ตอนที่ 90-4 ความตายของซย่าโหวเสวี่ย

จำนนรักชายาตัวร้าย

จริงดังที่คาดไว้ หลังจากได้ฟังคำที่หลิวฮองเฮากล่าวมา ซย่าโหวจวิอวี่ก็ทอดถอนใจออกมา

 

 

“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ข้าลืมมันไปหมดแล้ว! เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าตลอดไป!”

 

 

สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงตรัสออกมาศักดิ์สิทธิ์หนักแน่น ประโยคนี้ทำเอาหลิวฮองเฮาซาบซึ้งจนน้ำตาไหลออกมา

 

 

ฝ่าบาท นี่พระองค์จะมิทรงปลดนางแล้วใช่หรือไม่

 

 

ดีจริงๆ เลย!

 

 

หลิวฮองเฮายังมิทันดีใจได้เท่าไหร่ ก็ถึงตำหนักซย่าโหวเสวี่ยเสียแล้ว

 

 

ด้านในตกแต่งด้วยโคมแดง อักษรแดง ให้ความรู้สึกยินดีและเป็นมงคล

 

 

การประดับตกแต่งตั้งแต่ภายในตำหนักบรรทมจนกระทั่งถึงชุดแต่งงานซย่าโหวฉิงเสวี่ย หลิวฮองเฮามองออกว่าฝ่าบาททรงใส่พระทัยในทุกรายละเอียดเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าทรงให้ความสำคัญกับการแต่งงานของซย่าโหวเสวี่ยยิ่งนัก

 

 

หลังจากที่เกิดเรื่องราวเลวร้ายมากมายขึ้น หลิวฮองเฮายังเคยเป็นกังวลว่าซย่าโจวจวินอวี่จะขับไสไล่ส่งซย่าโหวเสวี่ยไปอยู่วัด ให้โดดเดี่ยวเดียวดายจนตาย

 

 

คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงมีพระเมตตาถึงเพียงนี้ เห็นทีฝ่าบาทคงจะยังทรงรักลูกสาวคนนี้อยู่เช่นเดิม!

 

 

เพียงแต่ไม่รู้ว่าลูกเขยนางเป็นคุณชายตระกูลไหนกัน!

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะไปดูเสวี่ยเอ๋อร์เสียหน่อย…”

 

 

หลิวฮองเฮาไม่ได้พบบุตรสาวมาเป็นเวลานาน ย่อมต้องเป็นห่วงนางเป็นธรรมดา

 

 

แต่ทว่า ฝ่าบาทมิได้ทรงรับปากคำขอของนาง

 

 

“ฮองเฮาเป็นห่วงแต่ลูกอย่างนั้นหรือ”

 

 

คำพูดหยอกล้อของซย่าโหวจวินอวี่ ทำให้หลิวฮองเฮาเขินอาย

 

 

นี่ใช่หรือไม่ที่เขาเรียกว่าการพูดจาหยอกเย้าของชายหญิงต่อหน้าธารกำนัล

 

 

นี่ฝ่าบาททรงยังไม่ลืมเลือนความรักระหว่างเราสองคนหรือ!

 

 

“ฝ่าบาท ทรงตรัสอะไรอย่างนั้นเพคะ!”

 

 

หลิวฮองเฮารู้ดีว่า ฝ่าบาททรงหาบันไดให้นางลงแล้ว หากนางยังไม่รู้ดีชั่ว ละทิ้งโอกาสในครั้งนี้ ภายหน้าเกรงว่าคงไม่มีโอกาสสนิทใจใกล้ชิดกับพระองค์ได้อีก

 

 

“อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าเถอะ!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ตบบริเวณที่ว่างข้างกายตนเองเบาๆ

 

 

เมื่อเปรียบเทียบผลดีผลเสียแล้ว ท้ายที่สุดหลิวฮองเฮาตัดสินใจไม่ไปดูซย่าโหวเสวี่ย แล้วนั่งลงเคียงข้างซย่าโหวจวินอวี่

 

 

“เวลาเดินเร็วเหลือเกิน เสวี่ยเอ๋อร์เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเรือน!”

 

 

คำพูดของซย่าโหวจวินอวี่ ชวนหลิวฮองเฮาหวนรำลึกถึงความทรงจำในอดีต ซึ่งนางก็คล้อยตาม นางค่อยๆ หวนรำลึกไปถึงอดีต ฝ่าบาทและหลิวฮองเฮาพูดคุยหัวเราะให้กัน บรรยากาศรื่นรมย์เป็นที่สุด

 

 

“เสด็จแม่เสด็จมาแล้วหรือ ข้าจะไปพบเสด็จแม่!”

