บทที่ 2083+2084

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2083 งานเลี้ยงผกาเซียน 4

เพียงแต่หลังจากบรรลุถึงขั้นจินเซียนแล้ว ความชราวัยของรูปโฉมถึงจะเชื่องช้าลงอย่างยิ่ง พันปีถึงจะดูชราขึ้นหนึ่งปี

และผู้ที่สามารถบรรลุถึงขั้นจินเซียนได้อย่างน้อยๆ ก็ต้องบำเพ็ญเพียรมาหลักหลายร้อยปีจนถึงหลักพันปีด้วยซ้ำ และเมื่อมาถึงช่วงนี้ รูปโฉมของพวกนางจะดูเหมือนกับสตรีวัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้ว

มีอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่บรรลุขั้นจินเซียนได้ภายในระยะเวลาสามสี่ร้อยปี รูปโฉมละม้ายคนวัยยี่สิบสามยี่สิบสี่เท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นซ่างเซียนหญิงที่งดงามที่สุดผู้นี้ มีนามว่าเซียนหญิงอิ้งเสวี่ย ปีนี้นางอายุสี่พันปีแล้ว รูปโฉมเหมือนคนวัยยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด นับว่ายังอ่อนใสเยาว์วัยอยู่

ส่วนคนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้วรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนี้ คล้ายจะใกล้บรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว ถ้าอ้างอิงตามพื้นฐานการบำเพ็ญ อายุของนางอย่างน้อยๆ ก็หมื่นปีแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจถึงขั้นหลายหมื่นปีแล้วด้วยซ้ำ

ผู้ที่ชราวัยปานนี้แล้วต่อให้รักษารูปร่างไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงทรงเสน่ห์ ทว่ารูปโฉมจะต้องเหี่ยวชราแล้วเป็นแน่ คงดูเหมือนหญิงวัยสี่สิบห้าสิบในแดนมนุษย์

ไม่แน่ว่าอาจห้อยย้อยหย่อนยานแล้วก็เป็นได้ เป็นยายแก่แร้งทึ้ง ด้วยเหตุนี้ถึงสวมหน้ากากไว้เพื่อปกปิดความอัปลักษณ์…

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยถือดีในความงามของตนเสมอมา วรยุทธ์อาจสู้ผู้อื่นไม่ได้ แต่รูปโฉมโดดเด่นประชันได้เป็นแน่ และทนเห็นผู้อื่นแย่งชิงความโดดเด่นไปไม่ได้เป็นที่สุด

เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของกู้ซีจิ่วล่วงละเมิดข้อห้ามของนางอย่างใหญ่หลวง…

ถ้อยคำที่มีจิตแอบแฝงประโยคนี้ของนางย่อมได้รับเสียงคล้อยตามจากทุกคน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันเอ่ยขึ้นมาบ้าง

ใช้คำพูดเช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้างมาหว่านล้อมให้กู้ซีจิ่วถอดหน้ากากออก ทุกคนล้วนสนใจใคร่รู้ว่าที่แท้แล้วนางมีรูปโฉมเช่นใดกันแน่

แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนเองก็สนใจใคร่รู้อยู่หลายส่วน เขาก็ยังไม่เคยโฉมหน้าแท้จริงของกู้ซีจิ่วเลย แต่เขาได้ฟังมาจากสี่อารักษ์แล้ว ทราบว่านางคือโฉมงามผู้หนึ่ง

แต่สุดท้ายแล้วเป็นความงามเช่นใดนั้น เขากลับไม่ทราบเลย จะเทียบกับจอมมารหนิงเสวี่ยโม่เมื่อปีนั้นได้หรือไหม?

ตอนนั้นจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ก็ชอบสวมชุดแดงเช่นกัน รูปโฉมงดงามจนทำให้ทั้งแดนพ้นโศกตกตะลึง…

ยามนี้มีเพียงพวกอวี่หังเจินเหรินเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่ปริปาก ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของกู้ซีจิ่วมาแล้ว…

เฟิงชิงซ่างเหรินกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยว่า

“แม่นางผู้นี้สวมหน้ากากเอาไว้เสมอมา ทุกคนก็เคยชินกันไปแล้ว ครั้งนี้จะสวมเอาไว้เหมือนเดิมก็ไม่มีสิ่งใดยน่าตำหนิติฉิน อีกอย่างสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนอย่างพวกเราแล้ว รูปโฉมเป็นเพียงถุงหนังเน่าเหม็นใบหนึ่ง ไยทุกท่านต้องหมกหมุ่นกับเปลือกนอกด้วยเล่า?”

