บทที่ 2081+2082

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2081 งานเลี้ยงผกาเซียน 2

ผู้คนนับไม่ถ้วนมองไปที่จักรพรรดิเซียน จักรพรรดิเซียนกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง

“ทุกท่านอย่าได้กังวลไปเลย ในเมื่อแม่นางผู้นั้นรับปากเราแล้วว่าจะมา ก็ต้องมาแน่นอน บางทีนางอาจมีธุระติดพัน จึงมาสายสักหน่อยก็ได้”

บางคนหัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างอดไว้ไม่อยู่

“หรือว่าคนลึกลับหน้ากากผีผู้นั้นจะไม่กล้ามาแล้ว?!”

“นี่ก็อาจเป็นไปได้! นางคงคิดว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ที่นี่ ดังนั้นนางจึงหวาดกลัว…”

“ดูเหมือนคนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้ก็ไม่เท่าไหร่นี่ ปกติแล้วชอบทำตัวลึกลับซับซ้อน แต่พอถึงยามคับขันจริงๆ ขึ้นมาก็หัวหด”

“เฮอะ ต่อให้นางไม่หัวหด ก็เป็นตัวไม่รักษาคำพูดอยู่ดี…”

ฝูงชนพากันพูดไปสารพัด ยิ่งพูดเสียงยิ่งดัง

“หึๆ…”

พลันมีเสียงหัวเราะเบาๆ สายหนึ่งแว่วมาจากฟากฟ้า เสียงหัวเราะปานกระดิ่งหยก เยือกเย็นเสนาะหู

เริ่มแรกเสียงนี้ราวกับอยู่แสนไกล แต่พอเสียงหัวเราะสิ้นสุดลง สายตาฝูงชนพลันพร่าเลือน กลางอากาศเหนือแท่นหยกมีคนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า

สวมอาภรณ์แดงตัวหลวม เรือนผมยาวดำขลับดุจม่านไหม กระโปรงชุดนั้นหลวมกว้างและพลิ้วไหว ยามที่โบกสะบัดไปตามสายลม จะเผยทรวดทรงโค้งเว้าของนางออกมารางๆ ผมยาวสลวยมิได้เกล้าสูงเป็นทรงเมฆาเหินเช่นชาวเซียนทั่วไป แต่ใช้แถบแพรสีหยกเส้นหนึ่งมัดรวบไว้หลวมๆ ตรงท้ายทอย ที่จอนผมติดที่ประดับผมรูปจิ้งจอกเอาไว้ จิ้งจอกน้อยดูมีชีวิตชีวาสมจริง โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้น ดุจแฝงระลอกคลื่นไว้ รินไหลเคลื่อนคล้อยไปตามการเคลื่อนไหวของนาง

สตรีนางนี้รูปร่างดียิ่งนัก แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบง่ายทว่าเรียบหรู อีกทั้งสีแดงเพลิงก็เป็นสีที่อวดโอ้ยิ่งนัก ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วราวกับแต่งแต้มสีสันสดใสลงไปบนภาพทิวทัศน์น้ำหมึกสีขาวดำ ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้ แท่นหยกที่เดิมทียังมีเสียงเซ็งแซ่อยู่บ้างเงียบลงไปในทันที สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างของสตรีนางนี้

อย่างไรเสียแดนพ้นโศกก็เป็นแดนเซียน ลักษณะการแต่งตัวของทุกคนต่างเรียบง่ายสง่างามหรูหรา แฝงกลิ่นอายความเป็นเซียนไว้

ดังนั้นเสื้อผ้าอาภรณ์ของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีขาวหรือไม่ก็สีเขียวอ่อน เมื่อมองไปรอบๆ แล้ว ราวกับอยู่บนเขาหลูซานในละครโทรทัศน์ก็ไม่ปาน

ณ ที่แห่งนี้ก็มีสตรีอยู่ส่วนหนึ่ง พวกนางทระนงในศักดิ์ฐานะของตน อาภรณ์ที่สวมก็เป็นสีอ่อนเช่นกัน ดูสูงส่งเคร่งขรึมยิ่งนัก

แน่นอน อันว่าเหล่าสตรีล้วนแต่รักสวยรักงามกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะในงานเลี้ยงสังสรรค์เช่นนี้ ย่อมต้องไขว่คว้าหาความโดดเด่นอย่างเงียบๆ บ้างก็อยู่บนทรงผมเมฆาเหินที่เกล้าสูง บ้างก็อยู่บนเสื้อผ้าอาภรณ์ แต่งเติมเครื่องประดับสักชิ้นสองชิ้น ห้อยพู่หยกที่ยามก้าวเดินจะส่งเสียงดังติงตัง ในความสง่างามแฝงกลิ่นอายเซียนเอาไว้ และสามารถดึงดูดสายตาคนได้ยิ่งนัก

