บทที่ 2087+2088

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2087 เจ้านายเห็นมันเป็นสหาย…

ในสมองของทุกคนมีคำถามเช่นนี้วาบผ่าน

คำถามในสมองกู้ซีจิ่วนั้นมากมายกว่าคนอื่นเสียอีก เนื่องจากเธอก็สงสัยเหมือนกัน เธอจำได้ชัดเจนว่าตัวเองสองร้อยกว่าปี แล้วหนึ่งหมื่นหนึ่งพันนี้มันอะไรกัน?!

ยามนี้เซียนหญิงเหล่านี้กลับคึกคักขึ้นมาปานฉีดเลือดไก่ พากันพูดจาคาดเดาด้วยเจตนาร้าย บ้างก็บอกว่ากู้ซีจิ่วอาศัยว่าพลังยุทธ์สูงส่ง ร่ายมนต์ใส่คันฉ่อง คิดจะให้คันฉ่องปกปิดอายุขัยที่แท้จริงของนาง

บ้างก็บอกว่าความจริงแล้วอายุเธออาจจะมากกว่าหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีก็ได้ กลับทำตัวไม่รู้จักแก่เสแสร้งว่าอ่อนเยาว์…

ในบรรดานั้นเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยพูดจาเจ็บแสบที่สุด

“ผู้อาวุโส อันที่จริงต่อให้ท่านอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีก็ไม่นับว่าแก่เกินไปนะ ไยต้องสิ้นเปลืองใจกายใจปกปิดถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? อ่อ ผู้เยาว์ทราบแล้ว ได้ยินว่าผู้อาวุโสชมชอบฝ่าบาทเนี่ยนโม่ คงเกรงว่าฝ่าบาทเนี่ยนโม่จะรับไม่ได้ที่ท่านแก่กว่าเขามากปานนี้กระมัง จึงได้พยายามปกปิดเช่นนี้? อ้างตัวว่าเป็นสาวน้อยอายุสองร้อยกว่าปี…”

“เหลวไหล! พูดจาเหลวไหล!”

มีเสียงอ่อนเยาว์สายหนึ่งแว่วออกมาจากในแขนเสื้อของกู้ซีจิ่ว

คล้อยหลังเสียงเอ่ยนั้น เจ้าหอยยักษ์ก็กลิ้งออกมาจากแขนเสื้อกู้ซีจิ่ว หนูน้อยคนหนึ่งมุดออกมาจากเปลือกหอย ดวงหน้าน้อยๆ แดงก่ำ

“เจ้านายของบ้านข้าอายุสองร้อยสามสิบสองปี! ประชาชนหลายร้อยล้านคนในโลกเบื้องล่างเป็นพยานให้นางได้! หนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีอะไรกัน? ไอ้คันฉ่องซังกะบวยนั่นพังแล้ว ยายเฒ่าสี่พันปีอย่างเจ้าน้ำเข้าสมองจนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง?!”

เหล่าเซียนตาค้างอ้าปากหวอ!

ชาวเซียนของแดนพ้นโศกล้วนเป็นผู้มีอารยธรรม ปกติแล้วสนทนากันอย่างสุภาพชน ไหนเลยจะโผงผางตรงไปตรงมาเช่นเจ้าหอยยักษ์เล่า?

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยถูกด่าจนหน้าม้านแล้ว ถ้านางด่าทอกับหอยตัวหนึ่งก็คงดูไม่ดี จึงยิ้มหยันแล้วกล่าวว่า

“งานเลี้ยงผกาเซียนเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ผู้อาวุโสลอบพาสัตว์เลี้ยงมาด้วยคิดจะทำอันใดกัน?”

“ใช่แล้ว! ผิดกฏ!”

บางคนตะโกนสนับสนุน

“ผิดกฏ!”

กู้ซีจิ่วกระตุกมุมปากแวบหนึ่ง มองไปที่จักรพรรดิเซียน

“ฝ่าบาท ข้าจำได้ว่าฝ่าบาทตกลงให้ข้าสามารถพาสหายมาได้สองท่านนี่?”

จักรพรรดิเซียนพยักหน้า

“เรารับปากไว้จริงๆ เพียงแต่ เราไม่เห็นเลยว่าสหายสองคนนั้นของท่านอยู่ที่ไหน…”

“ก็อยู่นี่แล้วไง”

กู้ซีจิ่วชี้ไปที่เจ้าหอยยักษ์

เจ้าหอยยักษ์ยืดอกเชิดหน้าทันที ซาบซึ้งเหลือเกิน! เจ้านายเห็นมันเป็นสหาย…

ฝูงชนแข็งทื่อไปอีกครั้ง ในสายตาของหมู่เซียน สัตว์เลี้ยงก็คือสัตว์เลี้ยง เป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่อาจเทียบเคียงกับมนุษย์ได้ ย่อมไม่เรียกขานเป็นสหาย กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…

กู้ซ่างเซียนผู้นี้เป็นพวกผ่าเหล่าจริงๆ

จักรพรรดิเซียนสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง

“เช่นนั้นสหายอีกคนของท่านผู้สูงศักดิ์เล่า?”

