สิ่งที่ตนสามารถตอบได้ สิ่งที่ต้องตอบออกไปมีเพียงคำอนุญาตที่นางคาดหวังไว้เท่านั้น แม้จะรู้อย่างนั้น แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยออกไป เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกมีดปลายทื่อจ้วงแทงลงที่หัวใจอย่างแรง
“ถ้าทรงกล้าถามคำถามตรงๆ เช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าชายาได้ตัดสินใจไปแล้ว เช่นนั้นแม้ว่าเราจะพูดสิ่งใด เห็นจะไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจของชายากระมัง”
“…ทรงหมายความว่า”
“ไม่รู้ว่าเราได้บอกชายาไปกี่ครั้งแล้ว ว่าทรงสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ปรารถนา เว้นแต่การกระทำที่จะเป็นผลเสียต่อเราในการขึ้นครองบัลลังก์ เราไม่สนใจว่าชายาจะเลือกอะไร หรือจะทำสิ่งใด”
บีพาอันรีบพูดมันออกไป แล้วหันหลังเดินกลับไปในทันที เขาไม่อาจทนได้ ภายในมันปั่นป่วนเหลือเกิน
***
สวรรค์นั้นช่างไร้ความปราณี จึงมักจะทำให้บีพาอัน กโยซึล และรูแฮต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกันครั้งแล้วครั้งเล่า บีพาอันนั้นตั้งใจจะไม่ใส่ใจเรื่องของกโยซึลกับรูแฮ แล้วจดจ่ออยู่กับหน้าที่ของตนเพียงเท่านั้น ทว่าหน้าที่ของฮวางแทจานั้นก็มักจะมีเรื่องให้ต้องพบเจอกับทั้งคู่อยู่เสมอ
ที่พระราชวังเหนือมีเหตุการณ์วางยาพิษเกิดขึ้น รูแฮนั้นถูกบ่งชี้ว่าเป็นตัวการของเรื่องนี้ ที่ซึ่งไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ และบีพาอันที่ดำรงตำแหน่งฮวางแทจาก็ได้รับมอบหมายให้ทำการไต่สวนคดีนี้ การไต่สวนนั้นเป็นการโต้เถียงกันที่น่าเหน็ดเหนื่อยนัก ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งผู้ต้องสงสัย ทำให้บีพาอันนั้นเหนื่อยใจยิ่ง บีพาอันได้กลับตำหนักดงชอนก็ตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีแดงส้ม เขาคิดว่าจะได้พักผ่อนเสียที แต่ไม่คิดว่าจะมีแขกรอพบอยู่
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาฮวางแทจา กโยซึลทรงขอเข้าเฝ้า และทรงรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”
กโยซึลมาหาและเฝ้ารอตั้งแต่บีพาอันยังไม่กลับมา นี่คือปัญหาที่ยากกว่าการไต่สวนอันยาวนั้นที่เพิ่งจบไปเมื่อครู่เสียอีก
“ฝ่าพระบาทเพคะ”
กโยซึลเอ่ยเรียกบีพาอันด้วยน้ำเสียงราวกับจะล้มลงเสียตอนนี้ก็มิปาน บีพาอันหาได้เอ่ยอะไรออกไป เขาเอาแต่จ้องมองกโยซึลด้วยสายตาเย็นชา กโยซึลเปิดริมฝีปากเล็กและแห้งผากของนางออก
“ฮวางเซจาทรงอยู่กับหม่อมฉันในตอนนั้นเพคะ”
นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าเหน็ดเหนื่อยใจเสียยิ่งกว่าการไต่สวนเมื่อครู่เสียอีก บีพาอันที่เดิมทีก็อ่อนล้าอยู่แล้ว รู้สึกว่าตนกำลังถูกตีซ้ำๆ จนกว่าจะย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งคู่คงจะอยู่ด้วยกัน พวกเจ้าคงจะอยู่ด้วยกันในทุกช่วงเวลาที่ไม่มีข้า ไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว มันน่ารำคาญ และเหนื่อยล้าเหลือเกิน
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือที่ช้า และเน้นน้ำหนักมือดึงขึ้น และในที่สุดบีพาอันก็เอ่ยปากขึ้น
“ช่างน่าซาบซึ้งใจ”
นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถพูดออกไปได้ มีเพียงคำยกย่องต่อความรักของคนทั้งคู่ ทุกอย่างได้พังทลายลงหมดแล้ว ที่จริงบีพาอันก็พอจะคาดเดาได้ว่าหากมีการไต่สวนของรูแฮขึ้น กโยซึลจะต้องมาหาตนเป็นแน่ เขาคาดเดาเหตุการณ์นี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทว่ามันกลับเจ็บปวด และยากที่จะอดทนกว่าที่คิด
“แปดวันที่แล้ว เป็นวันนั้นเพคะ เราพบกับฮวางเซจาที่ตำหนักบุกบีโดยบังเอิญและได้สนทนากันเล็กน้อย องค์ฮวางเซจาอยู่กับเราครู่หนึ่ง จากนั้น…” เสียงที่แผ่วเบาลงของกโยซึลกลับมาฉะฉานอีกครั้ง “พระองค์ก็ตรัสว่ามีงานต้องไปทำต่อ แล้วก็เสด็จกลับไปเพคะ”
บีพาอันรู้ได้ตั้งแต่ที่กโยซึลเริ่มเอ่ยออกมาแล้วว่ามันคือคำโกหก นางกำลังโกหกเพื่อให้รูแฮหลุดจากโทษ ทั้งคู่พบกันจริง ทว่านางไม่เห็นว่าเขากลับไปตอนไหน บีพาอันเองก็รู้ว่ารูแฮนั้นไม่ใช่คนร้าย ทว่าเขาไม่สามารภคิดตริตรองสิ่งใดได้อีกแล้ว เพราะหัวใจมันเหนื่อยล้าเกินไป เขาไล่ต้อนกโยซึลอย่างร้ายกาจ แต่ถึงแม้นางจะตกใจและร้อนรนเพียงใด แต่นางก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของรูแฮจนถึงที่สุด อีกทั้ง
