EG บทที่ 656 ขายบัตรเพื่อได้เงิน 4

 

เรื่องถัดไปที่ทุกคนเริ่มพูดคุยกันคือทิศทางการตลาดของบัตรทั้งสอง โฆษณาถือเป็นสิ่งจำเป็นแต่พวกเขาควรจะใช้สื่อประเภทใดและการโฆษณาประเภทไหน? ที่จะดูเหมาะสมกว่า

“ผมคิดว่าเราใช้โฆษณาผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของเมืองต่างๆก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ภายใน 1 เดือนประชาชนทั่วไปในเมืองต่างๆจะรู้เกี่ยวกับบัตรสมาชิกและบัตรช้อปปิ้งของเรา อีกอย่างนะครับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมีราคาที่ถูกกว่าด้วย หากเราโฆษณาผ่านช่องทางนี้ก่อนที่เราจะเปิดตัวบัตรของเราอย่างเป็นทางการ มันน่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านะครับ”

ฟู่เกิงเฉิงเสนอความคิดเห็น ในขณะที่หลี่เซ่อเค่ยกลับมีความเห็นที่ต่างออกไป

“ถึงแม้จะโฆษณาผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมันก็ยังเสียเงินอยู่ดีนะครับ เราแค่ต้องการให้ทุกๆคนทราบถึงกิจกรรมของเราเท่านั้น ผมว่าการแจกใบปลิวจะเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า เราอาจจะเสียเงินเพื่อจ้างคนให้แจกใบปลิวเพิ่มขึ้นแต่เราสามารถประหยัดค่าโฆษณาได้มากกว่านะครับ”

“เราจะไปอาศัยแค่ใบปลิวอย่างเดียวได้อย่างไรล่ะครับ? เราขายบัตร SVIP และบัตรช้อปปิ้งราคาสูงด้วยนะครับ? ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของเราก็คือลูกค้ากระเป๋าหนักๆเท่านั้น! คุณเคยเห็นลูกค้ารายใหญ่หยิบใบปลิวจากข้างถนนมาอ่านงั้นหรือ? พวกเขาต่างมีรถใช้กันทั้งนั้นคงไม่มีใครมาเดินเล่นข้างทางให้เสียเวลาหรอกครับ”

ฟู่เกิงเฉิงเอ่ยโต้ออกไป

“เราสามารถวางใบปลิวไว้หน้ารถของพวกเขาได้นี่ครับ ผมเห็นรถยนต์หลายๆคันต่างมีใบปลิวและแผ่นพับต่างๆเหน็บไว้ที่หน้ารถกันทั้งนั้น”

หลี่เซ่อเค่ยเอ่ยเถียงไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“ย๊า!..ถ้าเป็นคุณเองจะอ่านมันหรือเปล่า? ใบปลิวพวกนั้นคงถูกทิ้งลงพื้นหรือไม่ก็โยนทิ้งถังขยะไปแล้วล่ะมั้ง? มันคงไม่มีใครอุตริเอามาเหน็บไว้บนรถของพวกเขาหรอกนะ! ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการประชาสัมพันธ์ด้านนอกซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา พวกเราอาจใช้ตุ๊กตาล้มลุกหรือมาสคอตขนาดใหญ่แล้วก็ใช้ลำโพงเครื่องเสียงประชาสัมพันธ์ มันสามารถดึงดูดใจลูกค้าได้มากขึ้นแน่ๆ ส่วนด้านในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ประกาศเสียงตามสายและใช้โปสเตอร์ติดไว้ในจุดเด่นๆเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นมัน”

วิธีของฟู่เกิงเหว่ยถือเป็นวิธีที่คลาสสิคที่สุด นี่คือสิ่งที่ตระกูลฟู่ทำในฮ่องกงและมันค่อนข้างได้ผลดีทีเดียวแต่ฟู่เกิงเหว่ยอาจลืมคิดไปว่าที่ตระกูลฟู่เลือกใช้วิธีนี้เพราะการฉายโฆษณาในสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีอัตราการแข่งขันที่สูงมาก

แต่ในประเทศจีนค่าธรรมเนียมการฉายโฆษณาในสถานีโทรทัศน์ไม่ได้สูงมากนักและไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังไม่มีคู่แข่งให้ต้องกังวล ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มเปิดตัวได้ไม่นานและฐานลูกค้ายังไม่แน่นมากนัก

นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่อยากทำการตลาดโดยเน้นไปที่การฉายโฆษณาผ่านสถานีโทรทัศน์มากกว่าแต่มันก็ดูไม่คุ้มค่านักหากจะเลือกใช้วิธีนี้ เฝิงหยู่คิดว่าเขาจะต้องโฆษณาผ่านทางวิทยุและหนังสือพิมพ์น่าจะเป็นสิ่งที่คุ้มทุนมากกว่า

