ตอนที่ 106-1 ความย้อนแย้งของเนินเขา

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา พระชายาฮวางแทจาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

บีพาอันที่นั่งทำงานอยู่ในห้องหนังสือนิ่งค้างไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ขันทีเอ่ยแจ้ง ความเงียบบังเกิดขึ้นครู่หนึ่ง หลังจากนั้นขันทีก็เอ่ยถามขึ้น

 

 

“จะทรงให้กระหม่อมทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ให้นางเข้ามา”

 

 

หลังจากที่ขันทีออกไป บีพาอันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เขาคำนวณเวลาที่ขันทีจะพากโยซึลมาถึงที่ห้องหนังสือ เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งอยู่อย่างนั้น และเมื่อยืนพิงโต๊ะหนังสือ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น กโยซึลมาถึงเร็วกว่าที่คิด บีพาอันที่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงหยิบหนังสือที่คว้าได้มาถือไว้ กโยซึลเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาแต่เขาก็สัมผัสได้ ลมหายใจเบาๆ ของนาง กลิ่นกายที่อ่อนโยน กลิ่นเครื่องหอมที่สดชื่น แม้กระทั่งมือที่ปัดป่ายชายผ้าไปมาอย่างเคอะเขินเขาก็สัมผัสได้ ทุกประสาทสัมผัสของบีพาอันในตอนนี้จดจ่ออยู่ที่กโยซึลทั้งสิ้น บีพาอันยังคงก้มหน้ามองหนังสือ ทำทีเป็นไม่ให้ความสนใจ เพียงเหลือบสายตาขึ้นมอง

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี เข้าเฝ้าฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ”

 

 

กโยซึลย่อเข่าลงเล็กน้อยแล้วกล่าวทำความเคารพบีพาอัน บีพาอันค่อยๆ ปิดหนังสือแล้ววางมันลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ เขากอดอกแล้วเงยหน้าขึ้น และยังคงยืนพิงโต๊ะอยู่อย่างนั้น

 

 

“ไม่คิดเลยว่าชายาจะมาหาเรา”

 

 

แม้ว่าบีพาอันจะพยายามคงสีหน้าที่นิ่งเรียบไว้ ทว่าเป็นเรื่องยากนะที่จะบังคับหัวใจที่เต้นแรงได้ บีพาอันไม่คิดเลยว่านางจะมาหาตนที่นี่ คิดว่าจะไม่ได้เห็นนางมาที่ตำหนักดงชอนอีกเสียแล้ว สายตาคาดไม่ถึงที่

 

 

มองกโยซึลอยู่เลื่อนไปที่ชุดสีแดงที่นางถือไว้

 

 

“สิ่งนั้นคือสิ่งใดกัน”

 

 

ทันทีที่ได้ยินคำถาม กโยซึลก็เดินเข้าไปใกล้บีพาอันอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ยื่นชุดสีแดงนั่นไปตรงหน้าบีพาอัน บีพาอันยังคงกอดอกดังเดิม เขากวาดสายตามองไปที่สิ่งที่นางยื่นให้อย่างเร็วๆ ผ้าแพรสีแดงผืนหนาดูมีราคาที่ปักลายดอกไม้และผีเสื้อหลากสีอย่างบรรจงนั้นเป็นชุดที่ตนคุ้นเคย เขาจำวันที่ตนสวมชุดนี้ได้อย่างแม่นยำ

 

 

ชุดอภิเษกสมรส

 

 

“ชุดที่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงลืมไว้ที่ห้องหม่อมฉันในคืนวันส่งตัวเพคะ”

 

 

“เหตุใดจึงนำมาคืนเราในตอนนี้”

 

 

“…”

 

 

งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พอคิดได้ว่าการนำมันมาคืนให้กับเขาในตอนนี้ย่อมต้องมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่เป็นแน่ ก็ทำให้น้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นฟังดูเย็นชานัก ท่าทีกระสับกระส่ายนั่นไม่อาจรอดสายตาของบีพาอันไปได้