ปรมาจารย์อีกเก้าท่านก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย

กู้ซีจิ่วกลับนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน เมื่อฟังคนเหล่านี้พูดจบแล้ว เธอถึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า

“เฟิงชิงซ่างเหรินกล่าวถูกแล้ว ไยทุกท่านต้องหมกหมุ่นกับเปลือกนอกด้วยเล่า? งานเลี้ยงครั้งนี้มิได้กำหนดไว้เสียหน่อยว่าไม่อนุญาตให้แขกที่เข้าร่วมงานสวมหน้ากาก ฝ่าบาท พระองค์ว่าใช่หรือไม่?”

จักรพรรดิเซียนอึกอักเล็กน้อย

“นี่…”

ยิ่งนางปฏิเสธเช่นนี้ ทุกคนก็ยิ่งสนใจใคร่รู้ในรูปโฉมของนางมากยิ่งขึ้น

จักรพรรดิเซียนยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า

“ตามกฎเซียนไม่มีข้อนี้อยู่จริงๆ ต่อให้กู้ซ่างเซียนสวมหน้ากากเอาไว้ตลอดก็ไม่นับว่าละเมิดต่อกฏเซียน เพียงแต่ ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงก็เพื่อพบปะทำความรู้จักคุ้นเคยกัน หากกู้ซ่างเซียนสวมหน้ากากเอาไว้ตลอด ทุกคนไม่รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของท่าน หากวันหน้าพบปะกันที่อื่นเข้า ทุกคนไม่ทราบว่าเป็นท่าน ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว อาจจะไม่ดีนัก กู้ซ่างเซียนสมควรถอดหน้ากากถึงจะเป็นการดี”

ในเมื่อจักรพรรดิเซียนกล่าวมาเช่นนี้แล้ว ทุกคนย่อมคล้อยตามยิ่งขึ้น

กู้ซีจิ่วหลุบตายิ้มแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเฉยเมย

“ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับทุกคนในสถานที่อื่นอยู่แล้ว ดังนั้นจะรู้จักหรือไม่ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าก็ไม่นำพา ครั้งนี้ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้ามาเพื่อประกาศเรื่องหนึ่งให้ทราบกัน มิได้มาเพื่อแก่งแย่งชิงดีกับเซียนหญิงของที่นี่ ไยฝ่าบาทต้องฝืนใจผู้อื่นด้วยเล่า?”

ไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนนางก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน!

มีคนไม่พอใจแล้ว ร้องเสียงแหลมขึ้นมา

“กู้ซ่างเซียน แม้แต่วาจาของฝ่าบาทท่านก็กล้าขัดขืนหรือ? ไร้มารยาทเกินไปหน่อยแล้วกระมัง?”

————————————————————————————-

บทที่ 2084 งานเลี้ยงผกาเซียน 5

“ใช่แล้วๆ การไม่สวมหน้ากากในงานเลี้ยงเป็นการให้เกียรติต่อฝ่าบาท และเป็นมารยาทด้วย คงมิใช่ว่าแม้แต่ข้อนี้ท่านผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ทราบกระมัง?”

“หรือเป็นเพราะรูปโฉมน่าสังเวชเกินไป ด้วยเหตุนี้ถึงได้ปิดหัวซ่อนหางไว้เช่นนี้?”

“อันที่จริงแล้วทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสิ้น ไม่ใส่ใจว่างามหรืออัปลักษณ์ ขอเพียงเปิดเผยโฉมหน้าจริงก็พอ”

“ใช่แล้ว ต่อให้ท่านผู้สูงศักดิ์จะเหี่ยวย่นหย่อนยานก็ไม่มีผู้ใดหัวเราะเยาะท่านหรอก”

และมีบางคนที่พูดจาไกล่เกลี่ยอย่างมีจิตคิดแอบแฝง

“ทุกท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย ยามที่กู้ซ่างเซียนผู้นี้เลื่องชื่อขึ้นมา ฝ่าบาทยังไม่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเลย เป็นผู้อาวุโสของผู้อาวุโสด้วยซ้ำ แม้กระทั่งองค์มหาเทพสามีภรรยาก็ยังไว้หน้านางเลย ปฏิบัติต่อผู้อาวุโสท่านนี้อย่างให้เกียรติ”

ผู้ที่ร้องรับขับขานถ้อยคำเหล่านี้ล้วนเป็นบรรดาเซียนหญิงเหล่านั้น ดูเหมือนพวกนางจะไม่สบอารมณ์เธอมานานมากแล้ว…

ยามนี้จึงผลัดกันเยาะเย้ยถากถางทั้งทางลับทางแจ้ง คิดอยากเห็นนางอับอายขายหน้า

กู้ซีจิ่วมีขันติยิ่งนัก ฟังพวกเขาพูดจนจบอยู่เงียบๆ ถึงได้วางจอกในมือลงบนโต๊ะเสียงดัง ‘กึก’ ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง

 “มิใช่ว่าผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าไม่อยากเผยโฉมหน้าที่แท้จริง แต่เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของเซียนหญิงทุกท่าน เกรงว่าหากเซียนหญิงทุกท่านได้ยลโฉมข้าแล้ว จะน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองจนอยากแทรกแผ่นดินหนี เช่นนั้นจะกร่อยมากปานใดกันเล่า?”

