ตอนที่ 90-3 ความตายของซย่าโหวเสวี่ย

จำนนรักชายาตัวร้าย

ว่าที่พ่อตาในอนาคตช่างใจกว้างเสียจริง ไม่เพียงแต่จัดการเก็บกวาดจวนองค์หญิงไว้ให้ใช้จัดงานแต่งงาน ทั้งยังพระราชทานเงินทองของมีค่ามากมายมาให้อีกด้วย

 

 

ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลิวเปยเปรมปรีดิ์ดีใจมากที่สุดนั่นก็คือ นางกำนัลที่เชี่ยวชาญร้องรำทำเพลงทั้งสิบคนที่จะแต่งมาพร้อมองค์หญิง

 

 

เอวน้อยแสนอ่อน ดวงหน้านวลเนียน ทุกนางล้วนงดงาม ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย!

 

 

หลิวเปยมั่นใจว่า ซย่าโหวจวินอวี่จะต้องเคยเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเขาในชาติปางก่อนเป็นแน่ มิเช่นนั้นเหตุใดพระองค์ถึงได้ดีกับเขาเช่นนี้เล่า!

 

 

หลิวเปยจมดิ่งอยู่ในดินแดนสวยงามของตน จนลืมไปจนหมดสิ้นว่าตนตั้งใจที่จะเอาชนะใจจอมเทวาให้จงได้ ทุกวันเขาเอาแต่ขลุกอยู่กับน้องนางทั้งหลายที่ซย่าโหวจวินอวี่มอบให้ มีความสุขสำราญใจอย่างมาก

 

 

ของพระราชทานจากซย่าโหวจวินอวี่มีมาเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง ราวกับสายน้ำที่พัดพาตลอดเวลา แทบจะทุกวันที่จะต้องพระราชทานสิ่งของไปที่เรือนรับรอง เพื่อมอบให้กับหลิวเปย

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อยครั้งเข้าและเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านต่างก็พากับซุบซิบขึ้นมา

 

 

เห็นทีว่าฝ่าบาทจะทรงให้ความสำคัญกับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้อย่างมากทีเดียว คงจะปลาบปลื้มในตัวลูกเขยคนนี้ไม่น้อย!

 

 

ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินมาอีกว่า ในบรรดาองค์หญิงองค์ชายทั้งหลาย ซย่าโหวจวินอวี่รักซย่าโหวเสวี่ยมากที่สุด!

 

 

ครั้งนี้ ซีเย่ว์มาสู่ขอองค์หญิงด้วยความจริงใจ แต่ซย่าโหวจวินอวี่ยังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานออกไปไกล จึงต้องการที่จะปฏิเสธอย่างอ้อมๆ

 

 

ใครจะคาดคิดว่า ณ งานเลี้ยงในพระราชวัง องค์หญิงเสวี่ยกลับตกหลุมรักหลิวเปยเข้าให้และเอ่ยว่าจะแต่งกับเขาเพียงคนเดียว

 

 

ฝ่าบาททรงสงสารองค์หญิง จึงยินยอมตกลงรับปาก…

 

 

ข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับราชวงศ์ แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง

 

 

สรุปได้ว่า หากมิใช่ฝ่าบาททรงสงสารองค์หญิงเสวี่ย ซึ่งต้องการจะแต่งงานกับหลิวเปยเพียงผู้เดียว เนื่องจากฝ่าบาททรงรักองค์หญิง ทั้งยังทรงให้ความสำคัญกับมิตรภาพกับซีเย่ว์ จึงทรงข่มความเจ็บปวดยินยอมให้องค์หญิงทรงแต่งงานออกไปไกล

 

 

เมื่อข่าวลือนี้ไปถึงหูอวี้เฟยเยียน นางอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วครุ่นคิด

 

 

องค์ชายห้ารูปลักษณ์เช่นนั้น ซย่าโหวเสวี่ยตาบอดหรืออย่างไรกัน

 

 

แถมยังจะแต่งกับเขาเพียงคนเดียว

 

