ข้าจะรับผิดชอบเอง

 

 

 

 

เสิ่นเวยดื่มน้ำแกงยา ทานข้าวต้มสองชามเล็กแล้วจึงนอนหลับ ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร ในความสะลึมสะลือก็รู้สึกว่ามีคนกำลังเดินไปเดินมาอยู่หน้าเตียงนาง 

 

 

กลางดึกตอนที่เสิ่นเวยตื่นขึ้นอีกครั้งก็เห็นศีรษะฟุบหลับฝันหวานอยู่ข้างเตียงนาง เมื่อตั้งใจมองก็พบว่าเป็นเถาฮวา 

 

 

พอเสิ่นเวยตื่น หลีฮวาที่อยู่เวรดึกก็เข้ามา “คุณหนู ท่านอยากดื่มน้ำหน่อยหรือไม่” นางรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว พยุงคุณหนูขึ้นป้อนน้ำ 

 

 

เสิ่นเวยดื่มน้ำแล้วก็รู้สึกสบายขึ้นมา เชยคางขึ้นเล็กน้อย “เถาฮวามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” 

 

 

หลีฮวากล่าว “ตั้งแต่ที่นางตื่นก็วิ่งมาหาคุณหนูที่นี่ ไม่ว่าจะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ยอมไป บ่าวเองก็หมดหนทาง ทำได้เพียงตามใจนาง” หลีฮวาเองก็จนปัญญา เถาฮวาเป็นคนดื้อรั้น นางอยากอยู่ที่นี่ ใครก็ห้ามนางไม่ได้ 

 

 

เสิ่นเวยเข้าใจความคิดที่เรียบง่ายของเถาฮวาดีอย่างยิ่ง นางมองเถาฮวาด้วยสายตาที่อ่อนโยน กล่าวเสียงเบา “อุ้มนางไปนอนบนตั่งเถอะ นอนแบบนี้ไม่สบาย” 

 

 

“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” หลีฮวาพยักหน้าตอบรับ ในใจกลับกล่าว คุณหนูดีต่อเถาฮวาจริงๆ นางอิจฉา แต่ไม่ได้ริษยา เพราะรู้ดีว่า ในเรื่องความภัคดี เถาฮวาเป็นที่หนึ่ง ในสายตาในหัวใจนางมีเพียงคนหนูผู้เดียวเท่านั้น 

 

 

อยางไรเสียเถาฮวาก็เป็นเด็ก หลีฮวาอุ้มนางไปนอนบนตั่งนางก็ไม่ตื่น เสิ่นเวยยิ้มน้อยๆ มองสีหน้าตอนนอนที่เงียบสงบของนาง ในใจรู้สึกพอใจเป็นพิเศษ 

 

 

“คุณหนู คุณชายสวีผู้นั้นไปแล้วเจ้าค่ะ” หลีฮวาพลันกล่าว 

 

 

“อ้อ” เสิ่นเวยไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว เดิมทั้งสองก็ไม่ได้รู้จักกันเท่าไรอยู่แล้ว ทั้งยังไม่ได้สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว ค้างคืนในหมู่บ้านก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก 

 

 

“หมอเทวดาหลี่ยังไม่ไปเจ้าค่ะ” หลีฮวากล่าวต่อ 

 

 

เสิ่นเวยประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ประหลาดใจเพียงแค่ครู่เดียว “ให้คนคอยรับใช้ให้ดี” นางหยุดครู่หนึ่งจึงกล่าว “พรุ่งนี้เช้าให้โอวหยางไน่มาที่นี่” นางยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องสั่งเขา 

 

 

“อะไรนะ ไม่กลับมาแม้แต่คนเดียวเลยหรือ” หัวหน้าของกลุ่มมือสังหารได้ยินการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้าน 

 

 

คนผู้นี้สูงอย่างยิ่ง สวมชุดสีฟ้าอ่อนทั้งร่าง ข้างบนปักลายดอกเหมยเป็นจุดๆ ห้อยหยกงามหนึ่งชิ้นตรงเอว มองดูแล้วเหมือนคุณชายสูงส่งตระกูลไหนสักตระกูล เพียงแต่ใบหน้าเขาสวมหน้ากากอยู่ นอกจากดวงตาแล้วก็มองไม่เห็นส่วนอื่นอีก แต่ฟังจากเสียงกลับเดาอายุของเขาไม่ได้ 

 

 

“ขอรับหัวหน้า มือสังหารสามสิบชั้นเทียนที่ส่งออกไปไม่มีใครกลับมาแม้แต่คนเดียว ผู้น้อยคิดว่าน่าจะร้ายมากกว่าดี” มือสังหารที่ยืนอยู่ข้างล่างกล่าวรายงาน 

