอย่างแน่นอน

 

 

ตอนนั้นเอง หลิวเปยตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า

 

 

“ข้าจะต้องดีกับซย่าโหวเสวี่ย รักทะนุถนอมนางให้มาก โอบอ้อมอารีรักใคร่กลมเกลียวต่อนาง อยู่กินกันไปจนแก่เฒ่า”

 

 

หลิวเปยเอ่ยกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยแก้มแดงด้วยความเขินอาย แม้กระทั่งฮ่องเต้และฮองเฮาก็ทรงดีพระทัยอย่างที่สุด

 

 

“ดี! ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าลืมรีบมีลูกกันเร็วๆ เข้านะ!”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ขอทรงวางพระทัย! หม่อมฉันจะพยายามเต็มที่ หัวปีท้ายปีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

สุดท้ายหลิวฮองเฮาก็ส่งหลิวเปยและซย่าโหวเสวี่ยด้วยความยินดี

 

 

ถึงแม้ว่าหลิวฮองเฮาจะไม่ได้พูดอะไรกับบุตรสาวแม้แต่คำเดียว ซึ่งหลิวฮองเฮารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อนึกได้ว่าซย่าโหวเสวี่ยคือเจ้าสาวหมาดๆ แน่นอนว่าย่อมต้องเขินอาย จึงพูดอะไรไม่ออกก็เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นในจุดนี้นางจึงมองข้ามไปได้

 

 

ได้แต่งภรรยาที่งดงามถึงเพียงนี้ ทำให้หลิวเปยดีใจจนหน้าบาน

 

 

เขาไปส่งซย่าโหวเสวี่ยที่ห้องหอ แล้วตนเองไปที่ดื่มสุรา

 

 

จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด หมัวมัวที่ดูแลงานถึงได้เข้ามามอบยาถอนพิษให้กับซย่าโหวเสวี่ย เมื่อยาถอนพิษเข้าสู่ร่างกาย ซย่าโหวเสวี่ยจึงพูดได้ในที่สุด แต่ร่างกายนางยังคงอ่อนปวกเปียก ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

 

 

ไม่ต้องรอให้ซย่าโหวเสวี่ยเอ่ยถาม หมัวมัวที่ดูแลก็เฉลยคำตอบให้นางได้ฟังตรงๆ ว่า

 

 

“ฝ่าบาทมีรับสั่ง รอคืนร่วมหอผ่านพ้นไป จึงจะมอบยาถอนพิษอีกส่วนให้กับองค์หญิง”

 

 

“แต่ แต่ว่า…”

 

 

เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เข้มงวดดุดันของหมัวมัว ซย่าโหวเสวี่ยจึงไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดี

 

 

นางมิใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ ทั้งยังเคยแท้งลูกมาอีกด้วย จึงเทียบไม่ได้กับสาวน้อยแรกแย้มที่แสนบริสุทธิ์อยู่แล้ว!

 

 

หรือ…เสด็จพ่อไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้ให้กับนางเลยหรือ

 

 

หากว่าในคืนเข้าหอมิได้หลั่งเลือดออกมาละก็ เจ้าบ่าวจะยอมเลิกราได้อย่างไร! เรื่องราวในอดีตของนางจะให้หลิวเปยล่วงรู้ไม่ได้!

 

 

ภายหลังจากที่ได้พบหลิวเปยอีกครั้ง ซย่าโหวเสวี่ยจากที่ตอนแรกต่อต้าน ยืนยันไม่ยอมแต่ง กลับกลายเป็นคิดที่จะลองมอบใจให้หลิวเปยดู ไม่แน่ว่านางและเขาอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นความรัก อาจจะมีอนาคตด้วยกันจริงๆ

 

 

“องค์หญิง ทรงคิดอะไรอยู่หรือ”

 

 

หมัวมัวท่าทางหน้าตาเป็นการเป็นงาน ดเจนว่าไม่เข้าใจความหมายของซย่าโหวเสวี่ย

 

 

“เอ่อเรื่องนั้น…”

 

 

ไม่ทันที่ซย่าโหวเสวี่ยจะได้กล่าวอธิบาย หลิวเปยที่เมามายก็เดินเข้ามา

 

 

“องค์หญิง หม่อมฉันมาแล้ว ปล่อยให้องค์หญิงทรงรอนานแล้ว! องค์หญิง หม่อมฉันได้แต่งงานกับพระองค์ หม่อมฉันดีใจเป็นที่สุด!”

