ตอนที่ 546 ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ / ตอนที่ 547 จิตใจที่รัก

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 546 ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ

 

 

           สำหรับเรื่องเครื่องบินส่วนตัว นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอขึ้น นอกจากจะรู้สึกทึ่งในตอนแรกแล้ว เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเศษอะไรเท่าไหร่

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเห็นท่าทีของเธอแล้วก็ยิ้มบาง และพูดกับเธอว่า “อยากดื่มอะไรไหมครับ”  พูดพลางก้มตัวลงเปิดตู้เย็นขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้างออกแล้วหยิบแก้วขึ้นมาสองใบ จากนั้นก็หยิบไวน์ขึ้นมาอีกขวด

 

 

           เธอเห็นแบบนั้นแล้วก็ตกใจสะดุ้ง รีบโบกมือทันที “ไม่ได้ค่ะ ฉันดื่มเหล้าไม่เป็น”

 

 

           ก่อนหน้านี้เธอดื่มจนเมาแล้วก่อเรื่องไปเสียหลายเรื่อง ไม่กล้าที่จะดื่มมันอีกแล้ว

 

 

           ฉีหย่วนเหิงรู้สึกแปลกใจไม่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะลองพูดออกไป เช่นว่าไวน์ขวดนี้เกรดดีมากเลยนะ ระดับแอลกอฮอล์ไม่ได้สูงนะ แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธมาทั้งหมด

 

 

           ล้อเล่นน่า เธอดื่มได้เสียที่ไหนล่ะ ขืนดื่มไปละก็ต้องเกิดผลเสียที่ร้ายแรงตามมาแน่ๆ

 

 

           พูดไปพูดมาจนสุดท้ายฉีหย่วนเหิงก็ต้องยอมแพ้จึงวางขวดไวน์กลับไปที่เดิม จากนั้นก็หยิบเอาขวดเครื่องดื่มสีใสที่ไม่รู้ว่ามีชื่อว่าอะไรออกมาแทน จากนั้นก็รินให้ตัวเองและเฉียวซือมู่คนละแก้ว

 

 

           เธอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ “ที่จริงคุณจะดื่มไวน์ก็ได้นะคะ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก”

 

 

           เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วยื่นแก้วไปตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอ เธอเองก็ต้องยื่นมือเข้าไปรับมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับเงาคนที่เคลื่อนมาอยู่ข้างตัว ฉีหย่วนเหิงมานั่งข้างๆ เธอเสียแล้ว

 

 

           เธอขยับตัวอย่างไม่สบายใจ เคลื่อนตัวเองออกห่างเล็กน้อย

 

 

           พอมองไปอีกทีก็พบว่าเขาไม่ได้กำลังมองมาที่เธออยู่ แต่เหมือนว่ากำลังมองไปแก้วที่เธอกำลังถืออยู่ จากมุมมองของเธอนั้น เธอเห็นเพียงแค่เค้าโครงหน้าที่แบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน ขนตายาว ดูงดงามไม่น้อย แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เธอชะงักไป ไม่รู่เลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเธอนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ จนกระทั่งเมื่อเห็นเขาหันหน้ากลับมามองที่เธอ แล้วยิ้มขึ้นมา “คุณอยากทำอะไร อยากจะดื่มอะไรผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”

 

 

           ไอ้คำพูดที่ดูมีความหมายนัยยะแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เธอขยับตัวด้วยความไม่สบายใจอีกครั้ง และมองเขาตรงๆ ริมฝีปากขยับขึ้น “หย่วนเหิง ขอโทษนะคะ คือฉัน…”

 

 

           ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เขาก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “คุณลองดื่มดูสิ นี่เป็นเครื่องดื่มที่บริษัทวิลเลี่ยมให้มาเป็นของขวัญ ไม่มีแอลกอฮอล์ รสชาติก็ไม่เลวเลย”

 

 

           เวลาพูดก็ดูเป็นธรรมชาติ ทำเหมือนว่าไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าเมื่อกี้ทำเรื่องไม่มีมารยาทลงไปอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เธอมองไปที่เขานิ่งๆ คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็เลือกที่จะกลืนคำพูดของตัวเองลง

 

 

           ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธออยากจะพูดไม่ได้พูดออกไป แต่ว่าฉลาดแบบนั้นก็คงจะเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรใช่ไหม ยังไงซะมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว แล้วทำไมจะต้องไปพูดอะไรเพื่อทำให้เขารู้สึกเสียหน้าด้วยล่ะ เรื่องใหญ่แบบนี้ให้เขาคิดได้เองไปเลยดีกว่า

 

 

           เธอคิดอย่างแน่ชัดแล้วก็ยิ้มให้กับเขา ก่อนจะก้มลงจิบเครื่องดื่มสีฟ้าอ่อนที่ดูสวยงามนั่น แค่เข้าปากอึกแรก เธอก็ขมวดคิ้วในทันที

 

 

           เครื่องดื่มนี่ทำไมรสชาติมันถึงได้แปลกแบบนี้ล่ะ

 

 

           ตอนแรกมันก็มีรสอ่อนๆ นอกจากกลิ่นหอมบางๆ แล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย อีกนิดก็จะเหมือนว่ารินน้ำเปล่าให้เธอดื่มอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็มีรสหวานขึ้นมา มันหวานขึ้นเรื่อยๆ หวานจนไปถึงหัวใจ แต่จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปอีก กลายเป็นความเปรี้ยว พอลองละเลียดชิมดูแล้ว ก็เหมือนจะมีรสขมปนอยู่ด้วย

 

 

           ถ้าพูดว่ามีครบทุกรสชาติปะปนกันก็เหมาะสมกับเครื่องดื่มแก้วนี้ไม่น้อยเลย เธอลองมองดูเครื่องดื่มแก้วนั้นอย่างละเอียด ทำไปถึงดูไม่ออกเลยนะว่าเครื่องดื่มสีอ่อนใสแบบนี้จะมีรสชาติที่หลากหลายได้ขนาดนี้

 

 

           “แปลกมากหรือครับ” เสียงของฉีหย่วนเหิงค่อยๆ ดังขึ้นข้างๆ เธอ

 

 

       

 

 

 ตอนที่ 547 จิตใจที่รัก

 

 

           เธอขมวดคิ้ว รู้สึกว่าถึงแม้ว่ารสชาติมันจะแปลก แต่มันก็ไม่ได้ดื่มยากอะไร กลับกันมันเหมือนมีสิ่งแปลกๆ ที่ทำให้เธออยากจะลองดื่มมันอีกสักครั้ง จนกระทั่งเธอดื่มมันจนหมดแก้วแล้วถึงได้ถามเขาขึ้น “เครื่องดื่มชนิดนี้นี่พิเศษมากเลยนะคะเนี่ย”

 

 

           “แน่นอนครับ ชื่อของมันคือจิตใจที่รัก คุณคิดว่ารสชาติของมันดูเหมาะสมกับชื่อไหม”

 

 

           “จิตใจที่รักงั้นเหรอ” เธอไม่คิดเลยว่าเครื่องดื่มแบบนี้จะมีชื่อที่แสนโรแมนติกขนาดนั้น เธอพึมพำชื่อๆ นั้นไปมา

 

 

           แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่ามันน่าดึงดูด จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าสู่ความรักที่หวานฉ่ำ ระหว่างนั้นก็ปะปนไปด้วยความเปรี้ยวที่เปรียบเสมือนการทะเลาะแง่งอนของหนุ่มสาว แถมมีรสขมที่เป็นเหมือนตอนเจ็บปวดเมื่อได้เผชิญกับความเป็นจริงที่เลี่ยงไม่ได้ พอพูดออกมาแบบนั้นแล้ว รสชาติและชื่อของมันก็ดูเหมาะสมกันที่สุดแล้ว

 

 

           เธอยิ้มออกมา แล้ววางแก้วกลับลงไปบนโต๊ะ “เป็นชื่อที่ดีนะคะ เหมาะสมมากๆ เลย”

 

 

           ดวงตาของฉีหย่วนเหิงไหววูบเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนจะดื่มเครื่องดื่มที่เหลืออยู่นั่นจนหมดรวดเดียว จากนั้นก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็แน่นอนว่า พื้นฐานของเครื่องดื่มนี่ก็คือสิ่งที่คนรักชื่นชอบที่สุดสินะครับ”

 

 

           พื้นฐาน?