 

 

น่าจะร้ายมากกว่าดีอะไร จะต้องร้ายมากกว่าดีแน่นอนอยู่แล้ว ดวงตาข้างหลังหน้ากากของหัวหน้ากลิ้งกลอกไปมาครู่หนึ่ง คล้ายกำลังคิดเรื่องที่คิดไม่ตกเรื่องหนึ่งอยู่ ตั้งแต่ที่ตั้งกลุ่มมือสังหารขึ้นมาก็เกือบจะร้อยปีแล้ว แต่ความล้มเหลวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดรุณีนางนั้นเก่งถึงเพียงนี้เลยหรือ หรือว่าข้างกายนางมียอดฝีมือ เขาค่อนข้างเอนเอียงไปทางประเด็นหลังมากกว่า 

 

 

มิน่าเล่าคนผู้นั้นถึงจ่ายเงินก้อนโตต้องการให้ส่งมือสังหารสามสิบคนชั้นเทียนไปให้ได้ ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกว่าคนผู้นั้นทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เลย แต่ว่าคนที่จ่ายเงินคือเจ้าใหญ่นายโต แต่ไหนแต่ไรกลุ่มมือสังหารรับเงินมาแล้วก็ต้องทำงานให้เต็มที่ ผู้ว่าจ้างต้องการเช่นไรพวกเขาก็ทำเช่นนั้น 

 

 

ไม่คิดว่าส่งกำลังที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มออกไปแล้วก็ยังล้มเหลว ความสูญเสียนี้มากเกินไปแล้ว สีหน้าของหัวหน้ามีความเสียดายวาบผ่านเล็กน้อย 

 

 

“ท่านหัวหน้า จะส่งคนไปปฏิบัติหน้าที่ต่อหรือไม่ ผู้น้อยจะไปเตรียมการทันที” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวถาม 

 

 

นี่คือกฎของกลุ่มมือสังหาร รับภารกิจมาแล้วก็ต้องทำให้เสร็จ หากล้มเหลวแล้ว เช่นนั้นก็ส่งคนไปทำต่อ จนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้น 

 

 

หัวหน้าส่ายหน้ากล่าว “ไม่ต้องรีบ เจ้าออกไปก่อนเถอะ รอคำสั่งของข้า ไม่มีคำสั่งข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการ” 

 

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นั้นประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่กลับไม่กล้าขัดคำสั่งของหัวหน้า 

 

 

หัวหน้าที่สวมหน้ากากนั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้ เขากำลังคิดว่ามีขั้นตอนไหนที่ผิดพลาด หรือว่ามีเบื้องลึกอะไรที่เขาไม่ได้สืบให้ดี แม้ว่าสิ่งที่กลุ่มมือสังหารทำจะเป็นธุรกิจสังหารคน ไม่เคยกลัวกลุ่มอำนาจใดๆ แต่ก็มีกลุ่มอำนาจจำนวนหนึ่งที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง อย่างเช่นกองทัพ เขาไม่อยากให้หอมือสังหารต้องพังพินาศลงในมือเขา 

 

 

อืม รอดูอีกหน่อยแล้วกัน รอผู้ว่าจ้างมาหาเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาตัดสินใจเช่นนี้ 

 

 

ความสามารถในการฟื้นตัวของเสิ่นเวยยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เช้าวันที่สองนางก็นั่งพิงหัวเตียงทานข้าวต้มเองได้แล้ว อย่างไรเสียโอวหยางไน่ก็ไม่วางใจ ไล่หู่โถวกลับเมืองแล้วตนอยู่แทน 

 

 

เขาไม่โง่ ย่อมเห็นแล้วว่าคนชุดดำเหล่านั้นเมื่อวานมีที่มาอย่างไร เขากลัวว่าเขาก้าวเท้าออกจากหมู่บ้านแล้ว มือสังหารจะตามมาอีก ทิ้งคนแก่คนเจ็บเหล่านี้ไว้เขาไม่วางใจจริงๆ ตามความคิดเขา กลับจวนโหวจึงจะปลอดภัยที่สุด แต่เมื่อวานใครให้คุณหนูตื่นนอนก็ตอนเย็นแล้วเล่า 

 

 

