EG บทที่ 658 ง่ายกว่ามั้ย?หากถูกรับรองให้เข้าเรียนต่อในระดับป.โท

 

“เฝิงหยู่! ฉันอยากลองสอบเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทดูนะ อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันบอกไว้ว่าคนที่จบปริญญาโทจะสามารถเข้าสอนในมหาวิทยาลัยได้ซึ่งเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน”

หลี่นาที่อยู่ในอ้อมกอดของเฝิงหยู่กล่าวขึ้น

“เธออยากเรียนต่อปริญญาโทงั้นหรือ? ทำไมยังต้องสอบอีกล่ะ? ที่วิทยาลัยของเธอไม่มีคนรับรองให้เข้าเรียนต่อได้หรือไง?”

เฝิงหยู่คิดว่าการมีคนรับรองประวัติของเราถือเป็นสิ่งสำคัญ หากใช้เพียงผลการเรียนของหลี่นารวมถึงความประพฤติและความขยันที่เธอมีก็เพียงพอที่มีคนรับรองให้สามารถเรียนต่อได้ง่ายๆ มันดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิด?!

ชีวิตของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยดูจะสบายกว่าครูมัธยมหลายเท่า นักเรียนมัธยมส่วนใหญ่มักจะเกเรและควบคุมยาก ซึ่งคนนิสัยอย่างหลี่นายากที่จะรับมือพวกเด็กๆเหล่านั้นได้

“ในวิทยาลัยของเราก็มีคนรับรองให้เช่นกันแต่มันก็ยากที่ฉันจะได้รับมันง่ายๆ ฉันไม่ค่อยสนิทกับอาจารย์เท่าไหร่ด้วยล่ะ ฉันยังได้ยินมาอีกว่าการถูกรับรองไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลการเรียนแต่มันขึ้นอยู่กับตัวอาจารย์ล้วนๆว่าพวกเขาต้องการที่จะรับรองเราหรือไม่?”

ผลการเรียนของหลี่นาอยู่ในลำดับต้นๆของวิทยาลัย หากการรับรองพวกนั้นอ้างอิงจากผลการเรียนหลี่นาก็สามารถถูกรับรองได้ง่ายๆแต่การจะถูกรับรองให้เข้าเรียนในระดับสูงกว่าปริญญาตรีนั้นไม่ได้ดูแค่ผลการเรียนเท่านั้น มันยังดูว่าบุคคลนั้นๆได้ถูกรับรองจากหัวหน้าอาจารย์หรืออธิการบดีหรือไม่?

“แล้วชื่อเสียงของอาจารย์ที่เธออยากให้รับรองเป็นอย่างไรล่ะ? เขามีงานอดิเรกหรือมีอะไรที่ชอบบ้างมั้ย?”

เฝิงหยู่เอ่ยถามหลี่นา

“อืม..ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาชอบอะไร?แต่ชื่อเสียงของเขาดีมากเลยล่ะ”

“ฉันกำลังจะสื่อว่าอาจารย์คนนั้นเป็นคนใจซื่อมือสะอาดหรือเปล่า?”

“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ! ครั้งล่าสุดที่เขาเข้าสอนพวกฉัน เขายังบอกเลยว่าคนเราต้องมีความยืดหยุ่นและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เขายังบอกอีกนะว่าหากในอดีตเขาไม่รู้จักความยืดหยุ่นแล้วล่ะก็ เขาคงจะตายไปกับเพื่อนๆในคอกวัวแล้วล่ะ”

เฝิงหยู่ได้ฟังเรื่องนี้จึงรู้วิธีจัดการกับอาจารย์คนนี้ได้ทันที เขาก้าวลงจากเตียงนอนและตรงไปยังห้องนั่งเล่น เขาหยิบบัตรช้อปปิ้งประมาณ 7-8 ใบออกจากกระเป่าของตน

“เอาบัตรใบนี้ไปมอบให้อาจารย์ท่านนั้นซะ ส่วนใบนี้มอบให้อธิการบดี ใบนี้มอบให้อาจารย์ที่ปรึกษาหรืออาจารย์คนอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง…อืม..หากมีใครสำคัญอีกก็จัดการมอบบัตรที่เหลือให้กับพวกเขาได้เลย แค่บอกพวกเขาไปว่าเธอต้องการให้พวกเขารับรองเพื่อเข้าเรียนต่อ”

หลี่นาตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด

“นายจะให้ฉันติดสินบนพวกเขางั้นรึ? นายทำแบบนี้ได้ยังไง?”

เฝิงหยู่ยิ้มและเริ่มเกลี้ยกล่อมหลี่นาอย่างรวดเร็ว

“มันจะเป็นการติดสินบนได้อย่างไรล่ะ? เธอรู้หรือเปล่าว่าอีก 2 วันคือวันอะไร?”

“…วันครู?”

