บทที่ 409 เห็นคุณพูดถึงพริกถึงขิง

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เธอขมวดคิ้วเดินเข้าไป นาโนก็ยัดมือถือบนฝ่ามือเธอ ตอนนี้ยู่ยี่เข้าใจแล้ว

“กินข้าวเย็นหรือยัง?” เสียงอ่อนโยนของฉันทัชลอยเข้าหู

“กินแล้วค่ะ คุณล่ะ?” ยู่ยี่เดินอ้อมนาโนที่ตบโซฟาเสียงดัง แล้วไปยืนตรงหน้าต่าง ซึ่งเว้นระยะห่างกับเพื่อนพอสมควร

เขาพยักหน้าขานรับ จากนั้นก็ถามอีกว่า“ตอนบ่ายคุณอยู่กับเขาหรือ?”

ยู่ยี่ไม่เข้าใจ“ใคร?”

“คุณหัสดิน” เสียงฉันทัชเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากเอ่ยถึงชื่อนี้มากนัก

จากนั้นยู่ยี่ก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงใคร ถามด้วยความประหลาดใจว่า“คุณรู้ได้ยังไงคะ?”

เขาอธิบายเสียงเรียบ“ตอนบ่ายผมโทรหาคุณ แต่เขารับสาย……”

ตอนแรกยู่ยี่ชะงักงัน จากนั้นก็เกิดเพลิงโกรธขึ้นในใจ เขามีสิทธิ์อะไรมารับสายของเธอ?

“บริษัทส่งฉันไปเซ็นสัญญาค่ะ ฉันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเขา เขาน่าจะรับสายตอนฉันไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เธออธิบายอย่างหงุดหงิด

ทางฉันทัชยกมุมปากโค้งขึ้น จากนั้นก็พูดว่า“ท่าทางของคุณเมินเฉยกับผมเกินไปหรือเปล่า?”

เมินเฉยเหรอ ยู่ยี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ กุมมือถือไว้แน่น

“ทุกครั้งที่เจอกัน ผมเป็นฝ่ายโทรหาคุณตลอด คุณไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาผมก่อนเลย จริงอยู่ที่ผู้ชายคนเป็นฝ่ายรุก แต่ถ้าผู้หญิงไม่ใส่ใจเลยก็จะส่องสัญญาณอย่างหนึ่งให้ผู้ชาย คุณเข้าใจไหม?”

มุมปากยู่ยี่ยกยิ้มเบา ๆ ใบหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย“คุณกำลังบ่นฉันอยู่?”

“ใช่” เขายอมรับตรง ๆ อย่างผิดปกติ

หัวใจยู่ยี่เริ่มเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ขอแค่เป็นเขา ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือคุยในสาย หัวใจเธอก็จะเต้นไม่เป็นส่ำตลอด

ครุ่นคิดชั่วครู่ เธอพูดว่า“ฉันจะแก้ไขด้านนี้”

แม้จะมีสายกั้นระหว่างกัน ทว่ายู่ยี่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันมีเสน่ห์ของเขาอย่างชัดเจน“ผมรอคอยพฤติกรรมดีเด่นจากคุณมาก……”

วางสายเสร็จ เธอนั่งอยู่ด้านข้างนาโน นาโนจับคางเธอพลันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หยอกว่าไปพูดคำหวานอะไรมา ทำไมหน้าแดงอย่างนี้

ยู่ยี่จับใบหน้าตัวเองอย่างประหม่า บอกนาโนว่า เวลาคุยกับเขาแล้วเธอมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ

นาโนทำตาขวางใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“มีอะไรน่าแปลก ผู้ชายคนนั้นมีเสน่ห์มาก ผู้หญิงคนไหนหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นบ้าง?”