 

 

“โอ้ คงจะมีเหตุผลบางอย่างสินะ เป็นเหตุผลที่บอกเราไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

 

 

บีพาอันลูบริมฝีปากของตนราวกับตั้งใจจะหยั่งเชิงกโยซึล คลื่นอารมณ์บางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกำลังปั่นป่วนอยู่ภายใน ความดีใจที่ได้เจอกับกโยซึลที่นี่อีกครั้งนั้นถูกอารมณ์ขุ่นมัวที่โอบล้อมไปทั่วร่างอย่างเหนียวแน่นกลบจนมิด

 

 

“เพราะในตอนนี้หม่อมฉันไม่ต้องการมันอีกแล้วเพคะ”

 

 

เมื่อเห็นว่าบีพาอันไม่ยอมรับชุดที่ตนยื่นให้ กโยซึลจึงนำมันวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ ชายผ้าสีแดงยาวห้อยลงสัมผัสพื้น

 

 

“ในตอนนี้ไม่ต้องการมันแล้ว” บีพาอันพูดย้ำคำที่กโยซึลพูดเมื่อครู่อีกครั้ง “แสดงว่าก่อนหน้านี้ต้องการมันสินะ”

 

 

“ใช่เพคะ เพราะหม่อมฉันจำเป็นต้องมีสิ่งที่เป็นตัวแทนของพระองค์ไว้บ้าง”

 

 

กโยซึลตอบออกมาโดยทันที หัวใจที่ว้าวุ่นของบีพาอันพลันถูกแช่แข็ง บทสนทนาดำเนินไปอย่างกระด้างกระเดื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงกำลังถูกใช้ทำร้ายฝั่งตรงข้ามอย่างไร้ความปราณี

 

 

“หมายความว่าทรงอยากจะให้เรากอดอย่างนั้นหรือ”

 

 

“หากทรงประสงค์เช่นนั้น”

 

 

เขาไม่อาจปล่อยนางไปได้ ยังคงพยายามที่จะเหนี่ยวรั้งนางไว้ ทว่ากโยซึลที่ถูกผลักไสออกห่างก็ปามีดมาที่เขาอย่างจัง

 

 

“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการให้พระองค์มาโอบกอดอะไรเพคะ”

 

 

ตึง

 

 

รู้สึกราวกับว่าบางอย่างขาดสะบั้น บีพาอันเผลอขยับตัวเข้าหากโยซึลโดยไม่รู้ตัว เขายื่นมือออกไป แขนของเขาวางซ้อนอยู่บนแขนของนาง บีพาอันค่อยๆ ไล่สัมผัสตั้งแต่หัวไหล่ของกโยซึลไล้ลงมาจนถึงท่อนแขนอย่างช้าๆ แล้วเลื่อนไปจับที่ข้อมือของนาง หากเขายื่นแขนไปด้านหลังอีกสักนิด หากเขาขยับแขนเข้าไปชิดเอวนางอีกสักหน่อย มันก็จะกลายเป็นการโอบกอดแล้ว ทว่าบีพาอันไม่อาจทำอย่างนั้นได้

 

 

จะเรียกว่าเป็นการกอดก็ดูจะห่างไกลเกินไป แต่จะเรียกว่าเป็นเพียงแค่การจับข้อมือเท่านั้นก็ดูจะใกล้ชิดกันเกินไปนัก ในระยะห่างที่แสนคลุมเครือนี้ บีพาอันก้มลงมองไปที่กโยซึล ทว่าแม้นางจะสัมผัสได้ว่าเขากำลังมองอยู่ นางก็ไม่ได้สบตาเขาแต่อย่างใด

 

 