“ใช่! มันคือวันครู! เป็นเรื่องปกติที่จะให้ของขวัญกับอาจารย์ของเธอนะนาน่า! ธรรมเนียมนี้มันก็ตกทอดมาตั้งแต่อดีตนี่นา สมัยก่อนเธอก็เคยให้ของขวัญแก่อาจารย์เพื่อให้พวกเขายอมรับในฐานะนักศึกษาคนหนึ่งของพวกเขา และเธอเองก็ต้องจ่ายค่าเทอมให้กับพวกเขาแถมยังต้องทำงานให้ฟรีๆอีก อาจารย์สามารถดุด่าและตีเธอได้ แล้วในช่วงวันเกิดของครูหรือแม้แต่วันเกิดภรรยาหรือสามีของพวกเขา เธอเคยให้ของขวัญแก่พวกเขาหรือเปล่า? เธอเคยจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเขาบ้างมั้ย? แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่เราจะมอบของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณในวันครูที่จะมาถึงนี้”

“จากสิ่งที่นายพูดนะเฝิงหยู่แค่เลี้ยงอาหารเย็นพวกเขามันก็น่าจะเพียงพอแล้ว แล้วบัตรพวกนี้มันคืออะไรกัน? บัตรช้อปปิ้ง? บัตรช้อปปิ้งของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์ตอนนี้นะหรือ? มูลค่าของมัน…..5,000หยวน! มันมากเกินไป! จำนวนนี้มันมากเกินไป! นี่คงไม่ใช่การแสดงความของคุณของฉันแล้วล่ะ!”

หลี่นาวางบัตรเหล่านั้นลงบนโต๊ะทันที

“ฟังฉันก่อนสินาน่า..ไม่เป็นไรเลยหากเราจะให้พวกเขามากขึ้น เธอเองก็ได้รับความรู้จากพวกเขามาไม่น้อยและก็ไม่ต้องไปรับในสิ่งที่ไม่ดีจากพวกเขามาก็พอ คิดดูดีๆสิ! ถึงแม้เธอไม่ให้ของขวัญกับพวกเขานักศึกษาคนอื่นๆก็ยังจะให้พวกเขาอยู่ดี จากนั้นเธอก็อาจพลาดโอกาสดีๆไป ความฝันของเธอคือการเป็นครู!เธอต้องการที่จะสอนเด็กรุ่นหลังๆให้มีความรู้ติดตัวไปใช้ในอนาคต แต่มันจะไม่ดีกว่าหรือ? ถ้านักเรียนในอนาคตจะมีครูดีๆแบบเธอเพิ่มขึ้น?”

เฝิงหยู่ยังคงใช้กลยุทธ์เพื่อเกลี้ยกล่อมเธอต่อไป

“ไม่ต้องลังเลแล้วล่ะ! ทำแบบที่ฉันบอกซะ! พรุ่งนี้เมื่อเธอไปวิทยาลัยก็เอาบัตรพวกนี้ไปมอบเป็นของขวัญให้กับพวกเขาซะ มันเหนื่อยนะหากจะต้องมานั่งสอบเพื่อเข้าเรียนต่ป.โท! การได้รับคำรับรองจะเป็นสิ่งที่สะดวกที่สุด เอาเวลาที่ใช้ในการเตรียมตัวสอบไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้ดีกว่า อาทิตย์หน้าเราไปเที่ยวกว๋อจือเจี้ยน[1]กันดีกว่าเราจะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของมหา’ลัยในสมัยก่อนไงล่ะ”

หลี่นามองเฝิงหยู่นิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนเฝิงหยู่จะไม่ใช่คนโลภและทะเยอทะยานอะไรนักแต่ธุรกิจของเขากลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีแถมได้ขยายไปยังต่างประเทศอีกด้วย แต่การจะปักธงว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยานก็ดูจะไม่เหมาะนักเพราะหลายต่อหลายครั้งเฝิงหยู่ก็มักจะสนับสนุนให้เธอไปเที่ยวเล่นแทนที่จะเรียนหนักอย่างเดียว เฝิงหยู่เป็นคนตรงไปตรงมาหรือเปล่านะ? แต่มันก็มีหลายครั้งที่เขาขอให้เธอใช้คอนเนคชั่นที่เขามีหรือแอบเล่นตุกติกบ้าง หากใครกล่าวหาว่าเฝิงหยู่เป็นคนหน้าเลือดเธอเองก็พร้อมจะเถียงแทนว่าเฝิงหยู่ได้บริจาคเงินสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนหลายแห่งแล้ว

“นาน่า..ฉันหิวแล้ว”

เฝิงหยู่ทำเสียงอ้อนใส่หลี่นา

“วันนี้เรายังไม่ได้ซื้อของสดเข้ามาเลยนะ อ๊ะ! แต่มีโจ๊กและไข่อยู่ในตู้เย็น”

“ฉันไม่ได้อยากกินพวกนั้นสักหน่อย ฉันอยากกิน..เธอต่างหากล่ะ! มาเถอะ!..มาฉลองให้กับการเรียนต่อของเธอดีกว่า”

“อ๊ะ!..เหตุผลอะไรของนายกันเนี่ย?..ไม่นะ! อ่า…อรื้มมมมม”

.

.