“ผมคิดว่าโฆษณาผ่านทางวิทยุและหนังสือพิมพ์จะดูเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะครับ ข้อแรกก็คือคนที่รับชมทีวีช่องท้องถิ่นไม่ได้สูงนัก นักธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาดูช่องพวกนั้นหรอกครับ ส่วนใหญ่พวกเขาจะอ่านหนังสือพิมพ์ในที่ทำงานหรือไม่ก็ฟังวิทยุเวลาขับรถไปทำงาน หลังเลิกงานพวกเขาก็มักจะออกไปพักผ่อนหรือพบปะลูกค้ากันทั้งนั้น มีเพียงไม่กี่คนหรอกครับที่จะดูทีวี แม้ว่าพวกเขาจะดูทีวีกันจริงๆก็เลือกที่จะดูช่อง CCTV เท่านั้น”

“ปัจจุบันนี้หนังสือพิมพ์ถือเป็นแหล่งข้อมูลหลักนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนงาน นักธุรกิจ ข้าราชการหรือคนธรรมดาทั่วๆไปก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์กันทั้งนั้น ดูอย่างบริษัทของเราสิครับมีแต่หนังสือพิมพ์วางทั่วไปหมด”

“อาเฝิง!..อย่าลืมนึกถึงคนที่ไม่รู้หนังสือสิ? ยังมีคนอีกเยอะทีเดียวที่อ่านหนังสือไม่ออก”

ฟู่เกิงเฉิงเอ่ยเตือนเฝิงหยู่ขึ้น เขาอาศัยอยู่ในประเทศจีนมานานและมีโอกาสได้พบเจอคนที่ยังไม่รู้หนังสือจำนวนมาก บางคนเป็นถึงหัวหน้างานก็มี หนังสือพิมพ์อาจเป็นแหล่งข้อมูลหลักแต่ก็ยังมีคนที่ไม่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่เยอะเช่นกัน

“ผมรู้ครับว่ามีคนที่อ่านหนังสือไม่ออกเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่ก็พากันอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทกันนะครับ หากเป็นในเมืองก็ไม่ได้มีมากนัก! เฮียเองก็อาศัยอยู่ที่เมืองจีนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เฮียรู้จำนวนแน่ชัดของคนที่อ่านหนังสือไม่ออกด้วยหรือครับ?”

“เมืองต่างๆมีการเปิดสอนหลักสูตรตอนกลางคืนสำหรับผู้ใหญ่มานานหลายปีแล้วนะครับ ผมยอมรับว่าในเมืองเองก็ยังมีคนที่อ่านหนังสือไม่ออกอยู่เช่นกันแต่มันก็ไม่ใช่จำนวนที่มากขนาดนั้นหรอกครับ เราสามารถปรับโฆษณาของเราเพื่อป้องกันเรื่องนี้ได้เช่นกัน”

“หมายความว่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ก็จะแตกต่างออกไปใช่มั้ยครับ?”

หลี่เซ่อเค่ยขมวดคิ้วสงสัย

“ใช่ครับ!ยกตัวอย่างเช่นเราสามารถทำโฆษณาของเราให้ดูสนุกขึ้นได้ ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้เคยอ่านการ์ตูนกันใช่มั้ยครับ?”

เฝิงหยู่ถามขึ้นมา

“ใช่!”

ฟู่เกิงเหว่ยยกมือขึ้นมาอย่างตื่นเต้นแต่เมื่อเขากวาดสายตาไปมองรอบๆก็เห็นว่าทุกสายตาจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

“ผมเคยอ่านการ์ตูนจริงๆนะ เรื่องที่ผมชอบที่สุดคือเรื่องสำนักพยัคฆ์มังกร <ปะฉะดะคนเหนือยุทธ/Dragon Tiger Gate>”

“ผู้จัดการเฝิง..คุณคิดเหรอว่าคนทำงานจะมีเวลามาอ่านการ์ตูนพวกนี้? มันมีไว้สำหรับเด็กๆเท่านั้นล่ะ”

หลี่เซ่อเค่ยพูดขึ้นและปรายตามองฟู่เกิงเหว่ยทันที

แน่นอนว่าฟู่เกิงเหว่ยรู้สึกโมโหและจ้องกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ คนฮ่องกงที่ไม่เคยอ่านสำนักพยัคฆ์มังกร <ปะฉะดะคนเหนือยุทธ/Dragon Tiger Gate> มาก่อน ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าคนฮ่องกงอีกหรือไง!

