มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 522
ตัวสำนึกของหลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังโซนในตัวของเกาเหลียนหงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ในเมื่อผู้คุมกฎเกาบรรลุแดนมกุฎยุทธ์แล้ว จะต้องผนึกรวมร่างทองฝ่าเซียงได้แน่ ช่วยแสดงให้ข้าเห็นหน่อยได้หรือไม”

การปิดขังตัวเองช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน หลัวซิวก็ได้ผนึกรวมร่างทองฝ่าเซียง โดยทำตามวิธีการของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ร่างทองฝ่าเซียงที่เขาผนึกรวมได้ถือเป็นร่างทองที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่รู้ว่าหากเทียบกับร่างทองของเกาเหลียนหงแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง

เพราะวิชายิ่งเลิศที่เกาเหลียนหงฝึกคือวิชาล่องหนไท่เสวียนที่มีรากฐานลึกซึ้ง ภายในเขตแดนเดียวกันนี้คงจะมีฝีมือร้ายกาจกว่าคนหลายๆ คนอย่างแน่นอน

“ท่านเจ้าสำนักช่วยชี้แนะด้วย”

เกาเหลียนหงยิ้มอย่างถ่อมตน พลังของเขาหมุนวนอยู่รอบกาย ปรากฏแสงเงินระยิบระยับทั่วทั้งเรือนร่าง แสงเงินที่ผนึกรวมปรากฏขึ้นเป็นภาพลวงตาอยู่ด้านหลัง

เช่นเดียวกับการที่จักรพรรดิยุทธ์เรียกเทพจิต การที่มกุฎยุทธ์เรียกร่างทองฝ่าเซียงออกมาก็คือการทำให้พลังในการรบยกระดับขึ้นสูงสุด

เนื่องด้วยการฝึกวิชาล่องหนไท่เสวียน เมื่อร่างทองฝ่าเซียงของเกาเหลียนหงปรากฏ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อบรรยากาศอย่างรุนแรงรอบด้าน

พลังแห่งการทำลายล้างฉีกกระชากบิดเบี้ยวแพร่กระจายออกไปทั่ว ต้องเป็นผู้ที่ฝึกพลังโซนเข้าสู่แดนสูงสุดแล้วถึงจะแสดงปรากฏการณ์เช่นนี้ออกมาได้

ทว่าเกาเหลียนหงยังคงห่างไกลจากการตระหนักรู้กฎดั้งเดิมอยู่มาก เพราะกฎดั้งเดิมยังคงเป็นหนึ่งในกฎขั้นสูงสุด แข็งแกร่งกว่ากฎทั่วไปหลายเท่าตัว และยากที่จะตระหนักรู้เช่นกัน

หลัวซิวคาดการณ์ว่า แม้ว่าตอนนี้เกาเหลียนหงจะฝึกตนบรรลุมกุฎยุทธ์ขั้น 1 แต่หากต้องเผชิญหน้ากับมกุฎยุทธ์ขั้น 3 ก็มีพลังเทียบเคียงกันได้ จากความเก่งกาจของพลังล่องหนไท่เสวียน ต่อให้เจอมกุฎยุทธ์ช่วงกลางขั้น 4 แม้ว่าจะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็พอรับมือได้และจะไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้

ประเด็นนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกชื่นชม ยาที่ใช้สำหรับฝึกแก่นร่างทองเม็ดนั้นไม่เสียเปล่า การที่ได้ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์มานั่งบัลลังก์ ทำให้สำนักไท่เสวียนมีความสามารถในการป้องปรามไปทั่วอาณาบริเวณ

“ผู้คุมกฎเกาบรรลุแดนมกุฎยุทธ์ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก นับเป็นมกุฎยุทธ์คนแรกของสำนักไท่เสวียนของเรา ในฐานะที่ข้าเป็นเจ้าสำนัก ข้าจะใจแคบไม่ได้”

หลัวซิวอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดีดนิ้ว แสงสีเขียวลอยหมุนวนขึ้นราวมังกร ก่อนที่จะหยุดอยู่กลางท้องฟ้า

แสงสีเขียวผนึกรวมปรากฏเป็นตราขลังอันหนึ่ง มังกรเขียวม้วนตัวทำให้เกิดพลังงานที่แข็งแกร่งกระจายตัวไปรอบๆ บรรยากาศรอบด้านเริ่มบิดเบี้ยว

เมื่อเกาเหลียนหงเห็นตราขลังมังกรเขียว ในแววตาของเขาจึงปรากฏความร้อนแรง ในตอนที่เขายังอยู่ในแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ก็ได้ตราขลังอันนี้ร่วมกับค่ายพิทักษ์เขาเทียนเหอ ทำให้มกุฎยุทธ์ถึงสองคนตายคาที่อยู่ที่ค่ายพิทักษ์เขาโดยที่เขารอดชีวิต

ทว่าตอนนี้การฝึกตนของเขาบรรลุแดนมกุฎยุทธ์แล้ว ก็จะยิ่งทำให้ตราขลังอันนี้แสดงพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากได้ตราอันนี้มาครอบครอง เมื่อบรรลุถึงขั้นมกุฎยุทธ์ช่วงปลายเมื่อไหร่จะยังมีใครเป็นคู่แข่งของเขาได้อีก?

“เจ้าสำนัก นี่มัน……ล้ำค่าเกินไป……”

แม้ว่าในใจลึกๆ ของเขาจะอยากได้ตราขลังมังกรเขียวนี้ แต่เกาเหลียนหงยังคงพยายามข่มใจเอาไว้

ตามความคิดของเขา หลัวซิวเป็นถึงเจ้าสำนักไท่เสวียน ควรจะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ป้องกันตัวเอาไว้ถึงจะเหมาะสม

“ผู้คุมกฎเกาอย่าปฏิเสธเลย แม้ว่าสำนักไท่เสวียนของพวกเราจะเพิ่งเริ่มต้น และมีรากฐานเปราะบาง แต่สมบัติเพียงชิ้นสองชิ้นยังสามารถเอาออกมาใช้ได้” หลัวซิวอมยิ้ม ตราขลังมังกรเขียวลงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเกาเหลียนหง

เมื่อเห็นรูปการณ์ดังนี้ เกาเหลียนหงจึงไม่ปฏิเสธอีก เขารับตราขลังมาด้วยสีหน้ายินดี

ในใจของหลัวซิวมีความคิดว่า ขอเพียงพลังของเกาเหลียนหงยกระดับขึ้นได้ เพียงเท่านี้ธุระหลายๆ เรื่องก็ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าสำนักอย่างเขาลงไปจัดการเองอีก

หากเกาเหลียนหงรู้ว่าในใจของหลัวซิวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงพูดไม่ออก แต่คงรู้สึกว่านี่ท่านเจ้าสำนักไม่ได้จะตกรางวัลให้ข้า แต่กำลังจะฝึกฝนเพื่อเอาข้าไปทำงานแทนต่างหาก?