ยู่ยี่คิดใคร่ครวญดูแล้วก็รู้สึกว่าถูก นาโนพูดมีเหตุผล ไม่ใช่เพราะเธอหน้าบาง แต่เป็นเพราะกลิ่นอายบุรุษเพศของเขาเร่าร้อนเกินไป

……

เรนนี่ได้รับสายจากเนเน่

เนเน่บอกว่าตอนบ่ายเธอเดินทางผ่านหอชาวังแล้วบังเอิญเจอหัสดินกับยู่ยี่นั่งอยู่ตรงนั่นด้วยกัน

พึ่งได้ยิน หัวใจของเรนนี่ก็เต้นรัวแรงนิด ๆ ทว่ายังถือว่าปกติ

จากนั้นเนเน่เล่าต่อว่า แต่เหมือนพวกเขาสองคนเหมือนกำลังคุยเรื่องงานอยู่ เซ็นสัญญาอะไรประมาณนี้ ยังมีผู้ช่วยอยู่ด้านข้างด้วย

จากนั้นหัวใจของเรนนี่ก็ปกติสงบสุขอย่างแท้จริง

วางสาย เรนนี่ดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว แล้วเอาผ้าคลุมไหล่ลง ผู้หญิงสวยเป็นตัวอันตรายจริง ๆ

เมื่อผู้หญิงที่อยู่กับเขาคือยู่ยี่ งั้นยู่ยี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ แค่พบปะกันเรื่องงาน มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

เธอยังคงมั่นใจตัวเองหลายส่วน……

หัสดินกลับถึงบ้าน เรนนี่เตรียมอาหารที่เขาชอบที่สุด และยังมีน้ำแกงด้วย แน่นอน ต้องซื้อมาจากโรงแรมอยู่แล้ว ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารค่ำพร้อมกัน

จากนั้นก็เปิดโทรทัศน์ออก ซึ่งกำลังรายงานข่าวสดอยู่ หัสดินพิงอยู่บนตักเรนนี่อย่างขี้เกียจ ส่วนเธอก็ช่วยเขานวดผ่อนคลาย

เรนนี่มีมารยาทหญิงร้อยเล่มพันเกวียน หนึ่งในวิธีนั้นก็คือให้ผู้ชายรู้สึกสบาย และที่สำคัญต้องทำตัวลี้ลับน่าค้นหา แปลกหูแปลกตาตลอดเวลา

ซึ่งหัสดินก็ชอบที่เรนนี่นวดมาก มันทำให้เขารู้สึกสบาย ผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด

เช้าวันต่อมา หัสดินไปทำงาน ส่วนเรนนี่ลางาน ไม่ได้ไปบริษัท

เธอรู้สึกว่ายู่ยี่ไม่ได้หมดรัก เธอต้องไปแทงหัวใจอีกฝ่ายแรง ๆ อีกครั้ง

การแทงครั้งนี้ ต้องให้อีกฝ่ายตายใจ และต้องทำให้เกลียดหัสดินเข้ากระดูก สิ่งที่เรนนี่ต้องการคือ ทั้งสองคนกลายเป็นศัตรูกัน

ยู่ยี่กำลังทำงานก็ถูกผู้จัดการจ้องราวกับผึ้งจ้องดอกไม้ก็ไม่ปาน เขายิ้มตาหยีพร้อมกับเรียกยู่ยี่ไม่หยุดปาก

คนที่รู้สนกลในก็จะเข้าใจว่าปลื้มที่เธอเซ็นสัญญามาได้ หากไม่รู้ก็อาจคิดว่าเธอเป็นเด็กของผู้จัดการ

ยู่ยี่ได้ยินเสียงเรียกแล้วขนลุกชัน ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว

เธอได้รับสายจากเคาน์เตอร์ บอกว่ามีคนมาหา ซึ่งยู่ยี่ไม่ได้ลุกขึ้นไปหา แค่บอกให้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์แจ้งชื่อคนที่มาหา

ผลปรากฏว่า เมื่อพนักงานแจ้งบอกว่าชื่อเรนนี่ ยู่ยี่ก็รีบวางสายทิ้ง

เธอคิดว่าตัวเองแสดงท่าทีแจ่มแจ้งพอแล้ว พนักงานเคาน์เตอร์ต้องรับรู้แน่ ดังนั้นพนักงานน่าจะจัดการได้เหมาะสม

ทว่าสิ่งที่เหนือการคาดหมายคือ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นพนักงานเคาน์เตอร์พาเรนนี่เข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และเรนนี่ก็ส่งยิ้มละมุนมาให้เธอ