 

 

           เธอมองไปที่คนตรงข้ามอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ เขาถูกครอบครัวส่งไปอยู่ในประเทศที่อยู่ไกลออกไปสินะ ไปอยู่ที่นั่นตั้งนานกว่าจะกลับมา พอคิดๆ ดูแล้ว ช่วงเวลาเหล่านั้นเขาคงจะลำบากมากเลยสินะ?

 

 

           แต่พอดูจากลักษณะท่าทางของเขาแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างออกไปเลย อย่างมากก็แค่เขาดูโตเป็นหนุ่มมากกว่าที่ผ่านมาเท่านั้นเอง มีบางครั้งที่แม้แต่ความคิดตัวเองเขาก็ยังมองไม่ออก เหมือนอย่างในตอนนี้

 

 

           แต่จู่ๆ เขาก็ยิ้มให้เธอ “เป็นอะไรไปครับ”

 

 

           รอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยเสน่ห์ของชายหนุ่มทำเอาเธอต้องเอ่ยขอโทษด้วยใบหน้าขึ้นสี ก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่น ใจมันก็รีบคิดแล้วว่าจะหันไปตอบกลับอย่างไรดี สุดท้ายก็พูดออกไปว่า “ฉันรู้สึกว่าคุณดูไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย”

 

 

           “ทำไมถึงไม่เหมือนเดิมละครับ”

 

 

           “ฉันเองก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกอยู่เสมอว่าคุณไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ความจริงนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกไป เธอจึงทำได้แค่พูดอะไรให้ดูคลุมเครือเท่านั้น

 

 

           ตอนนี้แรงกดดันที่เขามีต่อเธอมันเริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ทว่าบางทีสายตาของเขาก็เหมือนอยากจะบอกอะไรกับเธอ การที่ทำเหมือนไม่ยอมปล่อยเธอไปสักทีมันชักจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาเสียแล้ว

 

 

           พูดไปแล้วก็ดูแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่ฉีหย่วนเหิงเองก็ดีกับเธอมาก ดีมากจนเหมือนว่าบางทีเส้นที่ขีดเอาไว้มันเริ่มที่จะเกินคำว่าแค่เพื่อนธรรมดา แต่ทว่าเธอนั้นไม่ได้รู้สึกกับเขาในทางนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

           บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเราไม่ได้มีโชคชะตาต่อกันงั้นหรือ เธอเองก็ไม่มั่นใจต่อความคิดนั้นสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คือเธอไม่มีทางยอมรับได้เพราะเธอยังไม่ลืมจิ้นหยวนนั่นเอง

 

 

           ฉีหย่วนเหิงที่เห็นเธอแบบนั้นแล้ว แววตาของเขาก็ทอแสงแห่งความผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็สามารถเก็บมันกลับไปได้อย่างรวดเร็ว เขาลุกขึ้นแล้วพูดกับเธอ “พวกเราจะต้องใช้เวลาหกชั่วโมงในการไปถึงที่หมาย ดังนั้นถ้าคุณเหนื่อยก็ไปพักผ่อนที่ห้องได้นะครับ ข้างในนั้นได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้าไปได้ตลอดเวลาเลย”

 

 

           พูดพลางพยักหน้าให้กับเธอ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป

 

 

           ในตอนนั้นเอง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่จึงเรียกเขาเอาไว้ด้วยความลังเล “คุณ คุณโกรธเหรอคะ”

 

 

           เขาหันกลับมายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น “แน่นอนว่าไม่ครับ ผมแค่นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำเท่านั้นเอง ถ้าคุณเบื่อละก็ ผมจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

 

 

           เธอชะงักไปก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะไปพักผ่อนสักหน่อย”

 

 

           เขาพยักหน้า “โอเคครับ ผมจะให้คนพอคุณไป ถ้าถึงแล้วผมจะไปเรียกคุณเอง”

 

 

           “ค่ะ”

 

 

           เธอกัดริมฝีปากแล้วตอบเขากลับ สายตาก็มองเขาจนเขาออกจากห้องไป จากนั้นคนที่เข้ามาในห้องก็คือแอร์โฮสเตสที่มีรอยยิ้มหวานคนหนึ่ง “สวัสดีค่ะ เชิญคุณตามดิฉันมาได้เลยนะคะ”