งานเลี้ยงผกาเซียนในครั้งนี้ถึงแม้มาตรฐานของแขกที่ได้รับเชิญจะเป็นซ่างเซียน แต่อย่างไรเสียสตรีที่สามารถบำเพ็ญจนบรรลุขั้นซ่างเซียนได้มีน้อยเกินไป หายากยิ่งกว่าขนหงส์เขากิเลนเสียอีก ทั่วทั้งแดนพ้นโศกมีอยู่เพียงห้านาง ซ้ำยังบำเพ็ญมากว่าห้าพันปีแล้วทั้งสิ้น

และงานเลี้ยงเช่นนี้หากว่ามีสตรีน้อยเกินไปก็ดูไม่งาม ดังนั้นจึงมีการผ่อนปรนข้อเรียกร้องในการเชื้อเชิญเซียนหญิง ขอแค่บรรลุขั้นจินเซียนก็สามารถเข้าร่วมได้แล้ว

ต่อให้เป็นเช่นนี้ เซียนหญิงที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้ก็มีไม่มากอยู่ดี รวมทั้งสิ้นสิบหกคนเท่านั้น

เซียนหญิงเหล่านี้บ้างก็งดงามเยือกเย็นบ้างก็สูงส่งทรงเกียรติ รูปโฉมล้วนโดดเด่นยิ่งนัก งดงามกันไปคนละแบบ ทั้งอวบอัดทั้งอ้อนแอ้น มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง

ในงานเลี้ยงเช่นนี้เซียนหญิงมักจะเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว ในงานเลี้ยงมีเหล่าเซียนหนุ่มมากมายเป็นฝ่ายเข้ามาห้อมล้อมพัวพันรอบกายพวกนางก่อน ส่งสายตา ‘สื่อความนัย’ ให้พวกนางอยู่เนืองๆ เซียนหญิงแทบทุกนางล้วนเป็นจุดสนใจทั้งสิ้น ในบรรดานั้นมีอยู่สองนางที่งามล้ำเลิศยิ่งเป็นจุดสนใจในมวลจุดสนใจอีกที

พวกนางก็เพลิดเพลินสุขสันต์กับความรู้สึกที่ได้เป็นจุดสนใจเช่นนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะเซียนหญิงที่เลอโฉมที่สุดสองนางนั้น ยิ่งรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนรอบตัวพวกนางอยู่

แต่ทันทีที่สตรีชุดแดงนางนี้ปรากฏตัวขึ้น ความสนใจทั้งหมดก็หันเหไปในชั่วพริบตา!

หัวใจของทุกคนเสมือนถูกค้อนทุบเข้าอย่างจัง! หัวใจเต้นแรงจนผิดเพี้ยนไปสองสามจังหวะ

————————————————————————————-

บทที่ 2082 งานเลี้ยงผกาเซียน 3

เหล่าเซียนหนุ่มที่เดิมทีคุยเล่นสนทนากับนางอย่างกระตือรือร้น บ้างก็คอยรินน้ำเทชาให้ ก็หลงลืมสิ่งที่กำลังทำอยู่ มองไปที่สตรีชุดแดงนางนั้นอย่างตะลึงงัน

มีเซียนหนุ่มคนหนึ่งเดิมทีกำลังแกะถั่วลิสงให้เซียนหญิงที่งดงามที่สุดผู้นั้นอยู่ หลังจากสตรีชุดแดงปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากเขามองดูจนเหม่อลอย จึงนำเปลือกถั่วลิสงไปใส่ไว้ในมือของเซียนหญิงที่อยู่ข้างกาย แล้วเอาเมล็ดถั่วมากินเอง…

สตรีชุดแดงนางนี้รูปร่างงดงามยิ่งนัก อำนาจก็กล้าแกร่งยิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ต้องบรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว

สิ่งเดียวที่ทำให้คนเสียดายคือ บนหน้านางสวมหน้ากากภูตผีเอาไว้ บดบังโฉมหน้านางไว้อย่างมิดชิดเผยเพียงดวงตาที่ขาวดำตัดกันชัดเจนคู่หนึ่ง ยามที่เหลือบแลเล็กน้อย ราวกับจะกระชากดวงวิญญาณคนให้หลุดลอยได้

สตรีนางนี้คือผู้ใด?! ทำไมนางถึงปรากฏตัวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้? นี่คือวรยุทธ์พิสดารอันใดกัน?

ในสมองของคนนับไม่ถ้วนมีคำถามมากมายวาบผ่าน

สตรีนางนี้มาถึงงานเลี้ยงอย่างฉิวเฉียด ยามที่นางยืนอยู่ตรงนั้น พลันมีเสียงลั่นกลองส่งสัญญาณว่าถึงยามโหย่วแล้วแว่วมาไกลๆ

สตรีนางนั้นไม่สนใจฝูงชนที่ตกตะลึงอยู่ ประสานมือไปทางจักรพรรดิเซียน

“ฝ่าบาท ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าคงมิได้มาสายกระมัง?”