ยู่ยี่ปาปากกาใส่บนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เดินออกห้องทำงาน และเรนนี่ก็เดินตามหลัง

พวกเธอไม่ได้เดินออกบริษัท ไม่ได้ไปที่ร้านกาแฟ ยู่ยี่แค่ไปซื้อกาแฟที่ห้องโถงให้ตัวเองดื่ม

เรนนี่นั่งตรงหน้าเธอ ยกน้ำอุ่นขึ้นมาดื่ม และพูดเปิดประเด็นว่า “อันที่จริงเธอไม่ต้องมีอคติกับฉันก็ได้ ถ้าชีวิตคู่ของเธอกับเขาแน่นแฟ้นกัน คงไม่มีที่ให้ฉันเข้าแทรกหรอก”

“พูดต่อสิ” ยู่ยี่ฟังต่อ ทว่าสีหน้ากลับไม่อินังขังขอบ นั่งไขว่ห้างอยู่อย่างนั้น

“ชีวิตคู่ของเธอกับเขา เขามีความผิด และที่จริงเธอก็มีความผิดด้วย ครั้งแรกที่เธอเห็นพวกเราขึ้นเตียง ต้องไม่ถือสาจริง ๆ แต่เธอแค่พูดลอย ๆ เวลาไม่สบายใจก็พูดแทงใจดำเขา เธอรู้สึกไม่ดีก็จะทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขด้วย แม้คนนิสัยดีก็ถูกเธอทำให้อารมณ์เสียได้ ซึ่งไม่ได้พูดถึงคนอย่างเขาเลย”

“ยู่ยี่อย่างฉันไม่มีความจำเป็นต้องฟังเมียน้อยเป็นนักวิเคราะห์ ไม่มีธุระอะไรก็ไสหัวไป”

เรนนี่ถอนหายใจเบา ๆ“มีช่วงหนึ่งที่เขาไม่ได้ขึ้นเตียงกับเธอ เธอไม่แปลกใจบ้างเหรอ เพราะเขาเบื่อหน่ายกับชีวิตแต่งงานกับพวกเธอแล้วไง เขาไม่มีความสุข มีแต่ความรู้สึกเหนื่อย และบวกกับเธอใส่ชุดนอนรุงรังแบบนั้น ร่างกายอวบบวมดูไม่ได้ ใบหน้ายังมีฝ้ากระจากการตั้งครรภ์อีก ทำข้าวเย็นเสร็จก็ไม่อาบน้ำ ร่างกายมีกลิ่นฉุนในครัว ผู้ชายจะมีอารมณ์ทำกับเธอได้ยังไง”

ยู่ยี่หรี่ตามองอีกฝ่าย“หัสดินพูดให้เธอฟังเหรอ?”

“ใช่ แน่นอน ไม่งั้นคืนเหล่านั้น เขาคงไม่ทำกับฉันหรอก” เรนนี่ถือแก้วน้ำเล่น

“ฉันได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว และเป้าหมายของเธอก็ลุล่วงแล้ว ออกไปซะ” เธอไม่ได้ตอบสนอง ใบหน้าเรียบเฉย เงียบสงบ

ทว่าหัวใจกลับอัดอั้น ยุ่งเหยิง คิก ๆ ๆ เมื่อก่อนหัสดินพูดถึงเธออย่างนี้ต่อหน้าเมียน้อยเหรอ

หุ่นไม่ดี ใบหน้ายังมีฝ้ากระ ปล่อยตัว บนตัวมีกลิ่นฉุนกับข้าว จึงไม่มีอารมณ์ขึ้นเตียงด้วย ……

เธอคิดว่าชีวิตแต่งงานของตัวเองแค่มีมือที่สามเข้ามาทำลาย ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่า เขารังเกียจเดือดฉันท์เธอถึงปานนี้

เธอกำลังคิดว่า หากตอนนั้นเธอเลี้ยงหมาหนึ่งตัว แล้วทำหมี่ให้หมากิน หมาก็จะสะบัดหาง ออดอ้อนเธอ มาเลียมือเธอเล่น