อยากกอดเหลือเกิน อยากจะโอบกอดนางไว้แน่นๆ เสียเดี๋ยวนี้ เขามีความโลภอีกแล้ว หากไม่สามารถโอบกอดนางได้ ก็ไม่ควรมีความปรารถนาที่ไร้ความหมายต่อนางอย่างนี้ จนทำให้นางต้องทุกข์ใจ บีพาอันไม่มีความมั่นใจ ตัวเขาที่ใช้ชีวิตมาอย่างไร้ความรู้สึกจะสามารถโอบกอดนางไว้ ไม่ทำให้นางต้องเจ็บปวดได้หรือไม่ จะทำให้นางพึงพอใจได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าตนอาจจะทำให้นางทุกข์ใจหรอกหรือ เขาทำผิดมาหลายครั้ง ทั้งยังทำให้นางมีแต่น้ำตา เขาไม่มีความมั่นใจเลย ไม่อยากที่จะไปเปลี่ยนใจนาง ที่ตอนนี้มอบหัวใจให้ชายอื่นไปแล้ว เขาอยากให้นางมีความสุข แม้ตนจะไม่ใช่คนที่ทำให้นางมีความสุขก็ตาม ขอเพียงแค่นางมีความสุข ทั้งหมดเป็นเพราะเขารักนางมาก เพราะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขอเพียงแค่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ขอเพียงให้เขาได้คอยเปิดทางให้นางได้ทำตามสิ่งที่หวัง และคอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เพียงเท่านั้น แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว บีพาอันย้ำกับตัวเองอย่างนั้น

 

 

เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองอย่างเศร้าสร้อยจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว บีพาอันค่อยๆ ปล่อยนิ้วมือออกทีละนิ้ว เขาปล่อยมืออย่างระมัดระวัง อย่างอาลัยอาวรณ์

 

 

“เช่นนั้น หรือว่าจะทรงมี ‘สิ่งอื่น’ ที่สามารถทำให้ชายา ‘อบอุ่น’ ได้แล้วกัน”

 

 

 ครั้งนี้กโยซึลไม่ได้ตอบออกไป และบีพาอันก็เปล่งวาจาที่จะทำให้ตนเจ็บปวดออกไปด้วยตัวเอง

 

 

“น้องชายของเราดูจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยชายาเป็นอย่างมากในตอนที่สนทนากับเราที่อุทยานดอกไม้ และชายาเอง ในการไต่สวนคดีครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะออกหน้าเพื่อรูแฮเสียเหลือเกิน”

 

 

“ในตอนนั้น…เรื่องนั้น…หม่อมฉันเพียงต้องการช่วยเหลือเขาที่ไร้ความผิดเท่านั้นเพคะ”

 

 

“เช่นนั้น แล้วได้ไปพบกับเขาหรือไม่”

 

 

บีพาอันหาได้รับฟังคำแก้ตัวของกโยซึลแต่อย่างใด เขาไล่ต้อนนางอย่างไร้ความปราณี เพื่อที่จะหยุดความรู้สึกของตนเองเสีย

 

 

“เราจะถามอีกครั้ง ได้พบเจอเขาหรือไม่”

 

 

ในที่สุดดวงตากลมโตก็หลั่งน้ำตาออกมา หลังจากนั้นนางก็พยักหน้าช้าๆ หัวใจของบีพาอันเต้นแรงราวกับว่ามันกำลังจะระเบิด

 

 

“พบเพคะ ในตอนนี้เองก็ยังพบกันอยู่เพคะ ใช่แล้วเพคะ เป็นเขาเอง เป็นรูแฮที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพคะ”

 

 

ทันใดนั้นบีพาอันก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว กโยซึลหลับตาแน่น น้ำตาที่รื้นขึ้นมาก่อนหน้านี้ร่วงจากดวงตาคู่นั้นทันที คำพูดแต่ละคำที่นางพูดออกมากลายเป็นมีดที่จ้วงแทงหัวใจของบีพาอันจนไม่เหลือชิ้นดี