ราชันเร้นลับ 563 : ‘พร’ จากเดอะฟูล

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 563 : ‘พร’ จากเดอะฟูล โดย Ink Stone_Fantasy

“ขอเพียงระบุแหล่งกบดานได้ ก็รับเงินไปเลยทันทีหนึ่งพันปอนด์… ฉันไม่เคยเห็นภารกิจที่ง่ายและจ่ายหนักขนาดนี้มาก่อน!”

บนถนนด้านนอกผับใบไม้หอม เดนิสกำลังถูมือไปมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะกำหมัดชกใส่เสาเหล็กสีดำของโคมไฟริมถนน มันรอไม่ไหวแล้วที่จะเดินไปรอบเมืองเพื่อตามหาสาวผมแดงนามว่าเอลเลน

สำหรับเดนิส เงินหนึ่งพันปอนด์ไม่ใช่จำนวนที่น้อย มากพอจะซื้อบ้านเพิ่มในบายัมได้อีกหนึ่งหลัง เพียงแต่ไม่ใช่ในทำเลทอง

พรมวิเศษที่มันได้รับมาก่อนหน้า ยังตีมูลค่าได้เพียงสองถึงสามพันปอนด์เท่านั้น ทั้งที่ได้จากการเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับเหล็กกล้า·แม็ควิตี้ และพุ่มหนามสีเลือด·เฮนดรี้ เทียบไม่ได้เลยกับภารกิจสุดแสนสบายอย่างการตามหาคนหาย

ไคลน์ที่กำลังเดินนำหน้าเดนิส ในมือชายหนุ่มถือหนังสือพิมพ์ซึ่งกำลังห่อกล่องบรรจุวัสดุสำหรับสร้างยันต์มูลค่ารวมสิบห้าปอนด์ มันลดความเร็วลงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองหางตามองเดนิส และพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ห้าพันห้าร้อยปอนด์”

เดนิสที่กำลังตื่นเต้น พลันยิ้มแข็ง

คำพูดดังกล่าวทำให้เพลิงพิโรธหวนนึกถึงปัญหาสำคัญที่ตนกำลังประสบมาในช่วงหลายวันหลัง

ในสายตาของบรรดาโจรสลัดและนักผจญภัย ชื่อของเราก็ยั่วยวนไม่ได้แตกต่างจากเอลเลนผมแดงเลยสักนิด!

พวกมันไม่จำเป็นต้องสู้และเอาชนะ ขอเพียงนำข่าวของเดนิสไปรายงานให้โบสถ์ กองทัพ หรือกรมตำรวจทราบ ถ้าหากลงเอยด้วย เดนิสถูกจับกุมตัว ค่าตอบแทนของผู้แจ้งข่าวจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์แน่นอน เพราะค่าหัวรวมของเดนิสสูงถึงห้าพันห้าร้อยปอนด์!

ดังนั้น หากมันเตร็ดเตร่ไปทั่วเมืองเพื่อค้นหาสาวผมแดงนามเอลเลน ตัวเดนิสจะไม่ต่างอะไรกับหญิงงามที่เดินเข้าไปในโรงละครสีแดงเพื่อหาชายหนุ่มมาดับกระหาย

แม่… เย็*…

เดนิสพ่นคำสบถโดยลากเสียงเล็กน้อย

ทันใดนั้น ตามสัญชาตญาณ มันรีบกดปีกหมวกแก๊ปให้ต่ำกว่าเดิม

หลังจากราดน้ำเย็นใส่เดนิส ไคลน์กลับไปเดินด้วยความเร็วปรกติ สมองครุ่นคิดว่าตนควรทำอย่างไรกับเรื่องของเอลเลนผมแดง

เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินติดตัวของเป้าหมาย รวมถึงมีข้อมูลไม่มากพอ เทคนิคการทำนายจึงถูกพับเก็บอย่างไม่มีทางเลือก

สั่งให้ลูกน้องค้นหาแบบปูพรมรอบเมือง…? วิธีการแบบนั้นคงมีแต่โบสถ์กับกองทัพที่ทำได้ แม้แต่กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นก็ยังยาก…

เดี๋ยวก่อน… ถ้าเป็นเราก็ไม่แน่…

เราคือคาเวทูว่า เทพสมุทร มีสาวกอยู่รอบบายัม รอบเกาะภูเขาคราม และรอบเขตหมู่เกาะรอสต์ทั้งหมด หากเราส่ง SMS… ไม่สิ ส่งพระวิวรณ์ให้กับสาวกทุกคนถ้วนหน้า กำชับให้ช่วยสอดส่องมองหาสตรีผมแดงนามว่าเอลเลน ภารกิจก็ไม่น่าจะยากเย็นอะไรนัก… แต่แบบนี้ถือว่าทำเกินกว่าเหตุไหม… เพียงเพื่อเงินแค่หนึ่งพันปอนด์…

