ราชันเร้นลับ 565 : เนตรผู้ส่องความลับ โดย Ink Stone_Fantasy
ณ ห้องกัปตันเรือ แคทลียาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะเดินตรงไปยังกระจกเงาข้างชั้นวางหนังสือ
ภายในกระจก ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ในสภาพเรียบเนียน ปราศจากรอยปริแตก ใบหูมีขนาดเท่ามนุษย์ปรกติ มิได้ยืดยาวออกเป็นแตรแต่อย่างใด ดวงตาสีม่วงเข้มยังคงสุขุม โดยรวมไม่พบความผิดปรกติอันใด
ทว่า ดวงตาแฝงความเร้นลับของแคทลียาสามารถมองเห็นได้ลึกกว่านั้น
ภายใต้ชั้นผิวหนังเรียบเนียน เธอมองเห็นดวงตาประหลาดฝังอยู่ มองเห็นความบ้าคลั่งและเจ็บปวดที่กำลังเลือนรางลง มองเห็นภาพมายาจำนวนมากกำลังแหวกว่ายรอบตัว มองเห็นลูกเรือหลายคนด้านนอกห้อง กำลังขะมักเขม้นทำความสะอาด
ทุกสรรพสิ่งรอบตัวในรัศมีหลายสิบเมตรได้ปรากฏอย่างแจ่มชัดในสายตา เพียงแต่มาในรูปแบบของความสับสนปั่นป่วน
นับตั้งแต่กลายเป็นลำดับ 5 ‘ปรมาจารย์กลุ่มดาว’ พลัง ‘ส่องความลับ’ ของเธอได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก จนสามารถมองเห็นม่านสีดำที่รายล้อมรอบตัวตลอดเวลา
หลังม่านดังกล่าว แคทลียารู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอและทุกสรรพสิ่งบนโลก
ไม่พบร่องรอยตกค้างของพลังมิสเตอร์ฟูล อีกฝ่ายมิได้ฝังอะไรไว้บนร่างกาย… เขา… ไม่สิ ท่านมีอำนาจมากพอจะดึงจิตของเราเข้าสู่ดินแดนสายหมอกโดยมิอาจขัดขืน ด้วยพลังปริศนาที่ไม่มีคำอธิบาย… เป็นพลังระดับที่คทาครึ่งเทพเทียบไม่ติดเลยสักนิด… แม้ว่าท่านจะสวมเครื่องแต่งกายทันสมัย แต่ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะด้วยพลังของตัวตนระดับนี้ ท่านต้องการให้ผู้อื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไรก็ได้…
และโดยธรรมชาติของตัวตนระดับสูง หากมนุษย์ธรรมดาจ้องมองร่างจริงด้วยตาเปล่า คงไม่แคล้วได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งคาที่…
แคทลียาจ้องตัวเองในกระจกสักพัก สมองนึกใคร่ครวญเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
สำหรับตัวตนของมิสเตอร์ฟูล เธอพอจะมีคำตอบในใจอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงการเดาสุ่มโดยปราศจากการพิสูจน์
“ถึงจะสวมทักซิโด้ แต่มิได้แปลว่าอายุน้อย ไม่จำเป็นต้องเกิดในยุคสมัยปัจจุบัน…ท่านอาจเป็นเทพบรรพกาลที่เก่าแก่ยิ่งกว่าเจ็ดเทพจารีตเสียอีก… จากความรู้ของเรา ย้อนกลับไปในยุคก่อนเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ บนโลกมีเทพบรรพกาลเพ่นพ่านมากมาย ท่านอาจเป็นหนึ่งในนั้น”
แคทลียารำพันกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังให้กระจก เดินกลับมายังจุดที่เคยนอนทุรนทุราย และก้มหยิบแว่นตาบนพื้น
หญิงสาวสวมแว่นลงบนสันจมูก เลนส์แว่นซ้อนทับกับดวงตาสีม่วงเข้ม ทันใดนั้น ภาพที่มนุษย์ไม่สมควรมองเห็นได้เลือนหายไปจากทัศนวิสัยแคทลียาโดยสมบูรณ์
ถัดมา หญิงสาวยืนครุ่นคิดว่า มิสเตอร์ฟูลและสิ่งที่เรียกว่าชุมนุมทาโรต์ จะส่งผลกระทบต่อตนอย่างไรบ้างในอนาคต
ขณะกำลังเค้นสมองนึก ภาพของบุคคลตัวสูงพลันผุดขึ้นในความทรงจำ เป็นฉากที่ตัวเธอไม่เคยลืม และไม่คิดจะลืมไปตลอดชีวิต
เสียงของบุคคลดังกล่าวดังกังวานในหัว
“จงไปซะ… ชะตาของเจ้ามิได้ขึ้นอยู่กับเรา”
ฝ่าบาท…นี่คือชะตาของดิฉันหรือคะ…
แคทลียาหลับตาลง
…
เหนือทุ่งสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังหรูหราโอ่โถง
ไคลน์ใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนขอบโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณ เสกให้ไพ่ทาโรต์เลือนหาย
