บทที่ 2085+2086

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2085 นางภูมิใจในตนเองนัก!

ในที่นี้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่น้อยเลย เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยไม่อาจพูดปดตาใสได้ ดังนั้นนางเอ่ยอย่างเรียบเฉยไม่หนักไม่เบาว่า

“ผู้อาวุโสช่างมีเคล็ดลับในการบำรุงโฉมโดยแท้ ไม่น่าเชื่อว่าซ่างเซียนอย่างข้าจะไม่ทราบเลยว่าบนโลกนี้มีเคล็ดคงโฉมที่เลิศล้ำถึงเพียงนี้อยู่ด้วย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสพอจะแบ่งปันเคล็ดลับนี้แก่ผู้อื่นได้หรือไม่? ให้ผู้เยาว์ได้ร่ำเรียนเอาเยี่ยงอย่าง…”

วาจานี้ของนางเป็นการยอมรับกลายๆ ว่ารูปโฉมของกู้ซีจิ่วเป็นของจริง!

สตรีเหล่านั้นไม่เต็มใจยอมรับยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงเออออไปกับคำพูดเหล่านั้นของเซียนหญิงอิ้งเสวี่ย กล่าวว่ากู้ซีจิ่วมีเคล็ดคงโฉม…

ส่วนเหล่าเซียนบุรุษพวกนั้นไม่มีใครพูดจาเป็นอื่น แต่สายตากลับร่อนลงบนร่างเธออยู่บ่อยครั้งอย่างอดใจไว้ไม่อยู่…

โดยเฉพาะเหล่าชายโสดวัยทองที่ยังไม่ได้แต่งงาน สายตาที่มองกู้ซีจิ่วยิ่งซับซ้อนกว่าเดิม

ตามธรรมดาแล้วเหล่าเซียนชายชมชอบเซียนหญิงที่อายุน้อยกว่าตน ในสายตาของพวกเขา หากว่าบุรุษอายุมากกว่าสตรีสักสามสี่พันปีก็ไม่นับว่าเป็นอย่างไร จะกล่าวว่าแดนเซียนไม่มีข้อจำกัดในด้านอายุขัย

แต่จะให้มองหาเซียนหญิงที่มีอายุมากกว่าตนหลายพันปีนั้น พวกเขาก็รู้สึกค่อนข้างกดดันอยู่บ้าง…

เกรงจะถูกคนหัวเราะเยาะว่าได้มารดาคนหนึ่งมา…

และอายุขัยของกู้ซ่างเซียนผู้นี้ก็เกรงว่าจะมากกว่าพวกเขาหลายหมื่นปี…

ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะถูกความงามของกู้ซีจิ่วดึงดูด แต่ก็ไม่มีความคิดจะตามเกี้ยวพานางมาเป็นคู่บำเพ็ญเซียน

แน่นอนว่ามีคนที่ถูกความงามมอมเมาสมองอยู่บ้างเช่นกัน มองกู้ซีจิ่วอย่างใจลอยไปชั่วขณะ

กู้ซีจิ่วเคยชินกับสายตาเช่นนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เธอกลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ รูปโฉมก็งดงามจนคนตกตะลึง เวลาที่เธอส่องกระจกก็ตกใจตัวเองอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน เป็นเพราะการออกไปข้างนอกด้วยรูปลักษณ์ดั้งเดิมจะถูกรุมจ้องได้ง่ายๆ ประกอบกับใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่เหมาะกับการวางตัว ดังนั้นเธอสวมหน้ากากภูตผีที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนมาเนิ่นนานปี

ยามนี้พวกเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยพากันเรียกขานผู้อาวุโสคำแล้วคำเล่า กู้ซีจิ่วจึงนึกขัน

เดิมทีเธอไม่ได้ถือสาที่คนอื่นเข้าใจผิดว่าเธอเป็นผู้อาวุโส เข้าใจผิดว่าเธออายุมาก แต่ตอนนี้เธอถือสาแล้ว…

หันไปเอ่ยถามเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยที่รอให้เธอถ่ายทอดเคล็ดลับความงามอยู่

“ท่านอายุเท่าไหร่?”

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยผงะไปแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างโอหังแวบหนึ่ง

“ผู้เยาว์อายุสี่พันแปดปี”

นางอายุน้อยที่สุดในบรรดาซ่างเซียนหญิง นางภูมิใจในตนเองนัก!

กู้ซีจิ่วหันไปถามคนใจคอคับแคบที่เหลือต่อ

“แล้วทุกท่านล่ะ?”