จักรพรรดิเซียนลุกขึ้นเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบาน

“แน่นอน กู้ซ่างเซียนมาได้จังหวะพอดี ใครก็ได้ จัดที่นั่งสิ”

แล้วกวาดตามองเหล่าเซียนที่ทึ่มทื่อบื้อใบ้กันไปหมดแล้วแวบหนึ่ง รู้สึกพอใจยิ่งนัก

ตอนที่กู้ซีจิ่วบุกไปหาเขาที่ห้องอักษรเพื่อเจรจากับเขา ก็แต่งตัวเช่นนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเขาก็ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่งเช่นกัน

แน่นอนว่าตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับหรอกว่าถูกบุคลิกท่วงท่าของนางสั่นสะเทือนเข้า เขาคิดเพียงว่าเป็นเพราะเขาตกใจที่มีคนบุกเข้ามาในห้องอักษรของเขาอย่างอุกอาจปานนี้ได้เท่านั้น…

ยามนี้ราษฎรชาวเซียนของเขาก็มองจนทึ่มทื่อไปแล้วเช่นกัน แถมระยะเวลาที่ทึ่มทื่ออยู่ก็มากกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด จักรพรรดิเซียนรู้สึกพอใจยิ่งนัก!

เขาเอ่ยแนะนำกับเหล่าเซียน

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน แม่นางท่านนี้ก็คือกู้ซ่างเซียนกู้ซีจิ่ว ทุกท่านคงรู้จักกันแล้ว”

สมองของเหล่าเซียนที่ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่งในที่สุดก็เริ่มทำงานแล้ว ทำการย่อยคำว่า ‘กู้ซ่างเซียนกู้ซีจิ่ว’ ในที่สุดก็กระจ่างแจ้งแล้ว

คนลึกลับหน้ากากผีงั้นรึ?!

คนลึกลับหน้ากากผี!

ไม่น่าเชื่อว่านางคือคนลึกลับหน้ากากผี!

มิใช่กระมัง?!

เหล่าชาวเซียนเสมือนถูกค้อนเล็กๆ ทุบลงบนหัวใจดวงน้อย ตอนนี้หลังจากปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมาแล้ว ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่หัวอีกครา แข็งค้างไปครู่หนึ่งอีกครั้ง!

ทั้งแท่นหยกเงียบสงัดขนาดที่เข็มสักเล่มหล่นลงบนพื้นก็ยังได้ยิน

ฝูงชนจ้องมองกู้ซีจิ่ว ในสมองต่างมีความคิดหนึ่งผ่านเข้ามา อยากจะเข้าไปกระชากหน้ากากบนหน้านางออกมา!

ขนาดรูปร่างยังงดงามเช่นนี้ แล้วใบหน้านั้นจะไม่งามล่มบ้านล่มเมืองยิ่งกว่าหรือ?

ยังมีอีก น้ำเสียงของนางก็น่าฟังนัก ยามที่นางเอ่ยวาจา ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีสายธารเย็นฉ่ำไหลผ่านหัวใจ

สีหน้าของนางเซียนที่งดงามที่สุดผู้นั้นไม่น่ามองยิ่งนัก! เซียนหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางผู้นั้นยังไม่ได้สติกลับมาเลย ยังคงยัดเปลือกถั่วลิสงใส่มือเรียวเสลาปานหยกของนาง…

นางฝืนข่มอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะปาเปลือกถั่วใส่หน้าซ่างเซียนผู้นั้นเอาไว้ นำเปลือกถั่วเหล่านั้นใส่ลงไปในจานสำหรับทิ้งขยะโดยเฉพาะ มองดูกู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า

“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสคนลึกลับหน้ากากผีที่ระยะนี้มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่นี่เอง วันนี้มีโอกาสได้พบหน้า ช่างสมคำร่ำลือโดยแท้ เพียงแต่มาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ ทุกคนล้วนพบปะกันด้วยใจจริง ผู้อาวุโสสวมหน้ากากไว้ไม่ผิดกาลเทศะไปหน่อยหรือ?”

ในใจนางมีลูกคิดรางแก้วเป็นของตัวเอง คนลึกลับหน้ากากผีที่อยู่เบื้องหน้านี้แย่งชิงความโดดเด่นไป ทำให้นางไม่สบอารมณ์ยิ่ง!

ถึงแม้เหล่าผู้บำเพ็ญเซียนของแดนพ้นโศกพอบำเพ็ญไปถึงขั้นซ่างเซียนแล้วจะมีอายุไขเทียมฟ้า เป็นอมตะยืนยาว แต่รูปโฉมก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอยู่บ้าง

และรูปโฉมที่คงอยู่ก็จะเป็นรูปโฉมดั้งเดิมในยามที่นางบรรลุสู่ขั้นจินเซียนแล้ว

……………………