“มีข้าด้วย”

ก้อนขนปุกปุยลูกหนึ่งกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อกู้ซีจิ่วอีกครั้ง เป็นลู่อู๋ พวงหางทั้งเก้าของมันแผ่ออกปานนกยูงรำแพนหาง

“เจ้านายของบ้านข้าอายุแค่สองร้อยสามสิบสองปี! ปีนั้นยามที่นางสยบพวกข้าได้เพิ่งจะอายุสิบสี่เท่านั้น! ข้าคือพยานที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของนาง! พวกเจ้าในที่นี้พูดจาจู้จี้กันมากมายถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะริษยาที่นางเลิศล้ำกว่าพวกเจ้า เหนือกว่าในด้านวรยุทธ์ไม่ได้ จึงมาหาตัวตนกับเรื่องอายุแทน ไยจะไม่รู้เล่าว่าพวกเจ้าเมื่อเทียบกับนายของข้าแล้ว ล้วนเป็นยายเฒ่ากันทั้งสิ้น!”

เหล่าสตรีหน้าเขียวคล้ำแล้ว!

สัตว์เซียนสองตัวนี้ไยตัวหนึ่งยิ่งปากคอเราะร้ายกว่าตัวหนึ่งอีกเล่า?! ที่สำคัญไปกว่านั้นคือสิ่งที่พวกมันกล่าวออกมาคือการเปิดเผย ‘ความคิดเล็กคิดน้อย’ ที่อยู่ในใจของพวกนางออกมา

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยโกรธจนพาลแล้ว

“ผู้อาวุโสช่างทุ่มเทในการแสร้งทำอ่อนเยาว์โดยแท้ แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังโกหกพกลมไปตามๆ กัน แต่น่าเสียดาย คันฉ่องส่องกระดูกส่องสะท้อนสังขารเดิมของท่าน ทำให้ท่านไร้หนทางซ่อนเร้นอายุขัย ไม่อาจตบตาได้อีกต่อไป ผู้อาวุโสอายุปูนนี้แล้ว กลับหมายปองเด็กน้อยเช่นฝ่าบาทเสินเนี่ยนโม่คนนั้น ไม่เกรงว่าจะกลายเป็นที่น่าขบขันของสามภพบ้างหรือ?”

“ผายลม! เจ้านายของบ้านข้าหาได้หมายปองฝ่าบาทเนี่ยนโม่ไม่! ที่ตอนนั้นนายข้ากล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกไปเพียงเพราะถูกพวกตาเฒ่าอวี่หังเจินเหรินยั่วโมโห พูดไปด้วยอารมณ์เท่านั้น…

————————————————————————————-

บทที่ 2088 นางไม่อยากแบกรับความอยุติธรรมเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!

“ครั้งนี้ที่นายของข้ามาร่วมงานก็เพื่อมาพูดเรื่องนี้ให้กระจ่าง ฝ่าบาทสามารถเป็นพยานให้ได้!”

เจ้าหอยยักษ์มองเซียนหญิงอิ้งเสวี่ยอย่างโกรธเคือง ประโยคสุดท้ายเป็นการส่งไม้ต่อให้จักรพรรดิเซียน

ฝูงชนมองไปที่จักรพรรดิเซียน จักรพรรดิเซียนกระแอมเบาๆ

“เรื่องนี้…เราเป็นพยานได้จริงๆ วันนี้กู้ซ่างเซียนมาเพื่อชี้แจงเรื่องเข้าใจผิดนี้ วันก่อนกู้ซ่างเซียนมาพบเรา บอกเล่ามูลเหตุภายใน ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ความรู้สึกที่นางมีต่อฝ่าบาทเนี่ยนโม่เป็นเพียงความเอ็นดูที่ผู้อาวุโสมีต่อชนรุ่นหลัง มิใช่อารมณ์ชายหญิง เหตุผลที่นางเข้าใกล้ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ เป็นเพียงการทำภารกิจตามที่สวรรค์บัญชาเท่านั้น เพียงต้องการค้ำจุนให้ฝ่าบาทเนี่ยนโม่สำเร็จเป็นซ่างเซียนได้ในเร็ววัน”

ฝูงชนเงียบงัน

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเหตุผลเช่นนี้

อวี่หังเจินเหรินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“เช่นนั้นเหตุใดกู้ซ่างเซียนถึงไม่พูดตั้งแต่แรก?”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเยียบเย็น

“บัญชาสวรรค์ไหนเลยจะบอกผู้อื่นส่งเดชได้?”

อวี่หังเจินเหรินถูกตอกหน้าจนกระอักกระอ่วนแล้ว

“เช่นนี้เหตุใดยามนี้ถึงพูดได้เล่า?”

