EG บทที่ 655 ขายบัตรเพื่อได้เงิน 3

 

บัตรช้อปปิ้งคือของขวัญอย่างนั้นรึ?

หลังจากได้ยินประโยคนี้จากเฝิงหยู่ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสับสนอีกครั้ง บัตรช้อปปิ้งพวกนี้ก็เหมือนบัตรกำนัลสำหรับการช้อปปิ้ง แล้วบัตรพวกนี้จะเหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญได้อย่างไร? การจะให้บัตรเหล่านี้เป็นของขวัญจะไปสู้มอบของขวัญเป็นเงินสดได้อย่างไร?

ฟู่เกิงเฉิงมาพักในประเทศจีนได้ระยะหนึ่งแล้ว เขารู้ว่าถึงแม้คนจีนจะไม่ได้มีวัฒนธรรมในการแลกเปลี่ยนของขวัญแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายๆคนก็ชอบรับของขวัญเช่นกัน ของขวัญที่พวกเขาชอบมากที่สุดก็คือเงินสด

ดวงตาของฟู่เกิงเฉิงพลันสว่างขึ้น บัตรช้อปปิ้ง = เงินสด!

ถูกต้องแล้ว! บัตรช้อปปิ้งสามารถใช้ซื้อสิ่งของได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ทีวี เครื่องเล่นวีซีดีฯลฯ มันเกือบจะใช้แทนเป็นเงินสดได้เลย!

เฝิงหยู่เห็นท่าทางของฟู่เกิงเฉิงจึงยิ้มออกมา

“คุณเข้าใจแล้วสินะ?”

“ใช่! แล้วบัตรช้อปปิ้งของเราจะพุ่งเป้าไปยังท่านผู้นำระดับสูงใช่มั้ย?”

เฝิงหยู่พยักหน้ารับ

“ใช้แล้วครับ แต่มันไม่ได้จำกัดเฉพาะท่านผู้นำระดับสูงเท่านั้น มันยังรวมไปถึงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสที่เราเคารพหรือแม้แต่คนที่เคยมีบุญคุณกับเรามาก่อน ในช่วงเทศกาลต่างๆการเลือกของขวัญนับเป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆคนปวดหัว หากคุณซื้อของขวัญผิดก็เท่ากับคุณเสียเงินทิ้งฟรีๆและไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆกลับมา แต่ถ้าคุณมอบบัตรช้อปปิ้งของเราให้เป็นของขวัญอีกฝ่ายก็จะสามารถนำไปซื้อสิ่งที่เขาต้องการได้”

“นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดวันหมดอายุบนบัตรช้อปปิ้งได้ยกตัวอย่างเช่น 3 เดือน หากคุณไม่ใช้บัตรนี้ภายใน 3 เดือนเครดิตในบัตรจะหายไปทันที ด้วยวิธีนี้ผู้ได้รับบัตรจะรีบนำบัตรช้อปปิ้งออกมาใช้จ่ายทันที อย่าคิดว่านี่จะเป็นการลดกำลังซื้อของพวกเขานะครับ คนส่วนใหญ่จะไม่ใช้บัตรช้อปปิ้งซื้อของชำเล็กๆน้อยๆ พวกเขาจะใช้มันซื้อสินค้าขนาดใหญ่หรือซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวันแทนเช่นม้วนกระดาษชำระ แปรงซักผ้า ยาสีฟัน แปรงสีฟันฯลฯ หากพวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินสดพวกเขาก็จะเก็บสินค้าเหล่านี้ไว้ก่อนและค่อยมาซื้อคราวหลังเมื่อสิ่งพวกนี้ชำรุดหรือหมดอายุการใช้งาน”

“ที่สำคัญที่สุดเมื่อลูกค้าใช้บัตรนี้เพื่อซื้อของพวกเขาจะพยายามใช้เครดิตจนหมดวงเงินเพราะพวกเขารู้ว่าหากบัตรหมดอายุตามที่ระบุไว้จะไม่สามารถใช้ซื้อของได้อีก ดังนั้นพวกเขาจะซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆเพิ่มเติมหรือเลือกที่ตรงกับจำนวนเงินที่เหลือในบัตรซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะซื้อของมากกว่ามูลค่าที่มีอยู่ในบัตร นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะใช้บัตรเท่านั้นแต่ยังใช้เงินสดบางส่วนซื้อของอีกด้วย”

ผู้บริหารของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างตกตะลึงกับเฝิงหยู่ ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ตัวแทนตระกูลฟู่รู้สึกอับอายยิ่งนัก พวกเขาคร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตมานานหลายปีแต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงกลยุทธ์นี้เลยด้วยซ้ำ เฝิงหยู่ที่เปรียบเหมือนเด็กตั้งไข่ยังสามารถคิดกลยุทธ์นี้ขึ้นมาได้ พวกเขาเสียเวลามาตลอดทั้งปีในอุตสาหกรรมนี้สินะ?!