หรือควรรักษามาดของเทพไว้บ้าง…

หากเราเป็นเทพและสั่งในนามของตัวเอง เรื่องนี้คงไม่ต้องเก็บมาคิด แต่ในเมื่อกำลังสวมรอยเป็นคาเวทูว่า เพื่อให้สวมบทบาท ก็คงต้องรักษาความน่าเกรงขามไว้สักหน่อย…

แม้แต่เทพสติปัญญาน้อยอย่างคาเวทูว่า ขณะกำลังเกรี้ยวกราดและต้องการตามหาตัวเลติเซีย·โดเรล่า มันก็ยังมีศักดิ์ศรี ไม่ส่งวิวรณ์ไปหาสาวกทุกคนบนเกาะ แต่เลือกบอกกับสมาชิกระดับสูงของกลุ่มต่อต้านเท่านั้น… จริงอยู่ เราสามารถอ้างได้ว่าเป็นบุคลิกใหม่หลังจากปฏิรูปตัวเอง แต่ก็ควรคงสามัญสำนึกขั้นต่ำไว้บ้าง…

ขณะเดียวกันก็เพื่อให้โอสถย่อยได้เร็วขึ้น…

ถ้าส่งวิวรณ์ไปหาเฉพาะไครัท เอ็ดมันตัน และสมาชิกระดับสูงคนอื่น คำสั่งจะถูกถ่ายทอดออกไปได้ค่อนข้างช้า ต้องใช้เวลาหลายวันในการดำเนินงาน แถมพวกเขาอาจปรุงแต่งเรื่องราวให้รุนแรงขึ้น จนเหตุการณ์บานปลายเกินควบคุม…

ยังมีอีกหนึ่งวิธี นำเครื่องรับโทรเลขไปไว้บนมิติเหนือสายหมอก รอสักสองสามวัน จากนั้นก็ติดต่อกับกระจกวิเศษอาโรเดส และถามว่าเอลเลนผมแดงอยู่ที่ไหน… แต่วิธีนี้มีความเสี่ยง ต้องทำนายยืนยันล่วงหน้าให้แน่ใจว่าปลอดภัย การได้รับโทรเลขจากพระผู้สร้างแท้จริงหรือแม่มดบรรพกาลคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ลำพังการเห็นร่างจริงพวกมัน ก็มากพอจะทำให้คลุ้มคลั่ง…

เมื่อไคลน์ตัดสินใจได้ มันเร่งฝีเท้าตรงไปยังมุมถนนเพื่อเช่ารถม้า โดยมีเดนิสเดินตามหลังในสภาพกดปีกหมวกลง

หลังจากกลับถึงโรงแรมวายุคราม ไคลน์ถอนหมวกกับโค้ทออก และหันไปพูดกับเดนิสที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“ถ้ากัปตันเข้าฝันนายอีก อย่าลืมถามหล่อนเรื่องเอลเลนผมแดง”

“ได้… แต่เธอคงไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องเคยได้เห็นหรือเห็นหน้าเอลเลนบ้างแล้ว”

เดนิสเล่าพลางยิ้ม

“เฮ่อ… พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครอยู่เบื้องหลังการว่าจ้าง ยอมทุ่มทุนมากถึงหนึ่งพันปอนด์เพียงเพื่อตามหาเบาะแสเชียวนะ…”

สมองเดนิสกำลังประมวลผล มันนึกไปถึงนิยายรักชื่อดังที่โรซายล์เคยแต่งขึ้น

ไคลน์จ้องอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวเสียงขรึม

“คืนนี้ฉันจะเฝ้าเอง”

“นายจะเฝ้าเอง…?” สติเดนิสพลันถูกดึงกลับ มันทำสีหน้าเคลือบแคลงเสียเต็มประดา

“ใช่” ไคลน์พยักหน้า

เกอร์มัน·สแปร์โรว์เห็นว่าเราเหนื่อยล้า ก็เลยอาสาทำแทน…?