มันกำลังไตร่ตรองถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากพลเรือเอกดวงดาวเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์
“หากไม่มีทางเลือกที่ีดีกว่า…เราคงต้องโดยสารไปกับเรือของ ‘เดอะเฮอร์มิท’ เพื่อแล่นออกนอกเส้นทางหลัก และเข้าสู่เขตซากสมรภูมิแห่งเทพ จากนั้นก็ดื่มโอสถพร้อมกับฟังเสียงขับขานของนางเงือก… ความจงรักภักดีภายใต้ความหวาดกลัวต่อเดอะฟูลของเธอ คงเชื่อใจได้มากกว่าเอ็ดวิน่าและสมุน…แน่นอน เรายังมีแฮงแมนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ตัวตนของพลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยความรู้และปัญญา ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชุมนุมทาโรต์อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเราก็มีความเสี่ยงตามมา นั่นคือภาพลักษณ์อันลึกลับและยิ่งใหญ่ของเดอะฟูลอาจถูกสั่นคลอน…ในอนาคต เราต้องระวังตัวมากขึ้น ห้ามมอบคำตอบส่งเดชถ้าไม่มั่นใจ ต้องหมั่นใช้ถ้อยคำคลุมเครือ หรือหากจำเป็น ก็ต้องงัดกลยุทธ์ของนักต้มตุ๋นออกมาใช้…วิธีแก้ปัญหานี้ไม่ซับซ้อน เราแค่ต้องพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเดอะฟูล ยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับตัวตน เมื่อมีขุมพลังลำดับ 5 เข้าร่วมชุมนุม รวมถึงลูกน้องมากฝีมือของเธออีกจำนวนหนึ่ง ขุมกำลังรบโดยรวมของชุมนุมทาโรต์นับว่าถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก หลังจากครอบครองคทาเทพสมุทร เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสมาชิกคนใดแข็งแกร่งกว่าตัวเองและก่อปัญหาขึ้น ได้แต่หวังว่าสักวัน พลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เราล้างแค้นปราชญ์เร้นลับสำเร็จ”
ไคลน์ถอนหายใจยาว ส่งตัวเองออกจากมิติ
…
กรุงเบ็คลันด์ ใต้มหาวิหารแซมมัว
เหยี่ยวราตรีคนหนึ่ง สวมถุงมือสีแดง กำลังเดินถือกระดาษโทรเลขเข้าไปในห้องที่ถูกจัดสรรให้เป็นสำนักงานชั่วคราวของหน่วย
“หัวหน้า มีเหตุการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้นในท่าเรือเอ็นมาร์ท”
มันกล่าวกับโซสต์ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ด้วยท่าทางตื่นเต้นเจือจาง
โซสต์ลูบจอนข้างขวาของตน
“เล่ามา”
“เป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับเดอะฟูล ที่ชุมนุมแสงเหนือเคยประกาศตามล่าตัวสาวกครับ” สมาชิกทีมยื่นกระดาษโทรเลขให้
คำตอบดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจจากสมาชิกถุงมือแดงทุกคนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่บุคคลบนเก้าอี้ตรงมุม ที่กำลังนั่งเหยียดขาพาดบนโต๊ะพร้อมกับงีบโดยใช้หมวกปิดหน้า เป็นชายผมกระเซิงเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกต
โซสต์รับโทรเลขไปอ่านด้วยรอยยิ้ม
“มิจฉาชีพคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูลและพยายามล่อลวงหญิงสาว แต่หลังจากเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลจบ สายฟ้าได้ผ่าลงกึ่งกลางศีรษะทันที ส่งผลให้ตายคาที่ หืม… ดูเหมือนว่า ตัวตนลึกลับเจ้าของนามเดอะฟูลจะมีอยู่จริงสินะ…”
แฟ้มเอกสารเกี่ยวกับคดีพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองครั้ง รวมถึงข่าวคราวการตามล่าสาวกเดอะฟูลของชุมนุมแสงเหนือ ถูกรวบรวมและส่งมาอยู่ภายใต้การดูแลของทีมถุงมือแดงที่มีโซสต์เป็นหัวหน้าหน่วย
แต่เนื่องจากไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมเป็นเวลานาน และถุงมือแดงก็ยังมีงานอื่นให้ทำอีกมาก การสืบสวนจึงไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย
“เดอะฟูลมีพลังในขอบเขตสายฟ้า?”