 

ข่าวลือนี่มาจากไหนกัน

 

 

คนที่รู้ความจริงเฉกเช่นอวี้เฟยเยียน มีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก

 

 

ส่วนคนที่จะพินิจไตร่ตรองความจริงแท้ของข่าวลือพวกนี้ยิ่งมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เข้าขั้นหายากเลยทีเดียว

 

 

ถึงแม้ว่ายังมีเรื่องที่ซย่าโหวเสวี่ยมาก่อเรื่องที่หอคืนชีพอีก จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ดี แต่ในใจทุกคน ซย่าโหวจวินอวี่ก็เป็นฮ่องเต้ที่ดี ทั้งยังเป็นพ่อที่ดีอีกด้วย

 

 

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนทั่วไปต่างก็ใจกว้างอวยพรแสดงความยินดีกับซย่าโหวเสวี่ยและหลิวเปย!

 

 

ภายในเวลาไม่นาน เนื่องจากการเฉลิมฉลองงานแต่งงานครั้งใหญ่ขององค์หญิงเสวี่ยทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยที่อยู่ในวังหลัง ย่อมไม่ล่วงรู้ว่าข้างนอกได้หลงคิดไปว่างานแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างต้าโจวและซีเย่ว์ในครั้งนี้เป็นดั่งเทพนิยายที่สวยงามไปแล้ว

 

 

รักแรกพบกับองค์ชายขี่ม้าขาว กับบิดาที่จิตใจดีมีเมตตาและมีเหตุผล ราวกับว่านางเกิดมาเป็นองค์หญิงที่มาพร้อมกับความโชคดี…

 

 

คณะทูตที่เดินทางมาพร้อมกับหลิวเปย ก็ถูกข่าวลือพวกนี้ทำให้เลอะเลือนสูญสิ้นสติปัญญาไปหมด

 

 

ฮ่องเต้แห่งต้าโจวรักโปรดปรานองค์หญิง แน่นอนว่าย่อมรักคนที่บุตรสาวรักด้วย นั่นก็คือองค์ชายห้า

 

 

เมื่อมีต้าโจวสนับสนุน องค์ชายห้าก็จะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ภายหน้าก็จะเป็นฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์องค์ต่อไป! ส่วนพวกเขาที่จงรักภักดีต่อองค์ชายห้า ต่อไปก็จะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ได้รับของพระราชทานปูนบำเหน็จมากมาย!

 

 

เมื่อมีดวงใจของฮ่องเต้และฮองเฮา คณะทูตจึงเขียนบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่นี่ใส่ในจดหมาย แล้วให้ม้าเร็วขี่ข้ามวันข้ามคืนส่งจดหมายไปที่ซีเย่ว์

 

 

หลังจากได้รับจดหมาย ฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งซีเย่ว์ดีใจจนยิ้มไม่หุบ

 

 

เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักต่างพากันปกป้ององค์ชายใหญ่ ทำให้ทั้งสองพระองค์ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย พอดีกับที่ในตอนนี้ องค์ชายห้ามีพ่อตาที่ทั้งแข็งแกร่งและเอ็นดูเขา เป็นถึงฮ่องเต้แห่งต้าโจวมาหนุนอยู่เบื้องหลัง แล้วยังจะมีใครที่ยังกล้าไม่ฟังคำสั่งของเขาอีกเล่า!

 

 

บรรยากาศเมืองหลวงที่ครื้นเครง เปี่ยมด้วยความสุขสนุกสนานเป็นภาพที่ซย่าโหวจวินอวี่อยากเห็น

 

 

เมื่อจะมีการแสดงละครใหญ่ จะต้องประกาศล่วงหน้าสิ!

 

 

เพื่อให้ผู้คนได้ตระเตรียมตัวอุ่นให้พร้อม ให้เข้าถึงบทบาทในละคร ง่ายต่อการหยิบจับอุปกรณ์เพื่อขึ้นแสดง!