เสิ่นเวยสั่งโอวหยางไน่สองสามประโยคจากนั้นก็ไล่เขาออกไป นางคิดไปคิดมา แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่านี่คือฝีมือใครจึงไม่คิดเสีย ในเมื่อสามารถลอบสังหารนางได้หนึ่งครั้ง เช่นนั้นก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม นางไม่เชื่อว่าแต่ละครั้งจะไม่มีเบาะแสเลย เวลานานเข้านางจะต้องรู้ว่าศัตรูในที่มืดนี้คือใคร 

 

 

“คุณหนู” เถาฮวาที่ออกไปกินข้าวเช้ากลับมาแล้ว เมื่อเห็นคุณหนูของตนก็เผยรอยยิ้มกว้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความอาวรณ์ 

 

 

“เถาฮวากินอิ่มแล้ว” เสิ่นเวยเองก็ยิ้ม สายตากวาดผ่านแขนที่พันผ้าพันแผลของนาง ในแววตามีอะไรบางอย่างแวบผ่าน 

 

 

เถาฮวาออกแรงพยักหน้า มองเห็นคุณหนูไม่ได้หลับตาสนิทนอนอยู่บนเตียงแล้วนางก็รู้สึกสบายใจขึ้น “คุณหนู ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่” นางยื่นมือลูบตำแหน่งที่พันแผลของคุณหนูเบาๆ 

 

 

เสิ่นเวยตกใจ ยิ้มอีกครั้ง เด็กดีจริงๆ ใครบอกว่าเถาฮวาโง่ เถาฮวาน่ะเป็นเด็กที่ดีที่สุดเลย 

 

 

“เถาฮวาเจ็บไหม” เสิ่นเวยถามกลับ 

 

 

“เจ็บ” เถาฮวาพยักหน้า วันนี้ยังดีหน่อย เมื่อวานเจ็บจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด 

 

 

“ทนได้ไหม” เสิ่นเวยถามต่อ 

 

 

เถาฮวาคิดครู่หนึ่ง พยักหน้า “ได้” แผลบนแขนจะว่าเจ็บก็เจ็บ แต่ก็ยังทนได้ แค่ความเจ็บในอกกลับไม่อาจทน เมื่อวานนางแทบจะหายใจไม่ได้ ยังดีที่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว 

 

 

“เช่นนั้นข้าเองก็เหมือนเถาฮวา เจ็บก็เจ็บเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายแล้ว” เสิ่นเวยกล่าวกับเถาฮวา 

 

 

เถาฮวาพยักหน้า ฉีกยิ้มอย่างเบิกบาน ดีจริงๆ คุณหนูไม่ตายแล้ว อีกไม่กี่วันคุณหนูก็หายดีแล้ว คุณหนูจะไม่ทิ้งนางแล้ว 

 

 

หลีฮวาที่กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวของอยู่ก็คล้ายนึกอะไรขึ้นได้ “คุณหนู คุณชายสวีทิ้งจดหมายไว้ให้ท่านหนึ่งฉบับ บ่าวเก็บไว้ให้ท่าน” เมื่อวานคุณหนูตื่นขึ้นก็กลางดึกแล้ว นางจึงลืมเรื่องนี้ไป 

 

 

เสิ่นเวยรับจดหมายมาเปิดอ่าน ชั่วขณะร่างทั้งร่างก็สับสน ในจดหมายมีเพียงหนึ่งประโยค ‘ข้าจะรับผิดชอบเอง วางใจ’  

 

 

นี่มันหมายความว่าอย่างไร รับผิดชอบหรือ รับผิดชอบอะไร แล้วยังวางใจอีก ข้ามีอะไรที่ไม่วางใจหรือ 

 

 

ไม่เคยได้ยินว่าช่วยคนแล้วยังต้องรับผิดชอบ คนผู้นี้หมายความว่าอะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าตาดีแล้วจะพูดจาเหลวไหลได้นะ ต่อให้เจ้าจะหน้าตาดีกว่านี้ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้ามารับผิดชอบ 

 

 

ไม่ต้องมารับผิดชอบได้หรือไม่ 

 

 

เสิ่นเวยจะร้องไห้แล้วจริงๆ ใช่หมายความอย่างที่นางคิดไว้หรือไม่ เพราะว่าคนผู้นี้อุ้มนางจึงต้องการจะรับผิดชอบ นั่นไม่ใช่ว่าเป็นสถานการณ์พิเศษหรือ ไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณชายสวีมีนิสัยเช่นนี้ 

 

 