เลียวนาร์ด·มิเชลเลื่อนมือหยิบหมวกสีดำออกจากใบหน้า
“ก็ไม่แน่… หากเดอะฟูลเป็นสหายเก่าของพวกเราจริง การเตรียมอุปกรณ์ไว้ตบตาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก บนโลกนี้มีสมบัติวิเศษและสมบัติปิดผนึกมากมาย อีกฝ่ายอาจเตรียมการเอาไว้เพื่อหลอกให้เราสับสน… เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นหนแรก บรรดาเทพกำมะลอบนทวีปใต้และเกาะอาณานิคมล้วนเคยทำมาแล้ว… แล้วก็… หึหึ… มิจฉาชีพโง่เขลารายนั้นกุเรื่องว่าเดอะฟูลคือร่างจุติของเทพวายุสลาตัน บางที นั่นอาจเป็นสาเหตุที่มันโดยสายฟ้า…”
โซสต์กล่าวพลางโยนโทรเลขลงบนโต๊ะ
เลียวนาร์ดลดขาลงและชำเลืองอ่าน
“พวกเราจะไม่สืบสวนจริงหรือ”
“สืบยังไง? หรือคุณจะเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลเพื่อรอดูการตอบสนอง?”
โซสต์ประชดประชัน
จริงอยู่ การทำแบบนั้นคงได้พบร่องรอยของเดอะฟูลเพิ่มเติมแน่ แต่ตัวเราก็คงต้องบอกลาโลกนี้ไปพร้อมกัน… การย่อยโอสถของเรากำลังไปได้สวย ใกล้จะเลื่อนลำดับแล้ว และยังมีอีกหลายลำดับให้พัฒนา ไม่มีเหตุให้ต้องรีบเข้าเฝ้าเทพธิดาก่อนวัยอันควร…
เลียวนาร์ดครุ่นคิดพลางสางเส้นผมที่ไม่เรียบร้อย
“ใช้นักโทษประหารทดสอบไม่ได้หรือ”
“อีกฝ่ายก็แค่ไม่ตอบสนอง” โซสต์ส่ายหน้า
“ถ้าถามผม พวกเราควรเริ่มสืบจากคดีไพ่ทาโรต์ทั้งสอง ด้วยเหตุผลรองรับจำนวนสองข้อ หนึ่ง เดอะฟูลคือไพ่ใบสำคัญของสำรับไพ่ทาโรต์ และสอง ชุมนุมแสงเหนือประกาศตามล่าตัวสาวกของเดอะฟูล หากยังจำกันได้ คดีไพ่ทาโรต์ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับลาเนวุส ในคราวนั้น แผนการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงมีอันต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า”
เลียวนาร์ดจัดระเบียบเสื้อกั๊กสีดำพลางอธิบายฉะฉาน
โซสต์ครุ่นคิด
“ในเมื่อพวกเรากำลังว่าง คุณรับหน้าที่ตรวจสอบพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองคดีก็แล้วกัน”
“ตกลงครับ” เลียวนาร์ดยิ้ม
นั่นคือสิ่งที่มันต้องการ เพราะถึงจะสืบหาตัวตนของเดอะฟูลไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิอย่างแน่นอน จึงไม่มีคดีใดเหมาะแก่การอู้งานไปมากกว่านี้อีกแล้ว
…
บ่ายสองห้าสิบ ฟอร์สเดินตัวสั่นกลับมาจากถนนที่มีอากาศเย็นเฉียบ
ไม่ใช่เพราะเธอมีงานอดิเรกชอบออกไปรับอากาศเปียกชื้นและหนาวเหน็บด้านนอก เพียงแต่ว่า เสบียงของบ้านเกิดหมดเกลี้ยงโดยสมบูรณ์ ส่วนซิลกำลังอยู่ระหว่างภารกิจตามล่าอาชญากรแถวเมืองท่าพริสต์ เมื่อรวมกับเวลาที่ต้องรอรับเงินค่าหัว ฟอร์สจึงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะกลับมาตอนไหน
“เธอมักไล่ล่าอาชญากรอยู่เสมอ นับเป็นการลงโทษผู้กระทำผิดทางหนึ่ง จะเรียกว่ากำลังสวมบทบาทก็คงไม่ผิดนัก…”
ฟอร์สในสภาพถือถุงกระดาษสีน้ำตาลพะรุงพะรัง ใช้มือข้างหนึ่งล้วงกุญแจ เปิดกล่องจดหมาย และหยิบสิ่งของด้านในติดมือออกมา