ไม่ว่าจะเป็นในโลกใดการถามอายุผู้หญิงล้วนเป็นเรื่องต้องห้ามทั้งสิ้น หากคนเหล่านั้นอายุน้อยก็ยังพอว่า ถ้าคนเหล่านั้นอายุมากยิ่งนักก็ไม่อยากจะพูดเลย

เพียงแต่กู้ซีจิ่วมีวิธีทำให้พวกนางพูดความจริง

“เคล็ดลับคงโฉมนี้ของข้าเกี่ยวกับอายุด้วย ถ้าพวกท่านต้องการวิธีที่เฉพาะเจาะจงจริงๆ ยังคงต้องพูดความจริงถึงจะดี”

สตรีเหล่านี้มองหน้ากันแวบหนึ่ง เพื่อความงามความอ่อนเยาว์พวกนางจะยอมเสียสละ ด้วยเหตุนี้จึงพากันรายงานอายุของตนออกมา

ที่อายุมากสุดก็ปาเข้าไปหนึ่งหมื่นสามพันปีแล้ว น้อยสุดก็หนึ่งพันหกร้อยปี

เมื่อสตรีเหล่านี้ประกาศอายุขัยเสร็จสิ้น ก็ทำตาแป๋วรอให้เธอบอกเคล็ดลับความงาม

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างอดไว้ไม่อยู่

“แก่เหลือเกิน ที่แท้พวกท่านก็แก่กันปานนี้แล้ว! มิน่าเล่าแต่ละคนถึงดูเหมือนแม่นางใหญ่วัยกลางคน”

เหล่าเซียนหญิงตะลึงงัน

ทนมาขนาดนี้แล้วต้องทนไว้ให้ถึงที่สุด…

ดวงตาของเหล่าสตรีแทบจะแดงฉานด้วยความโกรธแล้ว หากมิใช่เพราะคำนึงถึงฐานะและวรยุทธ์ของอีกฝ่าย พวกนางแทบอยากจะรุมทึ้งนางแล้ว!

ใบหน้าเฉิดฉันของเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด เดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

“ผู้อาวุโสยิ่งชรากว่ากระมัง! ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีอายุเท่าใดแล้ว?”

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้มสุขุม

“หากนับกันตามความสูงต่ำของวรยุทธ์ พวกท่านสมควรเรียกผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าว่าผุ้อาวุโส แต่ถ้านับตามอายุแล้ว ทุกท่านล้วนเป็นรุ่นย่าเทียดต้นตระกูลได้ทั้งสิ้น ถ้าให้เทียบละก็ หากว่าอายุอย่างพวกท่านเป็นวัยใกล้ลงโลงแล้ว ของผู้ทรงศักดิ์ยังข้ายังไม่ทันได้สัมผัสหน้าดินเลยด้วยซ้ำ เคล็ดลับคงโฉมของของผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าก็คืออายุที่เยาว์วัย”

————————————————————————————-

บทที่ 2086 พูดแบบนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าเอาหรือ?

เหล่าเซียนหญิงตกตะลึง!

ข้อนี้แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็สนใจใคร่รู้ขึ้นมาแล้วเช่นกัน

“ที่แท้กู้ซ่างเซียนอายุเท่าใดกัน? สะดวกจะเปิดเผยหรือไม่?”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วสงบราบเรียบ

“สองร้อยสามสิบสองปี”

ฝูงชนอ้าปากหวอแล้ว

ถึงแม้ประโยคนี้ที่กู้ซีจิ่วเอ่ยออกมาจะราวกับสายฟ้าฟาด ไม่ว่าอย่างไรฝูงชนก็ไม่เชื่อถืออยู่ดี!

“โกหก! ท่านผู้สูงศักดิ์คิดจะโกหกก็โกหกให้น่าเชื่อถือหน่อยเถิด พูดแบบนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าเอาหรือ?”

“ใช่แล้ว ในแผ่นดินนี้นอกจากองค์มหาเทพแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกฝนจนบรรลุขั้นนี้ได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ ต่อให้ผู้อาวุโสคิดจะล้อเล่นก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถิด…”

แต่ละคนต่างแสดงความคิดเห็นของตน วาจาล้วนบ่งบอกว่าไม่เชื่อทั้งสิ้น

แม้แต่สิบปรมาจารย์ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน พากันร้องเฮอะให้ประโยคนี้ของกู้ซีจิ่ว รู้สึกว่านางจงใจหลอกลวงผู้อื่น

อวี่หังเจินเหรินหัวเราะหยันคราหนึ่ง ตัดสินใจจะเปิดโปงความหลอกลวงของนาง หันไปถามจักรพรรดิเซียน

“ฝ่าบาท กระหม่อมจำได้ว่าในวังมีคันฉ่องส่องกระดูกอยู่ สามารถส่องสะท้อนอายุขัยที่แท้จริงของคนได้…”

จักรพรรดิเซียนพยักหน้าเล็กน้อย

“มีอยู่บานหนึ่ง”

แล้วมองกู้ซีจิ่วต่อ

“กู้ซีจิ่วส่องกระจกหน่อยได้หรือไม่? เพื่อคลายความสงสัยแก่ทุกคน”

กู้ซีจิ่วตอบรับอย่างเด็ดขาดยิ่ง

“ย่อมได้”

ทุกคนตะลึงอีกครั้ง

พวกเขายังนึกว่านางจะหาทางบ่ายเบี่ยงเสียอีก กลับคาดไม่ถึงว่านางจะตอบรับอย่างผ่อนคลายเช่นนี้! หรือว่านางจะอายุน้อยขนาดนี้จริงๆ?!