“ในวันพรุ่งนี้เราจะไปศาลหลวง”
นางยังไม่ลังเลที่จะไปให้การด้วยตนเองอีกด้วย แม้จะอยู่ต่อหน้าสามีที่ตนเกรงกลัวนักหนา แต่กลับเผยความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ได้ บีพาอันรู้แล้วว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นถูกต้อง กโยซึลมีใจให้รูแฮ ทว่าในตอนนี้ใจของเขามันแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดีไปเสียแล้ว
“เราไม่อนุญาต”
บีพาอันเอนตัวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือออกไป นิ้วมือเรียวยาวฉวยไปที่คางของกโยซึล สัมผัสที่ปลายนิ้วมือนั้นช่างนุ่มนิ่มจนน่าตกใจ และแม้ว่าตรงหน้าจะมีริมฝีปากที่นุ่มมากกว่าอยู่ ทว่าเขาก็ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้อีกแล้ว ในตอนนี้มันเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่สามารถคิดปรารถนาเอามาเป็นของตนได้ บีพาอันสะกดความต้องการของตัวเองไว้ แล้วเอ่ยคำที่จะทำให้กโยซึลต้องเจ็บปวดออกไป
“อย่าได้ทำสิ่งใดที่เป็นการขวางทางเรา”
มันคือความริษยา มันคือความหึงหวงของบีพาอันที่มีต่อชันบี ต่อความรักครั้งแรก ต่อกโยซึลที่มีใจให้ชายอื่น
“ฝ่าพระบาทเพคะ ได้โปรดปล่อยฮวางเซจาเถอะเพคะ ทรงทราบดีมิใช่หรือว่าเขาไม่ใช่ผู้ที่จะทำร้ายองค์ชายาเซจาได้” ท้ายที่สุดกโยซึลก็เอ่ยคำอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก
“เดี๋ยวเขาก็ได้ออกมา”
วินาทีที่ใบหน้าของกโยซึลแจ่มใสขึ้น น้ำเสียงที่เย็นชาของบีพาอันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หากพบว่าฮวางเซจาไม่มีความผิดจริง”
“ฝ่าพระบาท!”
“แต่ตัวชายาเอง ในตอนนี้มิอยากมาปรากฏตัวต่อหน้าเราอีกแล้วหรืออย่างไร”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ”
กโยซึลลืมเรื่องที่คุยกันอยู่แล้วถามกลับไปหลังจากที่ได้ยินคำถามชวนงงงวยจากบีพาอัน ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป กโยซึลก็ติดกับโดยง่าย ดังนั้นบีพาอันจึงพูดต่อด้วยท่าทีนิ่งเฉย เขารักษาท่าทีเย็นชาเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายจนน่าขันนัก แม้ว่าหัวใจจะถูกบีบรัดและเจ็บปวดเพียงใด
“ไม่เห็นชายาแทนตัวเองว่าหม่อมฉันเลย”
“เราน่ะหรือ”
ในตอนที่นางกำลังถามกลับมาเช่นนี้ นางก็ยังคงไม่แทนตัวว่าหม่อมฉันเช่นเคย หลังจากนั้นนางก็รีบเร่งแก้ไขในทันที
“หม่อมฉันรู้สึกตกใจจึงไม่ทันคิด เสียมารยาทแล้วเพคะ”
“เสียมารยาทอย่างนั้นหรือ”
สายตาของบีพาอันเหม่อมองความว่างเปล่า เขาเอามือจับไปที่คางตัวเองแล้วใช้นิ้วโป้งลูบแก้มเบาๆ ราวกับติดเป็นนิสัย แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทว่ากโยซึลก็คงไม่พึงใจที่จะเป็นชายาของเขาสินะ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว ทว่าวินาทีที่ได้เผชิญกับความจริงมันช่างโหดร้าย อีกทั้งกโยซึลนั้นไม่ได้เข้าใจความรู้สึกในใจของบีพาอันที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยตั้งแต่แรก นางไม่เคยพยายามที่จะเข้าใจมันเลยด้วยซ้ำ ความสนใจของนางในตอนนี้มีให้แค่รูแฮที่ถูกคุมขังอยู่
“เขาผู้นั้นคือพระอนุชาของพระองค์มิใช่หรือเพคะ ทรงรู้จักเขามานานกว่าหม่อมฉัน และทรงรู้นิสัยของเขาดีมิใช่หรือเพคะ เหตุใดถึงได้นิ่งเฉยเยี่ยงนี้”
บีพาอันมองไปที่กโยซึลอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทุกครั้งสายตานั้นจะมีเพียงความว่างเปล่า ทว่าในครั้งนี้มันกลับว่างเปล่ากว่าครั้งใด
เย็นชา
นางบอกว่าตัวเขาเย็นชา หญิงสาวที่เอ่ยคำพูดแสนอำมหิตแก่เขาในตอนนี้ บอกว่าเขานั้นเย็นชา คนที่เย็นชาคือผู้ใดกันแน่
“ชายามิต้องกังวลไป เรา ฮวางแทจาผู้เป็นพระสวามีของชายาคนนี้ จะจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ไม่นำความรู้สึกส่วนตัวใดมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”
คำอธิบายฐานะตัวเองของบีพาอันในครั้งนี้ยืดยาวกว่าครั้งใด