 

 

ยิ่งเข้าใกล้วันแต่งงาน ซย่าโหวเสวี่ยก็ให้คนมาขอเข้าเฝ้าโดยเฉพาะเพื่ออ้อนวอนซย่าโหวจวินอวี่ ขอเสด็จพ่อทรงเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยากับเสด็จแม่มาหลายปี ปล่อยหลิวฮองเฮาออกมา ซย่าโหวเสวี่ยหวังว่า ในวันที่นางแต่งงาน จะมีเสด็จแม่อยู่อวยพรนาง

 

 

สำหรับข้อเรียกร้องหนึ่งเดียวของซย่าโหวเสวี่ย ซย่าโหวจวินอวี่ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด

 

 

เขารับปากซย่าโหวเสวี่ย ในวันที่นางแต่งงาน นางจะได้พบกับเสด็จแม่

 

 

โดยที่ซย่าเสวี่ยหารู้ไม่ว่า ในช่วงเวลาที่ถูกกักขังอยู่นั้น ใจหลิวฮองเฮาหาได้สงบสุขไม่ ด้วยเกรงกลัวตลอดเวลาว่าฮ่องเต้จะทรงปลดนาง

 

 

เมื่อเกิดความกดดันในใจเป็นเวลานาน บวกกับเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มหนาวเหน็บ ไม่นานหลิวฮองเฮาก็ล้มป่วย เรี่ยวแรงที่จะลงจากเตียงยังไม่มี ผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก!

 

 

แต่ทว่า เมื่อเซี่ยงจิ้นมายังตำหนักฮองเฮา ถ่ายทอดรับสั่งของฝ่าบาทและความปรารถนาองค์หญิงเสวี่ยแล้ว หลิวฮองเฮาจึงฝืนร่างกายพยักหน้าเบาๆ เพื่อแสดงว่านางจะไปส่งองค์หญิงออกเรือนด้วยตัวเอง

 

 

“เซี่ยงกงกง ข้าอยากจะรู้ว่า ราชบุตรเขยขององค์หญิงคือใคร”

 

 

หลิวฮองเฮาจ้องมองมายังเซี่ยงจิ้น จิตใจนางเต้นระส่ำไม่สงบ

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ตัดขาดนางกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง กระทั่งบุตรสาวจะออกเรือน นางยังเป็นคนสุดท้ายที่รู้

 

 

นี่มันฮองเฮาแบบไหนกัน!

 

 

“ขอฮองเฮาทรงวางพระทัย ฝ่าบาทจะมิทรงให้องค์หญิงทรงลำบากเป็นแน่!”

 

 

เซี่ยงจิ้นมิกล้าแพร่งพรายข้อมูลใดๆ โดยพลการ

 

 

“ขอเพียงแค่หลิวฮองเฮารักษาพระองค์ให้แข็งแรง ฝ่าบาทจะให้องค์หญิงเสวี่ยแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ”

 

 

จนกระทั่งถึงวันแต่งงานซย่าโหวเสวี่ย ซย่าโหวจวินอวี่จึงให้คนมาแต่งตัวให้กับหลิวฮองเฮาตั้งแต่เช้าตรู่

 

 

ถึงแม้ว่าระยะนี้หลิวฮองเฮาผ่ายผอมลงไปไม่น้อย แต่ฮ่องเต้ก็ได้ทรงเตรียมการเอาไว้แล้ว

 

 

ฉลองพระองค์ลายหงส์ เข้ากับรูปร่างพอดิบพอดีและเครื่องประดับมุก ทั้งหมดล้วนแต่สั่งทำขึ้นใหม่

 

 

นางกำนัลที่แต่งองค์ทรงเครื่องให้กับหลิวฮองเฮาล้วนแต่ฝีมือฉกาจ

 

 

ไม่นานก็สามารถเนรมิตหญิงสูงวัยที่ร่วงโรยให้กลายเป็นฮองเฮาที่สง่างามเกรียงไกรได้

 

 

“เชิญฮองเฮาทรงทอดพระเนตรเพคะ!”

