ราชันเร้นลับ 564 : ผู้ไล่ล่าความรู้

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 564 : ผู้ไล่ล่าความรู้ โดย Ink Stone_Fantasy

ไคลน์แผ่พลังวิญญาณเข้าไปในดวงดาวสีแดง มิได้มีเจตนาตอบสนอง หวังเฝ้ามองฝ่ายเดียว

เมื่อพลังวิญญาณสัมผัส ดวงดาวที่กำลังยุบพองพลันถ่ายทอดภาพและเสียง

สตรีผมดำผู้หนึ่ง สวมชุดคลุมทรงโบราณ กำลังนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นพร้อมกับดิ้นทุรนทุรายด้วยสีหน้าเจ็บปวดแสนสาหัส

มือข้างหนึ่งถือลูกแก้วดวงดาว อีกข้างถือคทาที่สั้นกว่าหนึ่งศอก ความปรารถนาที่ต้องการจะมีชีวิตรอด ได้ทะลุทะลวงผ่านการเชื่อมต่อของดาวแดง เข้าสู่สมองไคลน์อย่างคมชัด

เฉกเช่นเมื่อครั้งก่อนจัสติสและเดอะซันจะถูกดึงเข้าสู่มิติสายหมอก รูปร่างของหญิงสาวปริศนาผมดำค่อนข้างเลือนราง ยากจะจดจำจุดเด่นบนร่างกาย แต่บางส่วนกลับแจ่มชัดผิดปรกติ เช่น เค้าโครงใบหน้า เช่น ผิวหนังปริแตกบนโหนกแก้มที่ด้านในมีดวงตาประหลาดฝังอยู่ เช่น ใบหูถูกที่ยืดยาวออกเป็นทรงแตร เช่น เล็บทั้งสิบที่พยายามข่วนขูดพื้นห้องจนเกิดรอยแดงเป็นทางยาว และ ดวงตามายาแสนเย็นชา ปราศจากขนตา กำลังลอยอยู่กลางอากาศ

อาการของเธอยังไม่เข้าขั้นเลวร้าย ร่างกายยังคงต่อต้านความผิดปรกติ และพยายามฟื้นฟูกลับคืนสภาพเดิมด้วยอัตราความเร็วที่น่าทึ่ง รอยปริแตกบนแก้มถูกสมานและเลือนหายไปพร้อมกับดวงตาประหลาด และใบหูหดกลับ แต่เพียงไม่นาน สภาวะแปลงร่างได้เกิดขึ้นซ้ำสอง วนเวียนเป็นวัฏจักรไม่รู้จบสิ้น

ทางด้านไคลน์ มันกำลังตกตะลึงกับดวงตามายาไร้ขนตาที่ลอยกลางอากาศ ภาพดังกล่าวทำให้ความทรงจำสมัยอยู่ทิงเก็นย้อนกลับมา

ขณะกำลังหัดใช้งานเนตรวิญญาณครั้งแรก ชายหนุ่มเคยเห็นดวงตามายาคู่นี้ลอยอยู่ด้านหลังลุงนีลล์!

“ปราชญ์เร้นลับ…?” ไคลน์เอนหลังพิง เหยียดแขนเล็กน้อย เสกให้คทาเทพสมุทรลอยจากกองขยะกลับมาอยู่บนมือ

มันต้องการช่วยเหลือหญิงสาว ด้วยการซัดสายฟ้าใส่ดวงตามายาบัดซบนั่นสักเส้น

แต่หลังจากพิจารณาสักพัก ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่า แหล่งกำเนิดความผิดปรกติของสตรีผมดำมิได้มาจากดวงตามายา แต่เป็นเสียงลึกลับในหัวของเธอ เสียงเพรียกที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากโสตประสาทและวิญญาณของเธอเอง

สถานการณ์คล้ายกับเมื่อครั้งมิสเมจิกเชี่ยนได้ยินเสียงเพรียกในคืนจันทร์เต็มดวง… โชคยังดี เราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว จึงมิได้แก้ปัญหาผิดสาเหตุ…