ถึงหมอนี่จะบ้า แต่ในบางครั้งก็เป็นคนดีจนน่าเหลือเชื่อ… เช่นเหตุการณ์บนท่าเรือแบนชี คนปรกติแทบไม่มีเหตุผลให้ลงไปช่วยผู้โดยสารอื่น…

เดนิสครุ่นคิด

ชายหนุ่มยกเครื่องรับโทรเลขและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องนอน ลงกลอนจนมิดชิด ก่อนจะส่งทุกสิ่งกลับขึ้นมิติสายหมอกผ่านพิธีกรรม

เมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์ไม่รีบร้อนลงจากวังสายหมอกสุดโอ่โถง เพียงโบกมือเล็กน้อยเพื่อเสกให้คทาเทพสมุทรลอยออกจากกองขยะมาตกบนฝ่ามือ และเริ่มการสำรวจคำวิงวอนจากเหล่าสาวก เพื่อเรียนรู้อุปนิสัยใหม่ๆ ของมนุษย์

ระหว่างกำลังไล่ดู ไคลน์เลือกตอบกลับบางส่วนตามใจชอบ ประหนึ่งเด็กเล็กกำลังสนุกไปกับของเล่นใหม่

ขณะการไล่ดูใกล้จบลง จุดแสงพลันปรากฏใกล้กับที่นั่งของเดอะฟูลในลักษณะคล้ายคลื่นน้ำ

ใครบางคนกำลังสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล…

มิใช่เทพสมุทร…

ไคลน์เลิกคิ้วเล็กน้อย พลางถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในจุดแสงเพื่อรับชมภาพนิมิต

ณ ท่าเรือเอ็นมาร์ต ภายในห้องที่ถูกขึงผ้าม่านมิดชิด

เอ็ดชีแรน ชายในชุดคลุมยาวสีดำทรงโบราณ พยายามข่มความกระหายในใจ และกล่าวกับหญิงสาวนามว่าดีไนส์

“ของขวัญจากพระองค์อยู่ในร่างกายพวกเราทุกคนนับตั้งแต่เกิดมา หากต้องการนำออกมาใช้ จำเป็นต้องได้รับการชี้แนะอย่างถูกต้อง ดวงวิญญาณของเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องมาก พระองค์ต้องชื่นชอบแน่ ดังนั้น ฉันจะเป็นคนชี้แนะให้เธอด้วยตัวเอง จงทำตามคำสั่งโดยห้ามสงสัยหรือตั้งคำถาม ก่อนจะเริ่ม เธอยังมีคำถามอีกไหม”

เอ็ดชีแรนเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ มักฉ้อโกงชาวบ้านด้วยการตั้งลัทธิเพื่อหลอกลวงเหยื่อ หวังฮุบทั้งเงินทองและการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเมื่อเรื่องราวเริ่มบานปลายจนใกล้ถึงหูตำรวจ มันจะรีบชิ่งหนีอย่างจมูกไว

โดยในคราวนี้ มันหนีมาก่อเรื่องภายในกรุงเบ็คลันด์ เริ่มด้วยการปลอมตัวเป็น ‘ข้ารับใช้’ ของเดอะฟูลที่กลุ่มอันธพาลในเมืองกำลังตามหา

มันเลือกสาวกรุ่นแรกจากกลุ่มเป้าหมายหญิงสาวเป็นหลัก

เอ็ดชีแรนโกหกกับทุกคนว่า เดอะฟูลคือร่างอวตารของเทพวายุสลาตัน และจะมาโปรดเหล่าสาวกของตนในวันสิ้นโลก แต่ก่อนหน้านั้น ความลับห้ามถูกเปิดเผยโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกเทพองค์อื่นเพ่งเล็ง และมีเพียงสาวกเดอะฟูลที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดินแดนของท่านเมื่อวันสิ้นโลกเริ่มต้นขึ้น

เพื่อความสมจริงและน่าเชื่อถือ เอ็ดชีแรนลงทุนซื้อกระดาษที่เขียนนามเต็มอันสูงส่งของเดอะฟูลในราคาสูง

เมื่อได้อ่านเนื้อหาเป็นครั้งแรก ความคิดในหัวของมันคือ : สมจริงชะมัด…

ดีไนส์ซักถามด้วยสีหน้าประหวั่นเจือความคาดหวัง

“ท่านเจ้าคุณคะ ทำไมพวกเราถึงไม่ได้รับการตอบสนองหลังจากเอ่ยพระนามเต็มของพระองค์? พวกเรามิได้ถูกเลือกให้อาบพรของท่านอย่างท่วมพ้นหรือคะ”

ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะให้ ‘พร’ กับเธอเอง…

เอ็ดชีแรนเริ่มหายใจกระเส่า สติกำลังฝืนระงับจินตนาการสุดลามก

“เกิดจากสองเหตุผล ข้อแรก เธอยังไม่ได้รับการชี้แนะและปลุกของขวัญของพระองค์ในตัวให้ตื่นขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันกำลังจะช่วย ข้อสอง เธอยังศรัทธาพระองค์ไม่มากพอ อย่าได้คิดปฏิเสธเด็ดขาด ฉันมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อเธอบรรลุเงื่อนไขทั้งหมด การเอ่ยพระนามเต็มอันสูงส่งของพระองค์ จะช่วยให้เธอได้รับพระวิวรณ์ เหมือนกับฉันคนนี้”