“ผู้จัดการเฝิง เราควรนำเสนอบัตรช้อปปิ้งอย่างไรดี? มันควรมีราคาเท่าไหร่? และมีข้อเสนออะไรบ้าง?”

“500, 1,000, 3,000, 5,000 และ 10,000 หยวน บัตรช้อปปิ้งของเราจะมีราคาต่างกันอยู่ทั้งหมด 5 เรท โดยเรทมูลค่า 500 หยวนจะเป็นแบบที่คุณพูดถึงครับ บริษัทต่างๆจะเลือกซื้อบัตรนี้เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพนักงานของพวกเขา แน่นอนว่าคนทั่วไปก็สามารถซื้อให้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ได้เช่นกัน คนส่วนใหญ่มักจะมอบเงินสดเป็นของขวัญให้กับพ่อแม่ซึ่งพ่อแม่ของพวกเขาก็มักจะไม่ใช้เงินก้อนนี้ซื้ออะไรให้กับตนเอง แต่ถ้าพวกเขามอบบัตรช้อปปิ้งให้เป็นของขวัญและพ่อแม่รู้ว่าบัตรเหล่านี้จะหมดอายุภายใน 3 เดือนและเงินในบัตรจะหายไปพวกเขาก็จะถูกบังคับกลายๆให้ต้องรีบใช้บัตรนั่นเอง บัตรมูลค่า 1.000 หยวนก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่จะมอบของขวัญให้กับหัวหน้าของพวกเขาหรือต้องการได้รับความโปรดปรานบางอย่าง บัตร3,000, 5,000 และ 10,000 หยวนโดยส่วนใหญ่ก็จะซื้อให้กับท่านผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ข้อดีอีกอย่างของบัตรช้อปปิ้งคือไม่มีประวัติบันทึกว่าใครเป็นคนซื้อบัตรนี้ไปและไม่มีรหัสหรือชื่อที่ระบุไว้ในบัตร เมื่อบัตรช้อปปิ้งนี้ตกอยู่ในมือของคุณก็สามารถใช้งานได้เลย”

“นี่ถือเป็นประโยชน์ของบัตรงั้นรึ? แล้วถ้าบัตรหายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”

ฟู่เกิงเฉิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นั่นก็ถือว่าเป็นความสูญเสียแบบช่วยไม่ได้หากพวกเขาวางบัตรไม่เป็นที่หรือทำหล่นหายเสียเอง มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา ในประเทศจีนมีหน่วยงานที่คอยควบคุมการกระทำในเรื่องนี้เช่นกัน มันเหมือนกับคณะกรรมการอิสระต่อต้านการทุจริตของฮ่องกงนั่นล่ะครับ พวกเขาจะทำการตรวจสอบการทำงานที่มีแนวโน้มสุ่มเสี่ยงของธนาคารและการเงินขององค์กรรัฐ เงินในบัตรช้อปปิ้งนี้จะไม่สามารถฝากเข้าธนาคารได้ แม้ว่าพวกขโมยจะถูกจับกุมด้วยบัตรช้อปปิ้งพวกนี้ได้ พวกเขาก็อาจจะบอกว่าจับรางวัลชนะมาได้หรือเห็นมันตกอยู่ข้างทางก็เลยเก็บมันขึ้นมา”

การทุจริตเป็นปัญหาเสมอ ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่การคอร์รัปชั่นยังคงมีอยู่ให้เกลื่อนในประเทศจีน นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกๆประเทศ เฝิงหยู่แค่ต้องการเปลี่ยนวิธีปฏิบัติจากเงินสดเป็นบัตรช้อปปิ้งเท่านั้น

“เฝิงหยู่ คุณคิดว่าเราจะขายบัตรช้อปปิ้งได้เท่าไหร่ล่ะ?”

หลี่เซ่อเค่ยเอ่ยถามขึ้น

“ยอดขายจะสูงกว่าบัตรสมาชิกแน่นอนครับ!”

ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่เขาเคยมีเพื่อนทำงานอยู่ที่คาร์ฟูร์ ใช่ช่วงเทศกาลต่างๆคาร์ฟูร์จะเสนอขายบัตรช้อปปิ้งเหล่านี้และแต่ละสาขาสามารถจำหน่ายบัตรช้อปปิ้งได้เกือบล้านใบ! ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์และช่วงเทศกาลตรุษจีนบางสาขาสามารถขายบัตรช้อปปิ้งได้มากกว่า 1 พันล้านหยวน ต่อมารัฐบาลได้ออกข้อจำกัดเกี่ยวกับบัตรช้อปปิ้งเพื่อจำกัดมูลค่าของบัตรไม่ให้สูงไปแต่ทุกๆเดือนก็ยังสามารถขายบัตรช้อปปิ้งได้มูลค่าหลายร้อยล้านใบอยู่ดี

เศรษฐกิจในยุคนี้ไม่ได้ดีเท่า 10-20ปีข้างหน้าแต่เฝิงหยู่รู้ว่าถ้าเขาสามารถทำการตลาดดีๆได้ทุกสาขาจะสามารถทำเงินจากการขายบัตรช้อปปิ้งได้อย่างน้อย 20 ล้านหยวน บัตร 5,000 และ 10,000 หยวนก็จะขายดีเช่นกัน

20 สาขาก็น่าจะทำเงินได้ราวๆ 500 ล้านหยวนจากบัตรช้อปปิ้งเหล่านี้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันครูหลังจากนั้นก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ นี่คือฤดูกาลจับจ่ายซื้อบัตรช้อปปิ้งดีๆนี่เอง!

หลังจากนี้อีก 6 เดือนก็จะถึงวันขึ้นปีใหม่และวันตรุษจีน รายได้จากการขายบัตรช้อปปิ้งจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

แน่นอนว่าบัตรช้อปปิ้งเหล่านี้สามารถใช้ได้ในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นซึ่งมันจะเป็นการกระตุ้นยอดขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของพวกเขาได้และพวกเขาจะสามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือมันสามารถสร้างความน่าเชื่อในการทำธุรกิจได้ดีและพวกเขาสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อกู้เงินจากธนาคารได้

ด้วยเงินสินเชื่อและผลกำไรจากซุปเปอร์มาร์เก็ต มันจะไม่เป็นปัญหาในการระดมเงินทุกกว่าพันล้านหยวนในอีก 6 เดือนข้างหน้า นั่นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถขยายสาขาได้อีก 20 สาขา

วิธีนี้พวกเขาจะสามารถตั้งสาขาได้เกือบทุกมณฑล นอกเหนือจากมณฑลที่ยังไม่พัฒนามณฑลที่เหลือจะมีไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 2-3 สาขา

ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะสามารถขยายสาขาในทำเลที่ดีที่สุดในทุกมณฑล พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับคาร์ฟูร์หรือวอลมาร์ตที่จะมาแย่งทำเลดีๆได้ก่อนพวกเขา

พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กที่พยายามเลียนแบบพวกเขาแทบทุกอย่าง ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเป็นแบรนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ตอันดับหนึ่งของประเทศจีน พวกเขาอาจเป็นหนึ่งในแบรนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของโลกในอนาคต!

อย่างไรก็ตามไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตยังต้องเฝ้าระวังพวกบริษัทที่มักตามเทรนด์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ทุกคนรู้ว่าวอลมาร์ต เป็นบริษัทที่ได้อันดับหนึ่งในนิตยสารฟอร์จูน[1]ติดต่อกันมาแล้วหลายปีแต่ในอนาคตบริษัทที่ติดอันดับ 500ในนิตยสารฟอร์จูนนั้น บางรายก็เป็นอุตสาหกรรมค้าปลีกและรูปแบบการดำเนินธุรกิจก็เหมือนกับวอลมาร์ตไม่มีผิด

แม้แต่บริษัทที่แข็งแกร่งเช่นวอลมาร์ตยังต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งเช่นกัน แถมคู่แข่งบางรายยังทำได้ดีกว่าวอลมาร์ตในแง่ของผลตอบแทนและผลกำไรประจำปีของพวกเขายังสูงกว่าวอลมาร์ตอีกด้วย

การเป็นคนแรกที่คิดริเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นเจ้าของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งที่ตั้งขึ้นในประเทศจีนและพวกเขาทั้งหมดก็ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญ

กลยุทธ์ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตคือการยึดทำเลที่สำคัญทั้งหมดเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทที่ชอบตามเทรนด์เหล่านั้นทำกำไรจากสิ่งนี้ได้ การทำเช่นนี้จะเป็นการหยุดการเติบโตของพวกเขานั่นเอง!

[1 ]ฟอร์จูนเป็นนิตยสารด้านธุรกิจรายใหญ่ของโลก จัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 500 บริษัท โดยวัดจากรายได้เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ในด้านพลังงานและด้านการเงินและบริษัทสัญชาติอเมริกันติดอันดับมากที่สุด ตามมาด้วยบริษัทของจีน