ไคลน์ครุ่นคิดจนมั่นใจว่า วิธีเดียวที่จะช่วยเหลือเธอก็คือ ต้องดึงจิตเข้ามาอยู่บนมิติสายหมอก เพราะหลังจากเสียงเพรียกต้นตอของปัญหาจบลง ความผิดปรกติด้านอื่นก็จะหายไปด้วยเช่นกัน และร่างกายที่มีอัตราการฟื้นฟูสูงก็คงรักษาตัวเองจนหาย

ส่วนเรื่องที่ว่า อีกฝ่ายคุ้มค่าแก่การช่วยเหลือหรือไม่ และมีเจตนาร้ายแอบแฝงไหม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไคลน์ในปัจจุบันต้องกังวลเหมือนเมื่อก่อน

หากสตรีผู้นี้มีเจตนาร้าย แต่ถ้าเชื่อมต่อกับดาวแดงของมิติสายหมอกผ่านสมบัติวิเศษแล้ว ไม่ว่าจะอยู่หนแห่งใด แต่ไคลน์ก็สามารถสร้างสายฟ้า ‘อวยพร’ ถึงเธอได้ทุกเมื่อ

หรือถ้าอีกฝ่ายคิดลอบจู่โจมบนมิติสายหมอก ด้วยไพ่จักรพรรดิมืด คทาเทพสมุทร และพลังจากมิติแห่งนี้ เราไม่มีทางเสียท่าแน่นอน…

ไคลน์ครุ่นคิดพลางกำคทากระดูกขาวในมือแน่นกระชับ พร้อมกับส่งลำแสงเข้าไปในดาวแดงที่อยู่ห่างออกไป

พลังวิญญาณชายหนุ่มเริ่มถ่ายเทและสร้างการเชื่อมต่อกับดาวแดง

ในคราวนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากหลายปัจจัย กระแสการเชื่อมต่อของดวงดาวทั้งเข้มแข็งและมีเสถียรภาพอย่างง่ายดาย

ร่างของหญิงหญิงสาวผมดำเริ่มปรากฏขึ้นบนที่นั่งหนึ่งข้างโต๊ะทองแดงยาว เป็นเก้าอี้ตัวที่ยังไม่เคยถูกสมาชิกคนใดใช้งาน

ภาพสุดท้ายบนนิมิตดาวแดงได้แสดงให้ไคลน์เห็นว่า ความผิดปรกติบนร่างกายหญิงสาวผมดำเริ่มบรรเทาลงมากแล้ว

ชายหนุ่มพยักหน้าเงียบงัน รอคอยให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดก่อนอย่างอดทน

ขณะเดียวกัน หญิงสาวผมดำกำลังนั่งสับสนสุดขีด ราวหนึ่งวินาทีก่อน ตนเพิ่งเจ็บปวดเจียนตาย และเมื่อภาพตัดไปเพียงครู่เดียว หนึ่งวินาทีถัดมา ตนกลับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางวังสายหมอกที่หลังคาด้านบนเป็นโดมสูง ใครจะไม่มึนงงบ้าง

หลังจากเงียบงันสักพัก หญิงสาวหันไปมองบุคคลที่กำลังนั่งบนเก้าอี้สุดปลายโต๊ะทองแดง ตามด้วยการซักถามเสียงล่องลอย

“ที่นี่คือโลกหลังความตายหรือคะ”

“เจ้ายังไม่ตาย” ไคลน์ยิ้ม

ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่า สัญลักษณ์ด้านหลังพนักเก้าอี้ของหล่อนมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นภาพของเนตรไร้ขนตาคู่หนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยประกายดวงดาวระยิบระยับจำนวนมาก แฝงกลิ่นอายความเย็นชาและไม่แยแส

จากประสบการณ์ ไคลน์เดาได้ไม่ยากว่านี่คือสัญลักษณ์ของเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’

หญิงสาวผมดำผงะเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มได้สติ

เธอมองไปรอบตัวอย่างเงียบงัน จนกระทั่งวนกลับมาบรรจบที่บุรุษผู้ถูกกลุ่มหมอกรายล้อม

เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยทักซิโด้ ไม่ผูกไทหูกระต่าย สวมบูทหนังสีดำ เส้นผมน่าจะสีดำ รูปลักษณ์และสัดส่วนร่างกายถูกหมอกสีเทาปกคลุมเลือนราง แต่ไม่มีส่วนใดผิดแผกไปจากสามัญสำนึก… ในมือกำลังถือคทาสีขาวด้ามหนึ่ง ยาวกว่าหนึ่งศอกเล็กน้อย ควงเล่นอย่างไม่แยแส… คทานั่น…

ดวงตาของหญิงสาวพลันสั่นระริกเมื่อเห็นอัญมณีมากมายรายล้อมหัวคทา ทุกเม็ดอัดแน่นด้วยกลิ่นอายของทะเลและพายุอย่างเต็มเปี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น รอบหัวคทายังมีละอองแสงสีขาวจำนวนมาก มอบความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขามเหนือพรรณนา

คทาครึ่งเทพ!

เขาทำเหมือนกับมันเป็นเพียงของเล่น… มิได้แยแสว่าจะเผลอทำหล่นเสียหายเลยสักนิด…

สตรีผมดำกะพริบตาถี่ พลางซักถาม

“ดิฉันควรเรียกท่านว่าอย่างไร”

“เดอะฟูล” ไคลน์ตอบฉะฉาน

เดอะฟูล…

หญิงสาวทวนคำ และก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนย้อนถามกลับ

“ดิฉันเคยได้ยินนามของท่านจากมิสเตอร์ Z แห่งชุมนุมแสงเหนือ”

เธอรอคำยืนยันจากอีกฝั่ง

เคยพบมิสเตอร์ Z แห่งชุมนุมแสงเหนือด้วยหรือ… คงเป็นสหายเก่ากระมัง…

ไคลน์ยิ้ม แต่ยังไม่ตอบ

“จะไม่แนะนำตัวสักหน่อยหรือ เราเรียกมันว่ามารยาทพื้นฐาน”

เมื่อถูกเตือนสติ หญิงสาวผมดำเงียบไปสักพัก

ราวสองสามวินาทีถัดมา เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงค่อนข้างขึงขัง

“ดิฉันมีนามว่าแคทลียา ชื่อเล่นคือ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ มิสเตอร์ฟูล คุณช่วยชีวิตดิฉันไว้ใช่ไหม”

พลเรือเอกดวงดาว?

หนึ่งในเจ็ดพลเรือโจรสลัด พลเรือเอกดวงดาวผู้มีค่าหัวสามหมื่นเจ็ดพันปอนด์คนนั้น… นี่เราเพิ่งช่วยชีวิตหีบสมบัติ… ไม่ใช่ เพิ่งช่วยชีวิตคนใหญ่คนโตในท้องทะเลเอาไว้… ไคลน์เปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย ภายในใจรำพันติดตลก

มันตอบพลางหัวเราะในลำคอ

“ถ้าไม่ใช่ แล้วจะเป็นใคร”

ได้ยินเช่นนั้น พลเรือเอกดวงดาวรีบลุกขึ้นยืนและคำนับอย่างนอบน้อม

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตดิฉันเอาไว้ หากต้องการให้ตอบแทนในเรื่องใด สามารถเอ่ยปากบอกมาได้ทุกเมื่อ ขอเพียงไม่ขัดต่อหลักการของดิฉัน และยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถเอื้อมถึง”

เป็นงานทีเดียว…

คงมีประสบการณ์ไม่น้อย… สมฉายาพลเรือเอกดวงดาวที่โด่งดังในทะเลมานานหลายปี…

ไคลน์ครุ่นคิดพลางแอบถอนหายใจ

สมาชิกชุมนุมทาโรต์ของตน หากไม่นับแฮงแมนและเดอะเวิร์ลที่เป็นอวตาร ทุกคนค่อนข้างอ่อนต่อโลกก่อนจะได้เข้าร่วมชุมนุม