แต่เมื่อทำให้เขากิน กลับถูกเขาวิจารณ์ซะเละเลย……

ยู่ยี่อยากหัวเราะ อยากหัวเราะเสียงดังแบบแดกดัน ตลกมาก ตลกชะมัด

เธอรู้สึกเศร้ามาก เรียนทำอาหารตั้งนาน ทำอย่างเต็มใจ ตั้งใจ มีความสุข และรอคอย สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ……

เป็นปฏิกิริยาที่ต่างจากเรนนี่คาดการณ์ เรนนี่คิดว่าเธอจะเสียใจ อมทุกข์ โวยวาย ซึ่งไม่ใช่อย่างที่เห็นนี้

“เป้าหมายที่เธอมาบอกฉันก็เพราะอยากให้ฉันตายใจ เกลียดเขาเข้ากระดูก แต่เธออย่าลืมนะ ถ้าตอนนั้นฉันไม่ใช่เป็นฝ่ายหย่า ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ยืนจุดนี้ มีเวลามาบอกฉัน ไม่สู้เตรียมตัวรับมือว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยบนตัวเธอจะดีกว่า เธอควรไปทำรีแพร์ด้วยนะ เพราะเขาอาจจะมีหมื่นเหตุผลรังเกียจเธอ ไม่ทำกับเธอ สำหรับฉันแล้ว หัสดินไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว เขาดีกับฉันมาก และเรื่องบนเตียงพวกเราก็เข้ากันได้ดีมาก กลับไปเถอะ วันหน้าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ถ้าเป็นไปได้ เธอก็ควบคุมหัสดินอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าด้วย ขอบคุณมาก”

กล่าวจบ ยู่ยี่ลุกขึ้นแล้วหมุนกายจากไป ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าฉันทัชจะยืนอยู่ด้านหลัง

ในสมองมีถ้วยคำที่ตนพึ่งเอ่ยลอยขึ้นมา จากนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อ อดกระแอมเสียงไม่ได้

คล้ายกับว่า สิ่งที่ควรพูด ไม่ควรพูด คำหยาบ คำไม่สุภาพ เธอล้วนพูดหมดแล้ว……

ฉันทัชสวมเสื้อกันหนาว ใบหน้าอ่อนโยน ริมฝีปากงามยกโค้งขึ้น พลางจ้องมองเธอ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เปล่งประกายด้วยแสงระยิบระยับ

ยู่ยี่“……”

เรนนี่ก็เห็นผู้ชายที่รวบรวมข้อดีทั้งหมดไว้กับตัว และเห็นเขากำลังยิ้ม หัวใจเธอก็เริ่มเต้นตึกตักขึ้นมา

เธอไม่รู้ว่าเขามานานหรือยัง ไม่รู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนาของพวกเธอมากแค่ไหน

ซึ่งสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยก็คือ เวลานี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนตัวเองเป็นตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น……

“ทำไมคุณไม่ส่งเสียงเลย” อุณหภูมิบนใบหน้ายู่ยี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ากลับแกล้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน

“ผมฟังคุณพูดถึงพริกถึงขิงมาก เลยไม่อยากรบกวน” เขาพูดในขณะที่ก้าวเท้าเรียวยาวมาด้านหน้าหลายก้าว จากนั้นก็โอบกอดเธอ

“……”ยู่ยี่

แสดงว่าได้ยินหมดแล้ว เธออยากเอามือบังหน้าจัง

แต่ต่อหน้าเรนนี่เธอจึงหัวเราะออกมา เงยหน้าขึ้นนิด ๆ พลางจ้องมองเขา “ฉันพูดเก่งไหมคะ?”

“เก่งมาก……” ฉันทัชยกมุมปากโค้งขึ้นกว่าเดิม ไม่อาจกลั้นรอยยิ้มได้เลย เพราะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เรนนี่ก็ไม่อาจอยู่ต่อได้ เธอหมุนกายเดินจากไป และยังกวาดสายตามองฉันทัชอีกด้วย

จากนั้นยู่ยี่ก็มองหน้าเขา“เอ่อคือว่า คำที่ฉันพูดเมื่อกี้”

ดวงตาดำขลับคล้ายกับน้ำหมึกตัดบทเธอ เสียงอ่อนนุ่มราวกับน้ำและเจือรอยยิ้มเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่เลวเลย ผมชอบฟัง”