ท่ามกลางสายตาแฝงความใคร่รู้ของดีไนส์ เอ็ดชีแรนเดินไปยังโต๊ะด้านข้าง หยิบปากกากับกระดาษออกมาเขียนข้อความ

เป็นภาษาเฮอร์มิสที่นิยมในพิธีกรรม

เพื่อให้การหลอกลวงเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ เอ็ดชีแรนศึกษาพิธีกรรมทางศาสนาค่อนข้างมาก แถมยังเคยลอบเข้าไปในมหาวิทยาลัย เพื่อแอบฟังคาบเรียนของนักศึกษาคณะประวัติศาสตร์และโบราณคดี

สองมือยกแผ่นกระดาษขึ้น และอ่านข้อความต่อหน้าดีไนส์

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”

จากนั้น เอ็ดชีแรนหลับตาลง กางแขนออก และกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมศรัทธา

“อา… ข้าสัมผัสได้ถึงพรจากพระองค์!”

ทันใดนั้น สายฟ้าสีเงินพลันผ่าลงมาจากความว่างเปล่าเบื้องบน ตรงเข้ากึ่งกลางกบาลของเอ็ดชีแรนพอดิบพอดี

ท่ามกล่างเสียง ‘ฉ่า’ เกลียวสายฟ้าแล่นไปตามอวัยวะบนร่างกายคล้ายอสรพิษสีเงิน แผดเผาผิวหนังภายนอกจนไหม้เกรียม กล้ามเนื้อร่างกายทุกส่วนสั่นกระตุกอย่างมิอาจยับยั้ง

ภายในไม่กี่วินาที เอ็ดชีแรนหยุดการเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์

ดีไนส์เห็นดังนั้นจึงรีบโพล่งอย่างตื่นเต้น

“ท่านเอ็ดชีแรนคือข้ารับใช้ของพระองค์ตัวจริง! ท่านได้รับพรจากพระองค์!”

หญิงสาวพูดพลางหายใจหอบ

จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ดีไนส์เริ่มพบความไม่ชอบมาพากล จึงนั่งยองในท่าสวมกระโปรงและเหยียดปลายนิ้วจ่อจมูกเอ็ดชีแรน

ตายแล้ว… ข…เขาตายแล้ว!

หญิงสาวผงะถอยหลัง พร้อมกับล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งอย่างหวาดกลัว

เธอร้องเสียงสั่น ก่อนจะรีบวิ่งไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียง

เหนือมิติสายหมอก ไคลน์ลดคทาเทพสมุทรลงพลางพึมพำกับตัวเอง

กล้านำชื่อของเราไปหาเงินเข้ากระเป๋า แถมยังหลอกฟันหญิงสาวไปทั่ว…

มุมปากไคลน์กำลังสั่นกระตุก มันอยากจะเสกสายฟ้าใส่เอ็ดชีแรนอีกสักเส้นสองเส้น

แต่ก็มิได้ทำ เพราะนั่นถือเป็นการดูหมิ่นศพ ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม

ผู้หญิงคนนั้นคงแจ้งตำรวจแล้ว… หน่วยไหนจะเป็นเจ้าของคดีกัน… เหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล หรือทูตพิพากษา… จากเหตุการณ์มิสเตอร์ A ชื่อของเดอะฟูลคงไม่ธรรมดาในกรุงเบ็คลันด์ บางที บรรดาหน่วยพิเศษคงพยายามรวบรวมข้อมูลของเดอะฟูลอยู่ หืม… ถ้าเป็นเหยี่ยวราตรี พวกเขาคงรวมเอกสารไว้ในที่เดียวกัน และส่งเรื่องให้ถุงมือแดงจัดการ…

ไคลน์อาศัยประสบการณ์สมัยยังเป็นเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น ช่วยคำนวณอนาคตที่อาจส่งผลกระทบมาถึงตน

แต่เพียงไม่นานก็เลิกใส่ใจ เพราะมันมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางสาวถึงตัวได้แน่

ไคลน์โบกมือเพื่อโยนคทาเทพสมุทรกลับไปเก็บในกองขยะ และเตรียมส่งจิตตัวเองกลับสู่โลกความจริง

แต่ทันใดนั้น ดวงดาวสีแดงเข้มพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าภายในมิติ พร้อมกับส่องแสงกระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ

ดาวแดงยุบพองตัวเองเป็นจังหวะ

มิใช่ดาวแดงของใครในชุมนุมทาโรต์

ทำไมวันนี้ถึงได้ยุ่งวุ่นวายนัก…

หืม… อีกฝ่ายคงเป็นเหมือนจัสติส แฮงแมน และเดอะซันกระมัง… ที่เชื่อมต่อกับมิติสายหมอกแห่งนี้ด้วยสมบัติวิเศษบางชนิด…

……………………