จัสติสพยายามศึกษาศาสตร์เร้นลับ แต่ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาเต็มตัว เดอะซันมีความรู้พื้นฐานครบถ้วน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมจำกัดของเมืองเงินพิสุทธิ์ และด้วยความที่ยังเด็ก จึงซื่อตรงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนสักเท่าไร สำหรับเมจิกเชี่ยน ถึงเธอจะเป็นผู้วิเศษมาหลายปี แต่ก็ไม่พัฒนาจากลำดับ 9 เลย และด้วยความที่เป็นผู้วิเศษนอกกฎหมาย จึงไม่มีใครคอยให้ความรู้เหมือนกับหน่วยลับ ประสบการณ์ยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก เดอะมูน เอ็มลิน ถึงจะเป็นสมาชิกของตระกูลสัตว์วิเศษ และมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง แต่เนื่องด้วยรสนิยมส่วนตัวที่ชอบหมกอยู่แต่ในบ้านและเล่นกับตุ๊กตา จึงยังขาดประสบการณ์และถูกหลอกได้ง่าย

ถึงหมอนั่นจะหัวไว แต่ถ้าบังเอิญได้เจอกับทริส… ไม่สิ แม่มดทริสซี่ คงไม่แคล้วถูกยั่วยวนจนต้องขายตุ๊กตาทิ้ง…

ไคลน์ล้อเลียนมิสเตอร์แวมไพร์ เพื่อนบนโลกความจริงเพียงไม่กี่คนของตน

ชายหนุ่มจ้องหน้าพลเรือเอกดวงดาว โดยยังไม่ตอบในประเด็นหนี้บุญคุณ เพียงแสยะยิ้มและเลือกถามในสิ่งอื่น

“เป็นสมาชิกนิกายมอสส์ใช่ไหม”

“ค่ะ” แคทลียาเชื่อว่า เธอไม่สามารถปกปิดความลับใดต่อหน้าเดอะฟูล

ไคลน์ยิ้มและพูดต่อ

“ไปทำอะไรมา เจ้านั่นถึงขุ่นเคืองเข้า”

มันยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะใช่ปราชญ์เร้นลับหรือไม่ จึงเลือกใช้คำว่า ‘เจ้านั่น’ ที่ฟังดูคลุมเครือและไม่ให้เกียรติ ดังนั้น ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบใด แต่เดอะฟูลก็ไม่มีวันพูดผิด แถมยังเป็นการเสริมความน่าเกรงขามไปในตัว

แคทลียาตอบเสียงแผ่ว

“เปล่าค่ะ ดิฉันมิได้ล่วงเกินท่าน”

เธอเว้นวรรคเล็กน้อย

“หลักการของนิกายมอสส์ก็คือ พวกเราเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกมีความสัมพันธ์ในเชิงตัวเลข และพยายามไล่ล่าความรู้จากทั่วทั้งจักรวาล แต่จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า พวกเรามิได้ไล่ล่าความรู้ หากเป็นฝ่ายถูกความรู้ไล่ล่า มวลความรู้ทั้งหมดคือปราชญ์เร้นลับ และปราชญ์เร้นลับกำลังไล่ล่าสมาชิกทุกคนของนิกาย เมื่อความมวลความรู้มหาศาลล้นทะลักเข้ามาจนร่างกายย่อยไม่ทัน เหตุการณ์แบบเดียวกับดิฉันก็จะเกิดขึ้น จุดจบมีเพียงสองทางเลือก หนึ่ง ยอมรับการปรับแต่งร่างกายจากปราชญ์เร้นลับโดยไม่ขัดขืน หรือไม่ก็ พยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่หากล้มเหลว ก็จะลงเอยด้วยการคลุ้มคลั่ง”