 

 

นางกำนัลถือกระจกมาที่เบื้องหน้าของฮองเฮา

 

 

หญิงที่ปรากฏในกระจกสวยงามสมวัย แลดูจิตใจกว้างขวางมีเมตตา ทั้งภายในและภายนอกเปล่งรัศมีแห่งมารดาของแผ่นดินที่น่าเกรงขามออกมา ทำให้หลิวฮองเฮาพอพระทัยเป็นอย่างมาก

 

 

“ดีมาก ข้าพอใจยิ่งนัก!”

 

 

ส่วนใหญ่เพราะเครื่องสำอางทำให้พระนางแลดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก ทำให้สภาพจิตใจหลิวฮองเฮาดีขึ้นมาก ในตอนที่นางกำลังไปดูซย่าโหวเสวี่ยนั่นเอง เสียงประกาศ ‘ฝ่าบาทเสด็จ’ ก็ดังแว่วมา วินาทีนั้นหลิวฮองเฮาชะงักงัน

 

 

นางแทบจะจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่า นานเท่าไหร่แล้วที่ฝ่าบาทมิได้เสด็จมาที่นี่!

 

 

รอจนกระทั่งซย่าโหวจวินอวี่เดินมาถึงข้างกาย ฮองเฮาถึงได้รู้สึกตัว นางเตรียมที่จะถวายความเคารพ ทว่ากลับถูกฮ่องเต้จับเอาไว้

 

 

“เว้นเถอะ! วันนี้ข้าจะไปส่งเสวี่ยเอ๋อร์พร้อมกับเจ้า…”

 

 

เห็นฮ่องเต้ทรงอ่อนโยนถึงเพียงนี้ หลิวฮองเฮารู้สึกราวกับตนกำลังฝันไป

 

 

จนกระทั่งมือนางถูกซย่าโหวจวินอวี่กุมเอาไว้ ทั้งสองพระองค์ก้าวขึ้นเกี้ยวพร้อมกัน นางจึงได้รู้สึกตัวว่า นี่คือฮ่องเต้จริงๆ ฮ่องเต้ทรงมารับนางด้วยพระองค์เอง!

 

 

“ฝ่าบาททรงไม่โกรธหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ”

 

 

หลิวฮองเฮาถามขึ้น ขณะที่มองซย่าโหวจวินอวี่อย่างระมัดระวัง

 

 

จริงๆ แล้วนางดีใจไม่น้อย

 

 

ฝ่าบาทเป็นผู้ที่รักใครแล้วรักจริง เห็นได้จากหลายปีที่ผ่านมาพระองค์ทรงมิเคยลืมเลือนมู่หรงเยียนเลย

 

 

หลายวันมานี้ หลิวฮองเฮาทุกข์ทรมานเพียงพอแล้วและสำนึกในความผิดของตนแล้ว ว่ามิควรท้าทายอำนาจฝ่าบาท ในใจก็เสียใจอย่างยิ่ง

 

 

เพียงแต่ว่าตัวถูกกักขังอยู่ จึงมิมีโอกาสมาสารภาพผิดต่อหน้าซย่าโหวจวินอวี่

 

 

วันนี้ ซย่าโหวเสวี่ยแต่งงานออกเรือน นับเป็นโอกาสอันดี

 

 

หลิวฮองเฮาเข้าใจถ่องแท้แล้วว่า ในวังหลวงแห่งนี้ สิ่งเดียวที่สตรีจะพึ่งพาได้ก็คือ ความรักของฮ่องเต้

 

 

ต่อให้ไม่ได้รับความรัก แต่ได้รับความเชื่อใจจากฮ่องเต้ ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ในวังหลวง

 

 

หลังจากลี่เฟยตายไป หลิวฮองเฮาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเกินไป จนลืมไปว่าเสืออย่างไรก็คือเสือฉันใด ฮ่องเต้ก็ยังทรงเป็นฮ่องเต้ฉันนั้น

 

 

ครั้งนี้นางได้รับบทเรียนเพียงพอแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าท้าทายอำนาจของฝ่าบาทอีกแล้ว!