 

 

เมื่อหลิวเปยเข้ามา หมัวมัวจึงรีบถอยออกไปอย่างรู้งาน คำพูดของซย่าโหวเสวี่ยมาติดอยู่ที่ปาก แล้วกลืนมันลงไป

 

 

ทำอย่างไรดี

 

 

นางจะทำอย่างไรจึงจะปิดบังหลิวเปย แล้วผ่านด่านร่วมหอลงโรงนี้ไปได้อย่างราบรื่นนะ

 

 

“องค์หญิง ทรงสิริโฉมงดงามยิ่งนัก!”

 

 

ไม่รอให้ซย่าโหวเสวี่ยคิดค้นวิธีการออก หลิวเปยก็มายืนอยู่ตรงหน้าของนาง แล้วยื่นมือออกมาแตะที่ปลายคางของนาง

 

 

“หม่อมฉันเพิ่งเคยพบหญิงที่หญิงที่งดงามเฉกเช่นองค์หญิงเป็นครั้งแรก”

 

 

“ท่านโกหก! ข้าไม่เชื่อท่านหรอก!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยหันหน้าไปอีกทาง ไปหน้าแดงราวเวลายามสายัณห์ นางวาดภาพอวี้หลัวช่ามอบให้กับหลิวเปยแล้วมิใช่หรือ ในใจของหลิวเปยควรจะเป็นอวี้หลัวช่าที่งามกว่านางมิใช่หรือ

 

 

ถึงแม้ว่าในใจซย่าโหวเสวี่ยจะมีคำถามเกิดขึ้น แต่มีหญิงใดเล่าที่จะไม่ชอบฟังคำพูดเช่นนี้นะ!

 

 

“ที่ข้าพูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น! ความรักที่ข้ามีต่อองค์หญิง ฟ้าดินเป็นพยาน!”

 

 

หลิวเปยจัดเป็นยอดฝีมือนักรัก เขามีวิธีการมากมายในการรับมือสาวน้อยอย่างซย่าโหวเสวี่ย

 

 

ในตอนนั้นเอง หลิวเปยจับมือน้อยของซย่าโหวเสวี่ยวางลงที่อกของตนเอง

 

 

“องค์หญิง ทรงรู้สึกหรือยังพ่ะย่ะค่ะ หัวใจของหม่อมฉัน กำลังเต้นอยู่เพื่อพระองค์!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยเติบโตอยู่ในวังหลวงมาโดยตลอด พบเจอกับบุรุษน้อยแสนน้อย แล้วจะเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน

 

 

ภายใต้แสงจันทร์ ชายชุดแดงแววตาหวานเชื่อม สีหน้าลึกซึ้ง

 

 

ชายเช่นนี้ มิใช่สามีที่ซย่าโหวเสวี่ยใฝ่ฝันถึงอย่างนั้นหรือ!

 

 

ไม่นาน ซย่าโหวเสวี่ยที่เดิมทีกำลังสับสนว่าจะผ่านคืนเข้าหอนี้ไปได้อย่างไร ถูกคำหวานของหลิวเปย ลอกคราบจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า แล้วนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่าย

 

 

“องค์หญิง ทรงสิริโฉมงดงามเหลือเกิน! งดงามไปทั้งตัว งดงามไปทั้งตัว องค์หญิงหม่อมฉันรักองค์หญิง รักเสียจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”

 

 

หลิวเปยจ้องมองซย่าโหวเสวี่ยด้วยสายลุ่มหลง ลึกซึ้งและแน่วแน่

 

 

คราวนี้ซย่าโหวเสวี่ยเชื่อสนิทในคำพูดของอีกฝ่าย!

 

 

“อย่ามอง ข้าอาย…”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยอยากจะปิดตาของหลิวเปยยิ่งนัก ท่าทางขวยเขินเอียงอายของนาง มันกระจ่างชัดในดวงตาเขา

 

 

“ข้าก็ให้องค์หญิงดู! เช่นนี้ก็เท่ากับเราเสมอกันแล้ว!”

 

 

กล่าวจบ หลิวเปยกระชากเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วจัดแจงปีนขึ้นไปบนเตียงทันที

 

 

รอจนกระทั่งร่างของหลิวเปยทาบทับลงบนร่างของซย่าโหวเสวี่ย ค่ำคืนที่น่าจดจำของคนทั้งสองจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

 

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในห้องก็เกิดเสียงร้องเอะอะโวยวายดังออกมา

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน! เจ้าไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์!”

 

 

“ราชบุตรเขยฟังข้าอธิบายก่อน…”

 

 

“อธิบายหรือ”

 

 

“ฮ่าๆ  ข้ามันเป็นไอ้โง่เง่าเต่าตุ่น ยังมีหน้ามาดีอกดีใจ คิดว่าตนเองได้แต่งงานกับดวงแก้ว! ข้านึกอยู่แล้วเชียวว่าเหตุใดซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้ดีกับข้านักหนา ที่แท้เป็นเพราะต้องการปกปิดความอัปยศให้เจ้านี่เอง!”