เหล่าเซียนหญิงเงียบงันไปหมดแล้ว

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยหัวเราะหยันคราหนึ่ง

“ผู้อาวุโสกล่าวมาเช่นนี้ กลับทำให้ผู้เยาว์สนใจใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ผู้อาวุโสถอดหน้ากากออกมาเถิด ข้ารอชมอยู่ว่าผู้อาวุโสมีรูปโฉมงดงามจนปวงชนตกตะลึงเช่นใดกัน ถึงทำให้พวกข้าน้อยเนื้อต่ำใจในตนเองได้”

นางไม่เชื่อว่ากู้ซีจิ่วจะงดงามจริงๆ ทุกอย่างเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับไม่ถอดหน้ากากเท่านั้น!

กู้ซีจิ่วลูบหน้ากากที่อยู่บนหน้าตัวเอง

“พวกเจ้าอยากเห็นจริงๆ หรือ? จะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม?”

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เหล่าเซียนหญิงที่ตอบรับเท่านั้น คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามเช่นกัน

กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ

“ก็ได้”

เธอยื่นมือไปปลดหน้ากากออกจากใบหน้า…

ถูกกระตุ้นความอยากกันอยู่นานแล้ว สายตาของทุกคนล้วนจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของกู้ซีจิ่ว…

วินาทีที่หน้ากากถูกถอดออกไป แทบทุกคนล้วนกลั้นหายใจกันหมด!

ในสมองของทุกคนมีสามคำผุดขึ้นมา งามเหลือเกิน!

งามจนไม่อาจสรรหาถ้อยคำมาบรรยายได้ หาที่เปรียบมิได้!

ใบหน้าของเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยเป็นธุลีแล้ว เดิมทีนางก็เป็นโฉมสะคราญเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับกู้ซีจิ่วแล้ว นางกลายเป็นสตรีหยาบกระด้าง ไม่ควรค่าพอให้กล่าวถึงไปเลย

ความงามเป็นเรื่องรองลงมา สิ่งสำคัญคือ รูปโฉมของกู้ซีจิ่วอ่อนเยาว์นัก อ่อนใสปานสาวน้อยวัยสิบเจ็ดสิบแปดปี เป็นช่วงวัยที่บุปผาตูมผลิแย้ม

ดวงตาของจักรพรรดิเซียนก็ส่องประกายขึ้นมาเช่นกัน!

อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอยู่ภายในใจ มิน่าเล่าเสี่ยวเนี่ยนโม่ถึงได้ลุ่มหลงปักใจในตัวนาง สตรีผู้นี้มีต้นทุนในด้านนี้จริงๆ! รูปโฉมของนางไม่ด้อยไปกว่าจอมมารหนิงเสวี่ยโม่เลย!

แถมยังเป็นพวกหน้าเด็กเหมือนกัน…

ไม่มีการเปรียบเทียบย่อมไม่เกิดผลกระทบ เหล่าเซียนหญิงที่ถูกรัศมีของเธอครอบงำ แต่ละคนล้วนมีสีหน้าปานขี้เถ้าแล้ว เสมือนคนผ่านทางมา

ส่วนเหล่าซ่างเซียนที่เดิมทีกระตือรือร้นเอาใจใส่พวกนาง ยามนี้ไหนเลยจะยังมีพวกนางอยู่ในสายตาอีก?

บ้างก็รินชาจนล้นปรี่ออกมาแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว บ้างก็ทำสุราหกใส่ร่าง ถึงขั้นที่บางคนโยนเนื้อกุ้งทิ้งไปเสีย แล้วเอาเปลือกกุ้งมาแทะกิน…

“ของปลอม! จำแลงลักษณ์! นางใช้วิชาจำแลงลักษณ์แน่ๆ!”

บางคนร้องขึ้นมา

ปลุกให้เหล่าเซียนหญิงได้สติขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เหล่าสตรีที่ยังไม่บรรลุขั้นซ่างเซียนเหล่านั้นจึงพากันคล้อยตาม

“ใช่แล้ว ต้องเป็นของปลอมแน่นอน! ผู้อาวุโสอายุปูนนี้แล้ว จะอ่อนเยาว์ปานนี้ได้อย่างไร?!”

บางคนมองไปที่เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง นางเป็นซ่างเซียนแล้ว ซ้ำยังชำนาญการมองทะลุวิชามายาของผู้อื่นด้วย…

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยกำมืออยู่ภายในแขนเสื้อ นางมองทะลุวิชามายาของผู้อื่นได้จริงๆ ด้วยเหตุนี้นางถึงทราบว่ารูปโฉมในยามนี้ของกู้ซีจิ่วเป็นของจริง มิได้ใช้วิชามายาใดๆ เลย!

…………………