ในไม่ช้า คันฉ่องส่องกระดูกบานนั้นก็ถูกนางกำนัลนำมาส่ง

เป็นคันฉ่องที่สง่างามเรียบง่ายแฝงความเก่าแก่ยิ่งนักบานหนึ่ง จัดวางไว้ใจกลางแท่นหยก คล้ายกระจกเงาแบบเต็มตัวบานหนึ่ง เพียงแต่ยามที่มีคนเดินผ่านหน้ามัน สิ่งที่สะท้อนอยู่ในคันฉ่องไม่ใช่เงาร่าง แต่เป็นภาพโครงกระดูก…

เพื่อพิสูจน์ว่าประสิทธิภาพของคันฉ่องบานนี้ว่าทรงพลังจริงๆ อวี่หังเจินเหรินจึงเดินไปส่องหน้าคันฉ่องแวบหนึ่ง ผลคือบนคันฉ่องปรากฏข้อความขึ้นมาแถวหนึ่ง

‘อายุหนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยปี’

อวี่หังเจินเหรินพยักหน้า มองไปที่กู้ซีจิ่ว

“กู้ซ่างเซียนสำนึกเสียใจตอนนี้ก็ยังทันนะ…”

กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ

“ข้าผู้ทรงศักดิ์ไม่เคยกระทำเรื่องที่ต้องมาเสียใจภายหลัง”

ด้วยเหตุนี้เธอจึงเดินไปยืนอยู่ด้านหน้าคันฉ่อง ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน จากนั้นบนคันฉ่องก็ปรากฏข้อความแถวหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ

‘สองร้อยสามสิบสองปี…’

ฝูงชนทั้งหมดเบิกตากว้าง ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่กู้ซีจิ่วผู้นี้พูดมาจะเป็นความจริง!

เหล่าเซียนหญิงหน้าหมองแล้ว

เพียงตกตะลึงกันยังไม่ทันเสร็จสิ้น บนคันฉ่องก็สั่นไหวคล้ายระลอกคลื่นคราหนึ่ง ปรากฏอักษรอีกแถวหนึ่งขึ้นมา

 ‘หนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี?’

ฝูงชนเงียบสงัด

กู้ซีจิ่วตกตะลึง

จักรพรรดิเซียนก็นิ่งงัน เกิดอะไรขึ้น?! กระจกเกิดข้อผิดพลาดหรือ? ทำไมถึงปรากฏตัวเลขสองจำนวนเล่า?

นึกไม่ถึงว่ากระจกยังคงคำนวณไม่แล้วเสร็จ สั่นไหวขึ้นมาอีกระลอก จากนั้นตัวเลขสองจำนวนนั้นก็สลับกันปรากฏขึ้นปานเป็นลมชัก ในตัวเลขทั้งสองจำนวนยังมีเครื่องหมายคำถามด้วย ราวกับว่าคันฉ่องก็สับสนยิ่งนักเช่นกัน

ต่อมาไม่นาน คันฉ่องบานนี้ก็แสดงเครื่องหมายคำถามและเครื่องหมายอัศเจรีย์เรียงกันเป็นแถวบนคันฉ่อง เครื่องรวนอย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็ไม่ตอบสนองอีกเลย

ทุกคนล้วนตะลึงงัน พร้อมใจกันมองไปที่จักรพรรดิเซียน

จักรพรรดิเซียนส่ายหน้าเล็กน้อย

“สิ่งนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากราชวงศ์ก่อน บางทีอาจเกิดข้อผิดพลาดมานานแล้วกระมัง?”

เซียนที่ดูแลคันฉ่องบานนี้โดยเฉพาะเข้ามาเช็ดถูร่ายอาคมใส่คันฉ่องบานนั้นอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ยืนด้านหน้าคันฉ่องบานนั้นด้วยตัวเอง บนคันฉ่องปรากฏอายุขัยของเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง

จักรพรรดิเซียนหวั่นใจเล็กน้อย ส่องอีกสองสามคนเข้าไปทดลอง คันฉ่องล้วนแจ้งอายุขัยออกมาอย่างแม่นยำ

แต่พอกู้ซีจิ่วไปยืนอยู่ด้านหน้าอีกที คันฉ่องก็สับสนอีกครั้ง…

คันฉ่องบานนี้ตกทอดกันมาหลายหมื่นปีแล้ว ยังไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย!

เซียนผู้ดูแลเต็มไปด้วยความฉงน รับฟังบัญชาของจักรพรรดิเซียน ยกคันฉ่องมาตรวจดูอีกครั้ง

สายตาของทุกคนล้วนรวมกันอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว

กู้ซ่างเซียนผู้นี้อายุเท่าใดกันแน่? เหตุใดพอมาถึงนางแล้วคันฉ่องถึงเกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้?

……………..