 

 

“ข้ามิได้ตั้งใจจะปิดบังท่าน จริงๆ นะ!”

 

 

“ไสหัวไป! เจ้าหลอกปั่นหัวข้า สนุกมากหรือไม่”

 

 

“นี่อะไร”

 

 

“ในขวดนี่คืออะไรกัน”

 

 

“เจ้าเอาเลือดนกมาแอบอ้างก็คิดที่จะหลับหูหลับตาผ่านไปอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าหน้าโง่หรืออย่างไร เกือบจะโดนเจ้าหลอกเสียแล้ว!”

 

 

เสียง ‘เพล้ง’ เครื่องลายครามใบสวยแตกละเอียดดังมาจากในห้อง หลิวเปยบ้าคลั่งชักดาบออกมา แล้วฟันมั่วไปทั่ว

 

 

“ราชบุตรเขย ฟ้ามืดแล้ว มีเรื่องอะไรรอให้ถึงพรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะเพคะ!”

 

 

ที่นอกประตู เสียงเย็นยะเยือกของหมัวมัวที่คอยดูแลคนทั้งสองดังลอดเข้ามา

 

 

“ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าวังเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปพบซย่าโหวจวินอวี่ แล้วถามเขาให้รู้เรื่องว่า เหตุใดถึงได้ยัดเยียด รองเท้าผุพังให้แก่ข้า!”

 

 

หลิวเปยควานหาเสื้อผ้าด้วยความโกรธเคืองจนร้อนรน

 

 

“เฮอะ ฝ่าบาททรงยกองค์หญิงเสวี่ยให้แต่งงานกับท่าน ถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงแล้ว! ท่านควรจะคุกเข่าขอบพระทัยเสียด้วยซ้ำ!”

 

 

หมัวมัวถึงแม้เป็นเพียงบ่าวไพร่ แต่คำพูดคำจามีอำนาจยิ่งนัก

 

 

ในคืนแต่งงานวันแรกต้องมาพบว่าเมียรักไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ การลบหลู่ดูหมิ่นที่ร้ายแรงเพียงนี้ ทั้งยังถูกบ่าวไพร่มาสั่งสอน ไฟแห่งโทสะและความโกรธแค้นในใจของหลิวเปย ‘ซู่ซู่’ ปะทุออกมา

 

 

“พระมหากรุณาธิคุณนี้ข้าไม่ขอรับ!”

 

 

หมัวมัวที่อยู่ด้านนอกประตู ไม่ยอมลดราวาศอกเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ไม่ต้องการ ท่านกล้ารึ ท่านคิดหรือไม่ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงได้ประทานองค์หญิงให้แต่งงานกับท่าน เพราะองค์หญิงทรงตั้งพระครรภ์อย่างไรเล่า! ถึงตอนนั้นลูกขององค์หญิงก็จะได้สืบทอดราชบัลลังก์ ซีเย่ว์และต้าโจวก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน!”

 

 

คำพูดของหมัวมัวทำให้หลิวเปยตาสว่าง ที่แท้แล้ว ‘ครอบครัวเดียวกัน ไม่พูดเห็นเป็นคนอื่นคนไกล’ ที่ ซย่าโหวจวินอวี่พูดหมายความเช่นนี้นี่เอง!

 

 

ให้เขาดีใจที่ได้เป็นพ่อคน ทั้งยังคาดการณ์อนาคตเอาไว้เสร็จสรรพ น้ำมือเ**้ยมโหดและต่ำช้ายิ่งนัก! หลิวเปยตวัดสายตามองไปที่ซย่าโหวเสวี่ยที่กำลังตื่นตระหนกอยู่บนเตียง เขาย่างสามขุมพร้อมดาบในมือเข้าไปหา

 

 

“เจ้าเป็นหญิงคนแรกที่สวมเขาให้กับข้า!”

 

 

“ข้าเปล่า ข้าเปล่า…”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยส่ายหน้าเป็นพัลวัน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมัวมัวต้องพูดเช่นนี้เพื่อให้หลิวเปยเข้าใจผิด

 

 

ในท้องนางไม่มีเด็กสักหน่อย!

 

 

หลิวเปยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ฟังอะไรเข้าหูที่ไหนกัน เขายกดาบขึ้นแทงเข้าไปที่กลางท้องของซย่าโหวเสวี่ย

 

 

“ใครก็ได้! ราชบุตรเขยฆ่าคน! ราชบุตรเขยสังหารองค์หญิง!”

 

 

ในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงดังขึ้นจากด้านนอก ท่ามกลางยามราตรีที่เงียบสงัด ‘ราชบุตรเขยสังหารองค์หญิง’ ประโยคนี้ดังก้องออกไปไกล