หรือเพราะว่าตนสวยมากเป็นพิเศษ ในใจเสิ่นเวยภูมิใจอยู่เงียบๆ ทันใดนั้นนางก็ได้สติกลับมา หยุดๆๆ คุณชายสวีเป็นใคร เจ้านายที่เข้าออกได้แม้แต่ห้องทรงอักษรของจักรพรรดิ ดอกไม้ป่าดอกเล็กเช่นตน ซ้ำยังเป็นดอกไม้ป่าที่ชุ่มเลือดไปทั่วร่าง จะตกอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไร อย่าฝันกลางวันเสียดีกว่า 

 

 

ที่สำคัญก็คือท่านยินดีที่จะรับผิดชอบ แต่ข้ายังไม่อยากชดใช้ด้วยชีวิตบั้นปลายที่เหลือ ท่านก็อายุยี่สิบสองปีแล้ว ข้าเพิ่งจะสิบห้าปีเอง อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเด็กสาวโฉมงามตลอดกาล วัวแก่กินหญ้าอ่อนจะดีจริงๆ หรือ พวกเราสองคนจะไปกันได้หรือ 

 

 

เฮ้อ ท่านเกิดข้ายังไม่เกิด ข้าเกิดท่านก็แก่แล้ว อยากจะ… หยุดๆๆ คิดอะไรอยู่เนี่ย 

 

 

อืม คาดว่าคุณชายสวีเองก็เพียงแค่แสดงความจริงใจ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเสียใจภายหลังอยู่ก็ได้ เสิ่นเวยเก็บความคิดฟุ้งซ่าน ตัดสินใจลืมเรื่องนี้เสีย ทำเป็นว่าไม่เคยอ่านจดหมายฉบับนี้มาก่อน 

 

 

แต่คุณชายสวีที่ถูกเสิ่นเวยวิจารณ์ในใจไม่หยุดกลับกำลังไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ คิดในใจ ตอนนี้เด็กคนนั้นคงจะอ่านจดหมายแล้วแน่ๆ นางจะคิดอย่างไร ดีใจ? เขินอาย? โมโห? สวีโย่วคาดเดาไปมากมาย แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็รู้สึกว่าเด็กคนนั้นไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ ส่วนนางจะมีการตอบสนองอย่างไรเขากลับบอกไม่ได้ 

 

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะแต่งงานจริงๆ เพียงแค่คิดว่าข้างกายจะต้องมีสตรีเพิ่มเข้ามาก็หงุดหงิดเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่ตอนนี้คิดๆ ดู หากคนผู้นั้นเป็นเด็กหญิงนางนั้นก็คล้ายรู้สึกว่าดียิ่งนัก 

 

 

ในใจของสวีโย่วแอบเฝ้ารออย่างไม่น่าเชื่อ 

 

 

ส่วนเจียงเฮยกับเจียงไป๋ก็มองหน้ากันปราดหนึ่ง ต่างก็รู้สึกว่าท่าทางของเจ้านายวันนี้แปลกประหลาดเป็นพิเศษ 

 

 

อาจารย์ซูมาถึงหมู่บ้านช่วงสาย คนที่มาด้วยกันยังมีหมอหลิว อ้อ เขายังยืมตัวทหารคุ้มกันในจวนมาอีกด้วย 

 

 

เก็บของเสร็จนานแล้ว เมื่อคนขึ้นรถม้าก็สามารถตรงกลับเมืองได้ทันที เพราะว่าเสิ่นเวยร่างกายบาดเจ็บ หลีฮวาจึงปูผ้านวมสองชั้นไว้บนรถม้า 

 

 

เส้นทางขากลับราบรื่นอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เสียดายที่พวกเขาระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด 

 

 

ส่งครอบครัวท่านตากลับจวนแม่ทัพใหญ่ก่อนแล้วเสิ่นเวยจึงกลับจวนจงอู่โหว ตอนที่ไปนางยังทิ้งเด็กรับใช้ไว้ให้ยี่สิบคน อ้างว่ามอบให้ท่านตาเรียกใช้ อันที่จริงเด็กรับใช้เหล่านี้ส่งไปเพื่อคุ้มกันครอบครัวท่านตา ในเมื่อไม่แน่ใจว่านักฆ่าพุ่งเป้ามาที่ใคร เช่นนั้นก็ต้องเตรียมการทุกด้านให้ดี 

 

 

ความปลอดภัยฝั่งนี้ของนางไม่เป็นปัญหาอย่างสิ้นเชิง ที่กังวลกลับเป็นครอบครัวของท่านตา กำลังคนในจวนแม่ทัพใหญ่น้อยเกินไป หากมีนักฆ่ากลุ่มใหญ่แบบเดียวกันปรากฏตัวอีกครั้ง จวนแม่ทัพใหญ่ก็คงจะถูกฆ่ายกครัว