เข้าใจแล้ว… เธอไม่ได้ถูกเจาะจงโดยปราชญ์เร้นลับเป็นพิเศษ แต่ทุกคนโดนเหมือนกันหมดอย่างเท่าเทียม… ความหนักเบาของอาการจะเป็นไปตามปริมาณข้อมูลที่ถูกถ่ายเข้าไป และถึงจะเอาชีวิตรอดมาได้ ก็จะไม่ถือสาอีกฝ่าย…

ดูจากสภาพอันน่าสมเพชเมื่อครู่ เธอคงได้ครอบครองความรู้ในปริมาณมหาศาล…

นั่นสินะ ลุงนีลล์เริ่มเชื่อในปราชญ์เร้นลับเพราะต้องการความรู้สำหรับประกอบพิธีกรรมเสริมแกร่งชีวิต เพื่อคืนชีพให้คนรัก…

ไคลน์พลันห่อเหี่ยว แต่ไม่เผยทางสีหน้า

ชื่อเสียงของพลเรือเอกดวงดาวเป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างดี ถึงจะเป็นกลุ่มโจรสลัด แต่ก็แทบไม่เคยได้ยินข่าวเสียหาย…

ชายหนุ่มไตร่ตรอง ก่อนจะกล่าวอย่างสุขุม

“หากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก เจ้าสามารถวิงวอนถึงนามเต็มของเราได้ทุกเมื่อ”

วิงวอนถึงนามเต็ม…

ริมฝีปากแคทลียาพลันสั่นเทา คล้ายกับต้องการปฏิเสธตามสัญชาตญาณ

แต่เธอมิได้กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน บรรยากาศรอบวังสายหมอกจึงมีเพียงความเงียบงันราวกับชั่วนิรันดร์

หลังจากชั่งน้ำหนักจนมั่นใจ เธอลุกขึ้นยืน และคำนับด้วยท่าสองมือทาบหน้าอกในลักษณะไขว้กากบาท

“…ดิฉันจะทำอะไรเพื่อท่านได้บ้างคะ”

ไคลน์ยิ้มอย่างผ่อนคลาย

“ช่วยเหลือข้ารับใช้ของเราในอนาคต”

“น้อมรับบัญชา” แคลียานั่งลงอีกครั้ง ตามด้วยการซักถามเพื่อให้แน่ใจ “นามเต็มของท่านเหมือนกับที่มิสเตอร์ Z มีใช่ไหม…”

เธอทวนให้ไคลน์ฟัง

ชายหนุ่มพยักหน้า ยืนยันว่าถูกต้อง

แคทลียากวาดสายตามองไปยังที่นั่งโดยรอบโต๊ะทองแดง ก่อนจะซักถามเจือความสงสัย

“มิสเตอร์ฟูล ที่นี่มีคนอื่นด้วยหรือ”

ไคลน์ยิ้ม

“คนแบบเดียวกับเจ้า พวกเขาจัดชุมนุมเป็นประจำ โดยมีเราเป็นประจักษ์พยาน”

หญิงสาวเงียบงันราวสิบวินาที

“ดิฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม”

เธอประเมินว่า ในเมื่อตนติดหนี้บุญคุณกับบุคคลปริศนานามว่าเดอะฟูล การศึกษาข้อมูลอีกฝ่ายให้มากขึ้น ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ต้องได้อยู่แล้ว เธอมีทั้งเงินทอง ความรู้ อิทธิพล และกำลังซื้อ…

ไคลน์เอนหลัง

“ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด ห้ามแพร่งพรายจนกว่าเราจะอนุญาต”

“สุดแล้วแต่ท่าน” แคทลียาขานรับไม่ลังเล

ไคลน์ใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะทองแดงยาว เสกให้ไพ่ทาโรต์ที่ยังเหลือปรากฏตรงหน้าหญิงสาวผมดำ

“สมาชิกทุกคนแทนตัวเองด้วยไพ่ทาโรต์ นี่คือใบที่ยังไม่ถูกเลือก หยิบขึ้นมาหนึ่ง”

แคทลียาชำเลือง ก่อนจะเลือกหนึ่งใบโดยปราศจากความลังเล

“เดอะเฮอร์มิท”

……………………