 

 

แค่ได้ยินว่าหลิวฮองเฮามา ซย่าโหวเสวี่ยก็อยากที่จะเข้าไปกอดแล้วร่ำไห้ระบายความอัดอั้นในสิ่งเลวร้ายที่นางต้องพบเจอมา ให้เสด็จแม่ช่วยเหลือนาง

 

 

แต่ทว่า หมัวมัวที่ฮ่องเต้ให้มาจับตาดูแลซย่าโหวเสวี่ยมิอาจรับปากได้

 

 

เมื่อซย่าโหวเสวี่ยวางท่าความเป็นองค์หญิงเข้าข่ม ก็ถูกหมัวมัวสั่งสอนด้วยการยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าปากนางในทันที

 

 

“อ๊าก …”

 

 

หลังกินยานั่นเข้าไป ซย่าโหวเสวี่ยรู้สึกขมคอ หลังจากนั้นเสียงนางก็หายไปนางพูดไม่ออก อีกทั้งร่างนางก็อ่อนปวกเปียกจนมิสามารถขยับเขยื้อนได้ ราวกับท่อนไม้ที่ใครจะจับให้ทำอย่างไรก็ได้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

“องค์หญิงเสวี่ย ทรงสงบใจเข้าพิธีแต่งงานเถิดเพคะ!”

 

 

“เมื่อถึงจวนองค์หญิง บ่าวจะมอบยาถอนพิษให้กับองค์หญิงอย่างแน่นอนเพคะ”

 

 

หมัวมัวที่มาควบคุมดูแลซย่าโหวเสวี่ยตวัดมือหนึ่งครั้ง นางกำนัลกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา

 

 

“พวกเจ้า รีบแต่งองค์ให้กับองค์หญิงเร็วเข้า วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ อย่าได้ขี้เกียจหลังยาวเด็ดขาด!”

 

 

จวบจนกระทั่งซย่าโหวเสวี่ยสวมใส่ชุดแต่งงานเรียบร้อย หลิวเปยก็เดินทางถึงวังหลวงและมาถึงที่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้และฮองเฮาแล้ว

 

 

เมื่อได้รับการรักษาจากหมอหลวงหวังอย่างสุดความสามารถ ใบหน้าหลิวเปยจึงกลับสู่โฉมหน้าเดิมที่แท้จริง ขาเขาก็รักษาจนหายดี หลิวเปยสวมชุดแต่งงานสีแดงเดินเข้ามาแต่ไกล แลดูสง่างาม หล่อเหลาไม่น้อย

 

 

หลิวฮองเฮามองดูหลิวเปยโดยละเอียด ยิ่งมองก็พึงพอใจ

 

 

ได้หนุ่มที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้มาเป็นลูกเขยนาง นับเป็นบุญตั้งแต่ชาติปางก่อนของซย่าโหวเสวี่ยโดยแท้!

 

 

แต่ว่า หลิวฮองเฮานึกอยู่นานก็ไม่คุ้นหน้าหลิวเปยแม้แต่น้อย นางนึกไม่ออกว่าเขาเป็นอ๋องจากตระกูลไหนกัน

 

 

“ฝ่าบาท เขาคืออ๋องตระกูลไหนกัน”

 

 

หลิวฮองเฮากระซิบถามฮ่องเต้แผ่วเบา

 

 

“องค์ชายห้าแห่งซีเย่ว์หลิวเปย คือราชบุตรเขยของฮองเฮา”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวตอบเสียงเรียบ

 

 

แคว้นซีเย่ว์

 

 

คราวนี้ ใจที่เดิมทีกำลังเบิกบานมีความสุขของหลิวฮองเฮาก็บีบรัดแน่น

 

 

เสวี่ยเอ๋อร์ต้องแต่งออกไปไกลถึงซีเย่ว์

 

 

แคว้นที่ห่างไกล แร้นแค้นนั่นนะหรือ

 

 

ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยเป็นบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของนางนะ!

 

 

“ฮองเฮา!”

 

 

ตอนที่หลิวฮองเฮาเซถลาจวนเจียนจะล้มลงนั่นเอง ซย่าโหวจวินอวี่ก็จับมือนางเอาไว้แล้วสำทับเสียงเข้ม

 

 

“วันนี้เป็นวันมงคลเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าห้ามทำเรื่องขายหน้าผู้คนเด็ดขาด!”

 

 

คำพูดของซย่าโหวจวินอวี่ทำให้หลิวฮองเฮาได้สติขึ้นมา แต่นางก็ยังมิอาจยินยอม

 

 

“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงได้ให้เสวี่ยเอ๋อร์แต่งงานไปไกลถึงซีเย่ว์ หม่อมฉันก็จะมิได้พบหน้าเสวี่ยเอ๋อร์อีกต่อไป!”

 

 

แม่ลูกหัวใจผูกพัน

 

 

ถึงแม้ว่าหลิวฮองเฮาจะไม่ถือว่าเป็นคนดีอะไร แต่นางก็เป็นแม่คนหนึ่งที่รักบุตรสาวสุดจิตใจ

 

 

“หลิวเปยมีตรงไหนที่ไม่คู่ควรกับเสวี่ยเอ๋อร์หรือ อีกอย่างงานแต่งงานครั้งนี้เสวี่ยเอ๋อร์เป็นคนเลือกเอง นางถูกตาต้องใจหลิวเปย ข้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน!”