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยจับช่องโหว่ได้

“เพราะนายของข้าไม่อยากโดนยายเฒ่าอย่างพวกเจ้าเข้าใจผิดแล้วน่ะสิ! นางไม่อยากแบกรับความอยุติธรรมเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”

เจ้าหอยยักษ์สอดปากพูด

เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยพิโรธนักที่ถูกมันเรียกยายแก่ซ้ำไปซ้ำมา กล่าวอย่างเย็นชาว่า

“เป็นตัวนางเองที่สร้างเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจผิดแล้วจะโทษผู้ใดได้เล่า? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอายุปูนนี้แล้ว ยังแสร้งว่าอ่อนวัยอีก มิเช่นนั้นคงไม่อาจหลอกลวงฝ่าบาทเนี่ยนโม่ได้ ทำให้เขาหลงใหลคลั่งไคล้…”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว เซียนหญิงอิ้งเสวี่ยผู้นี้ดูเหมือนจะกวนประสาทอยู่บ้าง…

เธอคร้านจะต่อปากต่อคำไร้สาระเช่นนี้กับผู้อื่น มือที่อยู่ในแขนเสื้อพลันกำเข้ากัน ขณะที่กำลังจะทำบางอย่าง ในอากาศพลันมีเสียงหัวเยือกเย็นแว่วขึ้น

“เปิ่นกงกลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เสียงกระจ่างปานระฆังหยกก้องกังวาน เสนาะหูอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง!

ตี้ฝูอี!

เธอเงยหน้ามองไปตามเสียง เห็นตี้ฝูอีในชุดสีเขียวอ่อนควบขี่อยู่บนหลังไป๋เจ๋อ กำลังทอดมองด้านล่างอย่างเยือกเย็น

กู้ซีจิ่วไม่ได้พบหน้าเขากว่าครึ่งเดือนแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้น จึงตะลึงไปเล็กน้อย

จักรพรรดิเซียนเคยบอกเธอแล้ว งานเลี้ยงผกาเซียนครั้งนี้ก็ได้เชิญเสินเนี่ยนโม่มาด้วย เพียงแต่อีกฝ่ายปฏิเสธไปแล้ว บอกว่าจะไม่มา

ตอนนั้นกู้ซีจิ่วยังรู้สึกยินดีอยู่บ้าง เนื่องจากเธอก็ไม่อยากพบหน้าเขาในงานเลี้ยงเช่นนี้เหมือนกัน เลี่ยงไม่ให้ยามที่อธิบายทุกอย่างไปแล้ว เขาจะเก้อกระดากเอา

กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะมาในยามนี้!

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่แล้วกล่าวได้ว่าไม่เคยพบเขามาก่อนเลย ผนวกกับบุคลิกอันโดดเด่นเลิศล้ำของเขา ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมหรือท่วงท่าล้วนมีพลังทำลายล้างสูงทั้งสิ้น ทำให้ทุกคนตะลึงงันกันไปหลายวินาที นึกไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งว่าแขกท่านนี้คือผู้ใด

ยังคงเป็นจักรพรรดิเซียนที่ได้สติก่อนใคร ถึงอย่างไรเขาก็เคยได้ยินจากสี่อารักษ์มาแล้ว ซ้ำยังมองเห็นสัตว์วิเศษไป๋เจ๋อตัวนั้นด้วย ยังจะมีข้อสงสัยอันใดได้อีก?!

เขาลุกขึ้นมา ก้าวไปทำความเคารพครึ่งพิธีการ

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่!”

หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันคลื่น เหล่าเซียนโง่งมกันไปหมดแล้ว!

ฝ่าบาทเนี่ยนโม่รึ?!

ฝ่าบาทเนี่ยนโม่เติบใหญ่ปานนี้แล้วหรือ?!

สวรรค์!

ฝูงชนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเซียนไม่มีทางจำคนผิด ไป๋เจ๋อก็ไม่มีทางยอมให้ผู้อื่นขี่…

หลังจากทุกคนทึ่มทื่อกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พากันคุกเข่าลง โขกศีรษะทำความเคารพ

“ถวายบังคมฝ่าบาทเนี่ยนโม่!”

คนเหล่านี้ล้วนคุกเข่าลงไปหมดแล้ว บนแท่นมีคนเพียงสิบสามคนที่ยังยืนอยู่

ปรมาจารย์ทั้งสิบ กู้ซีจิ่ว จักรพรรดิเซียนที่ยืนค้อมกายอยู่ และซ่างเซียนในชุดเขียวผู้หนึ่ง

ซ่างเซียนชุดเขียวผู้นั้นตกตะลึงอย่างยิ่ง เอ่ยโพล่งออกมา

“คุณชายฝูอี?!”

เนื่องจากยามนี้รอบข้างค่อนข้างเงียบสงัด เสียงของซ่างเซียนผู้นี้จึงดังกังวานเป็นพิเศษ คนทั้งแท่นหยกล้วนได้ยินกันทั่วหน้า

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงถูกข่าวล่ามาแรงนี้ทำให้แข็งทื่อเป็นหินไปอีกหลายวินาที…

ถึงอย่างไรชื่อเสียงของคุณชายฝูอีก็ยังคงโด่งดังในแดนพ้นโศกแห่งนี้ยิ่งนัก!

…………………