เมื่อเข้ามาภายในบ้าน หญิงสาววางอาหารไว้ตรงมุมหนึ่ง ก่อนจะถอดโค้ทขนสัตว์ตัวหนา และรีบหยิบจดหมายขึ้นมาไล่อ่าน
ทันใดนั้น ดวงตาของฟอร์สพลันลุกวาวอย่างมีความสุข เนื่องจากหนึ่งในจดหมายมาจากอาจารย์ของเธอ โดเรียน·เกรย์
หลังจากเลื่อนลำดับเป็นนักตุกติก ฟอร์สเขียนจดหมายถึงอาจารย์เพื่อเล่าความสำเร็จทันที โดยหวังจะได้รับคำชมเชยและการชี้แนะเพิ่มเติม แต่ผ่านไปเป็นเวลานาน การติดต่อจากอีกฝ่ายกลับขาดหาย จนกระทั่งฟอร์สเริ่มกังวล และวางแผนแวะไปยังท่าเรือพริสต์เพื่อตรวจสอบ
เมื่อแกะซองออก เธอรีบกวาดตาอ่าน
“…ต้องขอโทษด้วยที่เพิ่งเขียนจดหมายตอบเอาป่านนี้ ผมติดธุระด่วน ต้องเดินทางออกจากพริสต์เพื่อร่วมงานศพของญาติ …ผมดีใจมากที่ได้ทราบว่าคุณมีพรสวรรค์มากเช่นนี้ คงเป็นเพราะแต่งนิยายได้เก่งกาจ จึงตีความเทคนิคสวมบทบาทได้แตกฉาน… หากคุณย่อยโอสถนักตุกติกเสร็จเมื่อไร ผมจะมอบสูตรโอสถลำดับ 7 ‘โหราจารย์’ ให้เป็นรางวัล รวมถึงวัตถุดิบบางชนิดด้วย …หลักสำคัญของนักตุกติกมีเพียงสองคำ คือ ‘การแสดง’ และ ‘ตบตา’ แต่ตบตาก็สามารถแทนที่ด้วยการ ‘หลอกลวง’ ได้เช่นกัน เรื่องนี้ถูกยืนยันจากบรรพบุรุษมาแล้วหลายชั่วอายุคน… คุณสามารถใช้ ‘นักต้มตุ๋น’ หรือ ‘นักมายากล’ เป็นแบบอย่างในการสวมบทบาทได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชื่อของโอสถถึงคล้ายกันมาก”
ฟอร์สอ่านจดหมายอย่างมีความสุข แต่ทันใดนั้นก็ต้องรีบหันไปมองนาฬิกา ตามด้วยการลนลานกลับห้องนอนและล็อกประตู
ชุมนุมทาโรต์ของสัปดาห์นี้ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
เพียงไม่นาน แสงสีแดงเข้มได้ซัดสาดใส่ร่างกายของเธอราวกับคลื่นน้ำ กลืนกินทุกสรรพสิ่งรอบตัวอย่างหมดจด
ท่ามกลางวังสายหมอก ขณะฟอร์สเตรียมหันไปมองเดอะฟูลตามปรกติ หางตาพลันชำเลืองเห็นร่างของบุคคลผู้หนึ่งบนที่นั่งด้านข้าง
เก้าอี้ตัวดังกล่าวไม่เคยมีใครนั่งมาก่อน!
สมาชิกใหม่… เป็นผู้หญิง?
เมจิกเชี่ยนกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวครึ่งรอบและหันหน้าไปทางเดอะฟูล โดยวางมาดไม่แยแสสมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่? ผู้หญิง…
ขณะมิสจัสติสกำลังจะกล่าวทักทายเดอะฟูลตามความเคยชิน เธอเริ่มสังเกตเห็นสมาชิกใหม่เช่นกัน
หญิงสาวสับสนเล็กน้อยเมื่อพบว่า สมาชิกฝ่ายหญิงได้ถูกจัดให้นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง โดยสมาชิกฝ่ายชายจะนั่งฝั่งตรงข้าม
คงเป็นความตั้งใจของมิสเตอร์ฟูล แต่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร…
สตรีฝั่งซ้าย… บุรุษฝั่งขวา… หมายความว่ามิสเตอร์ฟูลที่อยู่ตรงกลาง คือตัวตนเทพผู้ไร้เพศ? หืม… ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์เวิร์ลก็คงไร้เพศด้วยเช่นกัน หรืออาจไม่ใช่คน…
…ออเดรย์ เธอฟุ้งซ่านมากไปแล้ว!
จัสติสรีบลุกขึ้นและกล่าวด้วยเสียงร่าเริง
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”
……………………