“เอ่อ..ผมไม่ได้หมายถึงการ์ตูนต่อสู้พวกนั้นหรอกครับ พวกคุณเคยเห็นการ์ตูน 4 ช่องกันหรือเปล่าครับ?  การใช้การ์ตูน 4 ช่องก็เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เรียบง่ายและตลกขบขัน ผมขอยกตัวอย่างนะครับ! ช่องแรกเราอาจแสดงให้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังมองหาที่จอดรถริมถนน ช่องที่2ก็แสดงให้เห็นว่ามีชายอีกคนขับรถเข้ามาที่จอดรถของเราและชายคนแรกก็หัวเราเยาะใส่เพราะชายคนที่สองต้องเสียค่าที่จอดรถ”

“ ช่องที่ 3 จะแสดงให้เห็นว่าชายที่นำรถเข้ามาจอดในที่จอดรถของเราหยิบบัตรSVIPออกมาและช่องสุดท้ายจะแสดงให้เห็นว่าชายที่เอารถมาจอดได้จอดรถฟรีเพราะเขามีบัตร SVIP นั่นเอง!”

ฟูเกิงเฉิงและคนอื่นๆที่ได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูดต่างขมวดคิ้วสงสัย สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของบัตรสมาชิกและดูน่าสนใจมากกว่า เมื่อคนส่วนใหญ่ได้อ่านหนังสือพิมพ์พวกเขาก็จะได้เห็นภาพประกอบไปด้วยแต่พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลดีหรือไม่?

“ผมแค่ยกตัวอย่างนะครับ เรายังต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญให้ทำอีกทีแต่ผมรับประกันว่าการใช้โฆษณาประเภทนี้จะสามารถดึงดูดใจผู้คนได้อย่างง่ายดายและพวกขาจะจดจำมันได้อย่างดี ข้อดีอีกอย่างของการโฆษณาในหนังสือพิมพ์นะครับคือเราสามารถเลือกซื้อช่วงโฆษณาเป็นวันหรือสัปดาห์ได้ ส่วนโฆษณาทางช่องทีวีต่างๆจะบังคับให้เราซื้อช่วงโฆษณาอย่างต่ำก็หนึ่งเดือนเลยนะครับ ผมเองก็พอจะรู้จักบริษัทที่รับออกแบบโฆษณาที่เราต้องการอีกด้วย มันน่าจะง่ายขึ้นไปอีก”

“เป็นอย่างที่ผู้จัดการเฝิงพูดจริงๆครับ สถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้เราฉายโฆษณาเพียงไม่กี่วันเว้นแต่เราจะจ่ายในอัตราที่สูง แต่มันจะทำให้ค่าใช้จ่ายของเราเพิ่มมากขึ้น”

รองผู้จัดการซุปเปอร์มาร์เก็ตเอ่ยสนับสนุนความเห็นของเฝิงหยู่

“ส่วนโฆษณาอีกช่องทางหนึ่งก็คือวิทยุ เราควรจะออกอากาศในช่วงเช้าและเย็นเลือกเอาช่วงเวลาเร่งด่วนแล้วกันนะครับ กลุ่มเป้าหมายของเราคือผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพราะนิสัยคนที่สัญจรทางรถมักจะชอบฟังวิทยุกัน”

ตอนนี้อุปกรณ์เสริมหลักที่ถูกติดตั้งในรถยนต์แต่ละคันก็คือเครื่องเล่นวิทยุ รถยนต์คันใดที่มีการติดตั้งเครื่องเล่นวีซีดีจะถือว่าเป็นรถยนต์ที่หรูหราเป็นอย่างมาก

ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ ผู้คนจำนวนมากยังนิยมฟังวิทยุกันเช่นเดิมแม้ว่ามันจะได้รับพัฒนาเป็นเครื่องเล่นดีวีดีแล้วก็ตาม นั่นคือสาเหตุที่การโฆษณาทางวิทยุเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“สำหรับโฆษณาทางวิทยุ เราควรหาคนที่มีเสียงที่น่าจดจำหากใครได้ยินก็สามารถจดจำมันได้ทันที ผมขอแนะนำจ้าวซ่งเซียง(Zhao Zhongxiang)แล้วกันครับ ผมเคยร่วมงานกับเขามาก่อนและค่าตัวเขาก็ไม่ได้แพงมากนัก”

“แล้วโฆษณาผ่านวิทยุของเราจะใช้เวลานานเท่าไรและต้องทำอย่างไรบ้าง?”

ฟู่เกิงเฉิงเอ่ยถามเฝิงหยู่

“หากเป็นโฆษณาผ่านวิทยุเราควรใช้เวลาที่นานมากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้โฆษณาขายบัตรของเราแล้วแต่เราก็สามารถใช้ช่องทางนี้นำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นๆของเราได้อีก! เอาล่ะครับ! เรามาเริ่มขายบัตรของเราดีกว่า! เริ่มจากวันครูที่จะมาถึงนี่เลยแล้วกัน!”