หลี่น่าไม่เต็มใจที่จะใช้ของขวัญเหล่านี้เป็นใบเบิกทางในการเรียนต่อและสุดท้ายเธอก็ยังยืนกรานที่จะไม่ทำมันอย่างแข็งขัน ส่งผลให้เฝิงหยู่ต้องลงมือทำสิ่งนี้ให้กับเธอแทน เขาจะจัดการทุกอย่างเพื่อความสำเร็จของหลี่นา!

เฝิงหยู่พิจารณาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องบริจาคอะไรให้กับวิทยาลัยของหลี่นา มันจะเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป นอกจากนี้เขายังมีแผนที่จะบริจาคเงินให้กับโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่อีกด้วยซึ่งสิ่งนี้สามารถใช้เงินน้อยกว่า 100,000 หยวนเท่านั้น แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาเสียเงินเป็นล้านๆหยวนอีกล่ะ? อีกอย่างวิทยาลัยแห่งนี้มีหลักสูตรในระดับสูงกว่าปริญญาตรีไม่กี่หลักสูตรเท่านั้น วิทยาลัยจะมีเงินทุนเพียงพอจากกระทรวงศึกษาธิการและค่าเทอมที่ได้รับในแต่ละเทอม

“สวัสดีครับอาจารย์ซู..ผมเฝิงหยู่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหลี่นาครับ ผมมาพบคุณในวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

“โอ้!..คุณเฝิง? ยินดีที่ได้พบคุณค่ะว่าแต่มีอะไรให้ฉันช่วยหรือค่ะ?”

อาจารย์ซูผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของหลี่นาถามขึ้น

“มันเป็นวันครูนี่ครับ!..ตามธรรมเนียมบ้านเกิดของเราแล้ว เราก็ต้องเลี้ยงอาหารเย็นให้กับเหล่าอาจารย์สักหน่อย คุณว่างเมื่อไหร่ละครับ?”

อาจารย์ซูรู้สึกประหลาดใจ ธรรมเนียมของบ้านเกิดอย่างนั้นหรือ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีธรรมเนียมแบบนี้?  ฉันเองก็มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนกันทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ?

“ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอาหารเย็นหรอกนะค่ะ! แค่หลี่น่าเป็นเด็กตั้งใจเรียนฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ อ้อ! ไม่กี่วันก่อนฉันยังคุยกับเธอเรื่องเรียนต่อปริญญาโทอยู่เลย”

“ผมเองก็ได้ยินมาว่าเธอจะเรียนต่ออยู่เหมือนกันครับ วิทยาลัยนี้ก็มีการให้คำรับรองสำหรับคนที่จะเรียนต่อใช่มั้ยครับ? แล้ว..คุณคิดว่าหลี่นาเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจทำเรื่องนี้ได้หรอกค่ะ..ต้องเป็นท่านอธิการบดีและหัวหน้าอาจารย์เท่านั้นที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้”

สีหน้าของอาจารย์ซูเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อเข้าใจในสิ่งที่เฝิงหยู่พยายามทำอยู่

“ผมเองก็จะไปคุยเรื่องนี้กับท่านอธิการบดีและหัวหน้าอาจารย์อยู่เช่นกันครับ! ที่วันนี้ผมมาพบอาจารย์ซูก็เพื่อมาขอบคุณที่ดูแลหลี่นาเป็นอย่างดี ในเมื่อคุณไม่ว่างไปทานอาหารเย็นด้วยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันแล้วเอาไว้คราวหลังเราค่อยมาทานข้าวด้วยกันนะครับ”

เฝิงหยู่ขอตัวกลับก่อน อาจารย์ซูจึงเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู เมื่อเธอกลับมานั่งที่ของเธอแล้วก็เห็นว่ามีบัตรใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะของเธอ

อาจารย์ซูหยิบมันขึ้นมาดูจึงรู้ว่ามันคือบัตรช้อปปิ้งของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตที่กำลังออกโฆษณาทางหนังสือพิมพ์และวิทยุในตอนนี้ ให้ตายเถอะ! มูลค่าของบัตรใบนี้เท่ากับ 5,000 หยวน

อาจารย์ซูตื่นตระหนกกับมูลค่าบัตรใบนี้ บัตร 5,000 หยวนจะต้องถูกเฝิงหยู่ทิ้งไว้โดยมีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน เธอไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้นัก สิ่งที่เธอสามารถทำได้ก็คือเสนอชื่อหลี่นาไปให้ท่านอธิการบดีและหัวหน้าอาจารย์พิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย

นี่..นี่มันคือบัตรช้อปปิ้งมูลค่า 5,000หยวน มันมากกว่าเงินเดือนรวมกับค่าเบี้ยเลี้ยงทั้งปีของเธอเสียอีก

 

[1]กว๋อจือเจี้ยน/ Beijing Guozijian ตั้งอยู่บนถนน Guozijian ในกรุงปักกิ่งประเทศจีนเป็นมหาวิทยาลัยระดับชาติของจีนในช่วงราชวงศ์หยวนราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง