ทุกคนล้วนมองไปที่ชิวซานจวิน และรอคอยคำตอบของเขา
คำตอบจะเป็นคำว่าพ่อลูกสองคำ หรือว่าจะนิ่งเงียบไม่ตอบ
ถ้านิ่งเงียบไม่ตอบ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นลูกทรพี
ไป๋ไช่อึดอัดจนหน้าแดงก่ำ เขารู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้จะต้องเจ็บปวดอย่างมากเป็นแน่
เสี่ยวซงกงมองชิวซานจวินแล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หรือว่าเจ้ากล้าลงมือกับบิดาของตนจริงๆ”
ดวงตาของผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงผู้นั้นได้เผยให้เห็นถึงความเย้ยหยันและเวทนา ใช่แล้ว ต่อให้ชิวซานจวินจะคิดวางแผนอย่างดี ตัดสินใจเด็ดขาด ในมือมีค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ และกล้าที่จะพังพินาศไปพร้อมกัน แต่ว่าเขายังจะกล้าฆ่าบิดาของตนหรือ
ชิวซานจวินนิ่งเงียบอย่างมาก และมองภูเขาที่ไกลออกไป
ผ่านไปเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ถอนสายตากลับมา มองไปยังบิดาของตน และทำความเคารพอย่างเรียบร้อย
หลังจากนั้น เขาก็พูดสองคำนั้นออกมา “พ่อลูก”
ระหว่างยอดเขา ได้มีสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน ราวกับเป็นเสียงการถอนหายใจอย่างจนใจ
สหายสามารถตัดไมตรี สหายสามารถตัดความสัมพันธ์ แต่ต่อให้เจ้าเฉือนเนื้อทั่วร่างออกมา ก็ไม่อาจตัดความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปได้ นั่นก็คือสายเลือด
ชิวซานจวินนั้นสมบูรณ์แบบ มีทั้งปัญญาและความกล้าหาญ ปฏิบัติตัวอย่างมีคุณธรรม เขาจะทำเรื่องที่อกตัญญูได้อย่างไร จะโจมตีบิดาผู้ให้กำเนิดตนได้อย่างไร
ประมุขตระกูลชิวซานมองชิวซานจวิน และพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างซับซ้อน “ผู้คนบนโลกต่างพูดกันว่าเจ้าคือสายเลือดมังกรที่หาได้ยากในรอบพันปี แล้วยังมีใครที่จำได้ว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเจ้าเป็นเลือดของตระกูลชิวซานพวกเรา ยังดีที่เจ้าไม่ได้ลืมเลือนไป”
ชิวซานจวินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาอย่างเงียบๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดวงตาของเขาจึงทำให้คนรู้สึกหวาดผวา
ไม่รู้เพราะเหตุใดประมุขตระกูลชิวซานถึงได้รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างมาก เขาไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก จึงรีบทำเวลาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าไม่อยากกลายมาเป็นลูกทรพี เช่นนั้นยังไม่รีบปลดค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่อีก”
ชิวซานจวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้น “ท่านพ่อ ท่านคงเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว”
ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ ในใจคิดว่าในเมื่อประมุขตระกูลชิวซานพูดคำว่าฟ้าดินออกมาสองคำนี้ เจ้าก็ตอบรับด้วยคำว่าพ่อลูก ก็รู้ได้ว่าไม่อาจจะต่อต้านสัจธรรมของสองคำนี้ไปได้ หรือว่ายังจะมีวิธีการอื่นอีก
ชิวซานจวินมองไปที่ประมุขตระกูลชิวซานแล้วถามขึ้น “บิดาเมตตาบุตรกตัญญู แต่ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าท่านควรจะรักและปกป้องลูกหรือ”
สีหน้าของประมุขตระกูลชิวซานค่อนข้างจะดูไม่ได้ และตวาดขึ้นมา “นี่เป็นคำพูดเหลวไหลจากไหนกัน!”
ทุกคนล้วนรู้กัน ถึงแม้ชิวซานจวินจะเรียนกระบี่อยู่ที่เขาหลีซานเป็นระยะเวลานาน แต่ประมุขตระกูลชิวซานก็ให้ความสำคัญกับเขาราวกับสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าชิวซานจวินจะมีคำร้องขออะไร ประมุขตระกูลชิวซานก็ล้วนทำตามทั้งสิ้น ตระกูลชิวซานในหลายปีมานี้เองก็ดูแลศิษย์เขาหลีซานอย่างมาก หากพูดถึงคำว่ารักและปกป้อง ประมุขตระกูลชิวซานในฐานะบิดาแล้วก็ถือว่าทำได้สมบูรณ์แบบอย่างมาก
ชิวซานจวินมองบิดาของตนแล้วพูดต่อ “ใช่ หลายปีมานี้ท่านได้จัดการเรื่องราวมากมายแทนข้า ช่วยข้าเตรียมการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้ามาที่เขาหลีซานในปีนั้น หรือการที่ให้ข้าได้บังเอิญเจอกับอาจารย์ปู่เล็กบนภูเขา ถ้าหากพัฒนาไปตามการเตรียมการของท่าน ในอนาคตพรรคกระบี่เขาหลีซานจะต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน บางทีพรรคฉางเซิงเองก็จะกลายมาเป็นของข้า เช่นนั้นข้าก็จะกลายไปเป็นนักปราชญ์ที่อายุน้อยที่สุด ถ้าหากข้าสามารถแต่งงานกับศิษย์น้องสวีได้ เช่นนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นคู่สามีภรรยาเหมือนจักรพรรดิขาวในยุคถัดไป และโลกมนุษย์หลังจากที่เหนือใต้ร่วมมือกัน…บางทีก็อาจจะกลายมาเป็นของพวกข้า เพื่อสิ่งนี้ท่านถึงได้อาศัยจังหวะในตอนที่ข้าไปแย่งชิงกุญแจของสวนโจว พูดให้ผู้อาวุโสทั้งหลายของเทียนหนานไปทำการสู่ขอที่จิงตู และท่านก็รู้ดีว่าศิษย์น้องสวียังไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะแต่งงานกับข้า ที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่รู้ว่าท่านใช้วิธีการอะไรในการเกลี้ยกล่อมเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ และขอให้เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ส่งตัวศิษย์น้องสวีออกจากสถานศึกษาหนานซีในตอนนั้น ใช่แล้ว ท่านเคยทำอะไรให้ข้ามากมาย เช่นนี้แล้วจะไม่รักข้าได้อย่างไร”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่แสนยืดยาวนี้จนจบ ยอดเขาเขาหลีซานก็นิ่งเงียบไร้สุ้มเสียงอีกครั้ง
คำพูดนี้ของชิซานจวินช่างแข็งกร้าว ตรงไปตรงมา และเปิดเผยอย่างมาก แต่เรื่องที่พูดช่างกลับกันอย่างสิ้นเชิง
สีหน้าของประมุขตระกูลชิวซานยิ่งดูไม่ได้เขาไปใหญ่ “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”
ชิวซานจวินพูดขึ้น “ที่ข้าอยากจะพูดก็คือ ยิ่งท่านพ่อรักข้า ทำเพื่อข้ามากเท่าไหร่ ในวันนี้พวกท่านก็ยิ่งไม่มีโอกาสที่จะทำได้สำเร็จมากขึ้นเท่านั้น กลับกัน ข้าต้องขอบคุณที่ท่านมาเขาหลีซานในวันนี้ ช่วยเหลือให้ข้ายุติความวุ่นวายในครั้งนี้ เพราะว่าต่อจากนี้ บางทีท่านพ่อควรจะทำตามความต้องการของข้าแล้ว”
ประมุขตระกูลชิวซานโมโหจนตัวสั่น จึงตวาดขึ้น “เจ้าลูกทรพี! หรือว่าเจ้ากล้าลงมือกับข้าจริงๆ!”
“ลูกไม่กล้า” ชิวซานจวินตอบอย่างสงบ หลังจากนั้นก็ชักกระบี่เกล็ดมัจฉาทวนแสงออกจากฝัก
แสงกระบี่สายหนึ่งส่องประกายขึ้นบนยอดเขา ราวกับเป็นมังกรที่ยื่นหัวออกมาจากหมู่เมฆ และส่องประกายออกมา
อยู่ๆ ประมุขตระกูลชิวซานก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สีหน้าจึงเปลี่ยนไป และรีบร้องตะโกนขึ้นมา “รีบห้ามเขาเอาไว้! เก็บกระบี่ของเขา!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนี้ สีหน้าของผู้ติดตามตระกูลชิวซานก็เคร่งเครียดขึ้นมา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ในที่สุดทุกคนก็ได้ยืนยันแล้วว่าผู้ติดตามที่มีระดับพลังลึกล้ำยากจะหยั่งถึงผู้นี้แข็งแกร่งอย่างหาใดเปรียบจริงๆ ขอเพียงแค่ให้เวลากับเขา ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ที่เหลืออยู่นี่ได้จริงๆ!
ไป๋ไช่และเหล่าศิษย์เขาหลีซานไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่คิดจะทำอะไร เมื่อได้ยินคำพูดของประมุขตระกูลชิวซาน จิตใต้สำนึกก็สั่งให้ถือกระบี่ไปที่ด้านหน้า และกระจายกันไปที่ด้านหน้าของถ้ำพำนัก
แสงกระบี่เต็มไปหมด เหล่าศิษย์เขาหลีซานได้ตั้งค่ายกลขึ้นมา และปกป้องชิวซานจวินไว้ที่ด้านหลัง
ผู้ติดตามของตระกูลชิวซานพูดนั้นไม่สามารถห้ามชิวซานจวินเอาไว้ได้
ไม่ใช่เพราะค่ายกลกระบี่ที่เหล่าศิษย์เขาหลีซานพวกนี้ตั้งขึ้นอย่างลวกๆ แล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าที่ด้านหน้าของถ้ำพำนักมีค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่อยู่ แต่เป็นเพียงเพราะชิวซานจวินนั้นรวดเร็วเกินไป
ก่อนที่ชิวซานจวินจะลงมือ ดูเหมือนว่าไม่ได้ผ่านการครุ่นคิดใดๆ ไม่ได้มีการคำนึงถึงผลประโยชน์ใดๆ ไม่มีเจตจำนงกระบี่ใดที่ร่ำร้องขึ้นมา ก็เหมือนกับการที่ได้เห็นเด็กเล็กกำลังเล่นกันที่ข้างบ่อแล้วเกือบจะตกลงไป แน่นอนว่าจะยื่นมือไปจับเอาไว้ กระบี่เช่นนี้ทำให้คนรู้สึกว่าไม่ได้เร็วมากนัก แต่กลับรวดเร็วอย่างมาก และดูสมเหตุสมผล ไหนเลยจะมีคนสามารถไปขวางเอาไว้ได้
เสียงดังฉึกได้ดังขึ้นเบาๆ
กระบี่เกล็ดมัจฉาทวนแสง…ได้แทงเข้าไปในอกของเขา หลังจากนั้นก็ทะลุออกมา!
ตัวกระบี่ได้ถูกยอมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ไม่ได้ส่องประกายเมื่อกับตอนก่อนหน้าอีกแล้ว แต่กลับสะดุดตาอย่างมาก ราวกับดอกไม้ป่าแรกแย้ม
ยอดเขาของเขาหลีซานเงียบเป็นเป่าสาก
ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมดแล้ว
ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาเลย มีเพียงเสียงสายลมพัดผ่านภูเขาอย่างแผ่วเบา
ในตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจในเสียงของสายลมสายนี้ ว่าไม่ใช่เสียงถอนหายใจอย่างจนใจ แต่เป็นเสียงชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไป๋ไช่ร้องขึ้นมาเสียงดัง เขารีบวิ่งกลับไปที่ข้างกายของชิวซานจวิน และพยุงตัวเขาที่โซเซใกล้ล้ม
ใบหน้าของชิวซานจวินซีดขาว แต่สีหน้ากลับยังคงสงบอยู่ เลือดสดๆ อาบย้อมไปครึ่งร่าง กระบี่ปักคาอก
กระบี่ของเขารวดเร็ว หนักแน่น และก็แม่นยำอย่างมาก มันแทงทะลุร่างออกไป แต่กลับไม่ถูกหัวใจ
ขอเพียงแค่กระบี่ของเขาขยับอีกเล็กน้อย เขาก็คงตายไปแล้ว
ในที่สุดประมุขตระกูลชิวซานก็เข้าใจแล้ว สีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดขาวขึ้นมา ซีดขาวยิ่งกว่าชิวซานจวินเสียอีก
เพื่อชิวซานจวิน ตระกูลชิวซานจ่ายค่าตอบแทนไปมากมาย ทำอะไรลงไปมากมาย และเตรียมการมาเป็นเวลานาน
ถ้าหากนี่เป็นการลงทุน ก็ไม่มีทางยอมให้ล้มเหลว แต่ถ้าชิวซานจวินตายไปแล้ว ทั้งหมดก็ล้วนสูญสิ้น
ถ้าหากนี่ไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นความรัก เขาจะทนมองลูกของตนตายไปได้อย่างไร
ฟ้าดิน หลังจากนั้นคือพ่อลูก
นี่เป็นสัจธรรมของธรรมชาติ นี่เป็นสัจธรรมของมนุษย์
ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้
ใช่ ก็เป็นเช่นนี้
แต่ที่ชิวซานจวินพูดคำสองคำว่าพ่อลูกก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะถูกสายเลือดและความรู้สึกของครอบครัวรบกวน กลับกัน เขาสามารถสวนบิดาของตนได้ด้วยสิ่งนี้ ในเมื่อประมุขตระกูลชิวซานสามารถใช้ฐานะของบิดามาร้องขอให้เขาละทิ้งอะไร เช่นนั้นแน่นอนว่าตนสามารถใช้ชีวิตของบุตรร้องขอให้เขาละทิ้งอะไรบางอย่างได้
บิดาเมตตาบุตรกตัญญู
บุตรก็เหมือนกับบิดาของตน
เรื่องก็เป็นเช่นนี้
เช่นนี้แล