 

 

“หลิวเปยคือองค์ชายที่เกิดกับฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ตอนนี้ยังเป็นลูกเขยข้าอีกด้วย มีข้าสนับสนุน ช้าเร็วตำแหน่งรัชทายาทก็ต้องเป็นของเขา เสวี่ยเอ๋อร์แต่งกับเขา ต่อไปก็จะเป็นมารดาแผ่นดิน! นี่มิใช่เป็นเรื่องดีหรอกหรือ!”

 

 

มารดาแผ่นดิน…

 

 

หลิวฮองเฮาถึงกับอึ้งเงียบไป

 

 

นางย่อมต้องหวังว่าฐานะเสวี่ยเอ๋อร์สูงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน เช่นนี้จึงจะนำพาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศให้กับ ซย่าโหวเสวี่ยได้เสพสุขไม่สิ้น

 

 

หากเป็นอย่างที่ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวมา ก็นับว่าดี!

 

 

“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงช่วยหลิวเปยแย่งชิงบัลลังก์จริงหรือเพคะ”

 

 

“ครอบครัวเดียวกัน ไม่มีคำว่าคนนอก!”

 

 

คำตอบซย่าโหวจวินอวี่ ทำให้หลิวฮองเฮาถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

 

ต่อให้ต่อไปซย่าโหวเสวี่ยมิอาจกลับมาที่ต้าโจวได้อีก แต่หลังจากนี้นางจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา เป็นมารดาแผ่นดิน สำหรับซย่าโหวเสวี่ยแล้วนี่เป็นอนาคตที่ดีที่สุดของนาง

 

 

ยิ่งกว่านั้นต้าโจวแข็งแกร่งยิ่งใหญ่กว่าซีเย่ว์หลายเท่านัก มีต้าโจวคอยสนับสนุน ต่อให้หลิวเปยขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วก็คงไม่กล้าที่จะไม่เกรงใจซย่าโหวเสวี่ยแม้แต่น้อย!

 

 

เมื่อพิเคราะห์ข้อดีข้อเสียแล้ว ความกลัดกลุ้มในใจของหลิวฮองเฮาก็คลายไปในที่สุด

 

 

ในตอนนั้นเองที่นางกำนัลประคองซย่าโหวเสวี่ยเดินออกมา

 

 

เดิมทีซย่าโหวเสวี่ยก็หน้าตาสะสวยผิวพรรณดีอยู่แล้ว ตอนนี้แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ เดินมาจากที่ไกลๆ มองดูแล้วราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ทำให้หลิวเปยตกตะลึงไปในทันใด

 

 

เมื่อมองเห็นฮองเฮา ซย่าโหวเสวี่ยก็มีปฏิกิริยาออกอาการชัดเจน

 

 

เสด็จแม่ ลูกไม่อยากแต่งงานกับองค์ชายคางคกนั่น…

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยพยายามที่จะอ้าปากเปล่งเสียงออกมา แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาเลย

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยต้องการที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่าถูกนางกำนัลสองจับกุมเอาไว้ จนขยับตัวไม่ได้

 

 

“องค์หญิง…”

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าโหวเสวี่ยไม่ได้สนใจในตัวเขา หลิวเปยจึงเดินเข้าไปหานาง

 

 

“องค์หญิงข้ามารับท่านแล้ว!”

 

 

“เจ้าเป็นใคร”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยจ้องมองหลิวเปยด้วยสายตาระแวดระวัง ชายที่หน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าคือ… ถึงแม้ว่าจะเขาไม่เทียบเท่าเหลียนจิ่นก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นชายรูปงามคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่หลิวเปยส่งมาอย่างนั้นหรือ

 

 

“องค์หญิง หม่อมฉันหลิวเปยเองพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เห็นว่าซย่าโหวเสวี่ยจดจำตนเองไม่ได้ หลิวเปยก็ยิ้มออกมาอย่างลำพองใจ จากนั้นก็เล่าเรื่องราวที่ตนเองเจ็บป่วยให้นางฟังอีกครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ

 

 

“อะไรนะ”

 

 

คราวนี้กลายเป็นซย่าโหวเสวี่ยที่ตกตะลึงพรึงเพริด

 

 

ที่แท้หลิวเปยหน้ารูปร่างหน้าแบบนี้เองหรือนี่! หากมิใช่ฟังน้ำเสียงแล้วรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนักละก็ นางเองยังแทบมิกล้าที่จะเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

 

 

“องค์หญิง เราสองคนมาคำนับเสด็จพ่อเสด็จแม่กันเถอะ!”

 

 

หลิวเปยยื่นมือออกมา จับมือของซย่าโหวเสวี่ยเอาไว้

 

 

ชายหนุ่มรูปงามอยู่เบื้องหน้า ทำเอาซย่าโหวเสวี่ยเกือบจะเป็นลมล้มพับ นางตามหลิวเปยไปคำนับ ซย่าโหวจวินอวี่และหลิวฮองเฮาสามครั้งด้วยอาการงงงวย

 

 

จนกระทั่งหลิวเปยประคองซย่าโหวเสวี่ยขึ้นมา ซย่าโหวเสวี่ยก็ยังไม่ได้สติจากภวังค์ความจริงที่ว่าหลิวเปยมีรูปโฉมที่งดงามขึ้นมาได้