EG บทที่ 659 ทุกคนต่างให้บัตรช้อปปิ้ง

 

ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตใช้เงินลงทุนกับการโฆษณาทางวิทยุและหนังสือพิมพ์ในทุกมณฑลที่สาขาของพวกเขาตั้งอยู่

ในขณะเดียวกันบทความและการ์ตูนที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์หลากหลายหัวข้อก็ดูน่าสนใจเช่นกัน ซึ่งบทความที่ชมเชยอาชีพครูและอิทธิพลที่ครูมีต่อนักเรียนก็เป็นบทความที่ต้องเสียเงินจ้างทั้งหมดเช่นกัน

เมื่อครั้งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจ้างคนให้เขียนบทความเหล่านี้ พวกเขาต่างงงเป็นไก่ตาแตกแต่เมื่อจำได้ว่าวันครูใกล้จะมาถึงอีกไม่กี่วันก็เลยคลายความสงสัยลง นอกจากนี้พวกเขายังได้รับเงินค่าจ้างและบทความเหล่านี้ยังถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย

แม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นชินกับการยกย่องอาชีพครูและอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแต่การเป็นนักเขียนมืออาชีพทำให้พวกเขาสามารถรังสรรค์บทความดีๆออกมาได้ แต่เมื่อพวกเขาส่งต้นฉบับไปให้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตตรวจสอบผลงานดู พวกมันกลับถูกปฏิเสธทั้งหมด!

ตลกไปหรือเปล่า? บทความของพวกเขาจะถูกปฏิเสธได้อย่างไร? เราคือมืออาชีพและส่วนใดของบทความของเราที่ไม่ได้มาตรฐาน หากคุณเป็นบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ก็ยังพอสามารถวิจารณ์บทความของเราได้ แต่นี่! พวกคุณเป็นใครถึงกล้ามาปฏิเสธบทความของเรา

โดยไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตให้เหตุผลเพียงข้อเดียวเท่านั้นว่าบทความเหล่านี้ไม่ได้แสดงธรรมเนียมอันเก่าแก่ของการเคารพครู

ธรรมเนียมอันเก่าแก่ของการเคารพครู? แล้วธรรมเนียมนี้มันคือสิ่งใด?

มีนักเขียนที่หัวดีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นึกธรรมเนียมการเคารพครูออกนั่นคือการมอบของขวัญต่างๆเพื่อแสดงความขอบคุณแก่คุณครู เร็วๆนี้ก็จะถึงวันครูแล้วและนี่ต้องเป็นแนวทางที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการให้พวกเขาเขียนขึ้นมาใช่หรือไม่? ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการให้พวกเขาแสดงเรื่องราวของการให้ของขวัญแก่ครูเพื่อแสดงถึงความเคารพที่มีต่อครูสินะ?

ดังนั้นนักเขียนคนนี้จึงเริ่มเขียนบทความขึ้นมาใหม่ตามแนวทางนี้และไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตจะจ่ายเงินให้เขาทันทีที่ได้เห็นบทความของเขา ซึ่งบทความของเขาจะได้ตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ในหลายๆมณฑล

นักเขียนผู้นี้เป็นเพียงนักข่าวประจำสำนักพิมพ์เล็กๆของเมืองๆหนึ่ง ชื่อเสียงของเขาจะเพิ่มขึ้นถ้าบทความของเขาถูกตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ของมณฑลต่างๆ

หลังจากตีพิมพ์บทความนี้ออกไป นักเขียนคนอื่นๆก็เข้าใจในเจตนารมณ์ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที พวกเขาเริ่มค้นหาข้อมูลเก่าๆและกิจกรรมต่างๆที่สามารถนำมาใส่ในบทความของพวกเขาได้ พวกเขาทั้งหมดต่างส่งเสริมธรรมเนียมอันมหัศจรรย์นี้ ท้ายที่สุดบทความของพวกเขาก็ได้รับการยอมรับจากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ ค่าจ้างที่ได้รับจากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตและสำนักพิมพ์ก็ค่อนข้างสูงอีกด้วย

หากดูตั้งแต่สมัยอดีตที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ก็ต่างให้ของขวัญแก่ครู นี่ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไม่ต่างจากการให้ของขวัญในประเพณีตรุษจีนเลยสักนิด นี่คือการส่งต่อทางวัฒนธรรมมาตั้งแต่สมัยอดีต มันไม่ใช่การติดสินบนอย่างแน่นอน!

ผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่ไม่คิดจะมอบของขวัญให้กับครูในตอนแรกก็ต้องเปลี่ยนใจในท้ายที่สุด ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ก่นด่านักเขียนเหล่านี้ในใจเช่นกัน

คนเหล่านี้สนับสนุนให้ครูรับของขวัญ!

ในบทความที่ถูกตีพิมพ์ออกมามันหมายความว่าหากเราไม่ได้มอบของกำนัลให้กับครู เราก็จะถูกมองว่าไม่ทำตามธรรมเนียมดั้งเดิม หากเราไม่ทำตามธรรมเนียมดังกล่าวลูกๆหลานๆของเราจะใช้ชีวิตในโรงเรียนได้ดีหรือไม่?

แม้ว่าทางโรงเรียนจะอ้างว่าครูมักปฏิบัติต่อนักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันแต่นั่นก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ครูก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งย่อมมีความลำเอียงและมีสิทธิพิเศษให้กับนักเรียนบางคนได้เช่นกัน นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้!

พวกเขาจะให้ครูดูแลและรักนักเรียนเหมือนลูกในไส้ได้อย่างไร? วิธีแรกก็คงต้องให้นักเรียนคนนั้นเป็นเด็กดีเชื่อฟังครูบาอาจารย์และมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมจนทำให้ครูภูมิใจได้

อีกวิธีหนึ่งก็คงเป็นการมอบของขวัญให้กับครูนี่ล่ะ!

ตอนนี้เหล่าผู้ปกครองต่างเคร่งเครียดว่าจะมอบของขวัญอะไรให้กับครูดี? ให้ของขวัญเหมือนสมัยก่อนดีหรือเปล่านะ? ในอดีตของขวัญที่ครูมักจะได้รับประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญประมาณ 6 อย่างยกตัวอย่างเช่น คื่นฉ่าย,ถั่วแดง,เนื้อสัตว์หายาก,ไข่ เป็นต้น แต่ดูแล้วไม่น่าจะได้ผลนัก!

หากนักเรียนให้ของขวัญเหล่านั้นกับครูสงสัยครอบครัวของครูคนนั้นจะต้องกินคื่นฉ่ายไปนานกว่าหนึ่งเดือนและพวกเขาก็คงหลอนกับคื่นฉ่ายไปอีกนาน แล้วมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่า? สมัยก่อนผู้ปกครองบางคนยังให้ 4 สมบัติทางการศึกษาให้กับครูด้วยเช่นกัน แต่ในยุคนี้ใครจะมานั่งฝึกคัดตัวอักษรกันล่ะ? ครูหลายๆคนคงลืมไปแล้วกระมังว่าวิธีจับแปรงลบกระดานต้องทำอย่างไร? พวกเขาไม่ได้มาสนใจว่าลายมือตัวเองจะต้องสวยหรือเปล่าเมื่อตั้งใจเพียงแค่สอนหนังสือเท่านั้น! ปากกาลูกลื่นล่ะ? อย่างน้อยมันก็ต้องเป็นปากกาทองคำเพราะคงไม่มีครูคนใดไม่มีปากกาลูกลื่นหรือปากกาหมึกซึมหรอกนะ!

ของขวัญที่จะมอบให้อีกฝ่ายนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายจะสามารถจดจำเราได้ แต่ของขวัญที่ดูเหมาะสมคืออะไรล่ะ? ผู้ปกครองหลายๆคนต่างกลุ้มใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก!

.

.

“โอ๊ะ! เฮียซัน! ลูกชายเฮียเรียนอยู่ ม.6 หรือเปล่านะ? วันครูก็ใกล้มาถึงทุกที แล้วเฮียล่ะจะให้ของขวัญครูหรือเปล่า?”

“เราจะไม่ให้ของขวัญครูได้ยังไงกัน? ผู้ปกครองคนอื่นๆก็กำลังหาของขวัญกันจ้าล่ะหวั่นเลยล่ะและถ้านายไม่ให้ของขวัญกับครูนะ คิดเหรอ?ว่าลูกๆของเราจะมีชีวิตที่ดีในโรงเรียน? ลูกชายฉันก็กำลังจะสอบเข้ามหา’ลัยในปีหน้าแล้ว ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีสำคัญสำหรับเขา ฉันต้องทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าครูในโรงเรียนจะไม่ละเลยเขา! นายเองก็เหมือนกัน ลูกชายนายก็อยู่ม.6ไม่ใช่เหรอ? นายจะไม่ให้ของขวัญกับครูหรือไง?”

“ผมก็อยากให้เหมือนกันล่ะเฮียแต่ไม่รู้จะหาของขวัญอะไรให้ ผมก็เลยมาถามเฮียนี่ล่ะว่าจะให้ของขวัญอะไรกับครูดี?”

“เอ้า! นี่นายไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์หรอกเหรอ? ตอนนี้ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเสนอขายบัตรช้อปปิ้งแล้วนะ!นายสามารถใช้บัตรนี้เพื่อซื้อสินค้าในไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ ฉันว่าจะให้บัตรช้อปปิ้งมูลค่า 500 หยวนแก่ครูน่ะ เพื่อนๆที่ทำงานฉันก็ทำแบบเดียวกัน เพียงแค่ให้บัตรช้อปปิ้งนี้ให้กับครูต่อให้มันจะราคาแพงแค่ไหนแต่มันก็คุ้มหากให้ครูดูแลลูกๆของเราให้ดี”

“500 หยวน? มันเพงมากเลยนะ! เงินเดือนผมแค่ 360 หยวนเอง”

“อย่างกไปหน่อยเลยน่า เมียนายเองก็ทำงานไม่ใช่เหรอ? แค่ทนไปกับมันสักเดือนหนึ่งก็ได้น่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของลูกชายนายเลยนะ ถ้าเขาไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากครูในโรงเรียนมันก็คงยากที่เขาจะสอบเข้ามหา’ลัยดีๆได้ ฉันว่าจะไปซื้อบัตรช้อปปิ้งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วล่ะ นายจะไปด้วยมั้ย?”

“ไปสิ!.แต่รอผมก่อนนะ ผมต้องไปเอาเงินกับเมียผมก่อน”

.

.

“ที่รัก..ปีนี้ลูกชายของเราก็เรียนอยู่ม.6แล้วนะค่ะ เขาจะเรียนจบในปีนี้แล้วและเราจะให้เขาไปนั่งเรียนอยู่หลังห้องได้อย่างไร? นี่ก็ใกล้ถึงวันครูแล้วด้วย ฉันได้ยินมาจากเพื่อนที่ทำงานว่าพวกเขาจะให้ของขวัญกับครูของลูกๆ แล้วเราล่ะ?จะให้ของขวัญครูของลูกเราด้วยหรือเปล่า? เราต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นใบเบิกทางให้ลูกเราเข้ามหา’ลัยให้ได้”

“ตกลง! แต่เราจะให้อะไรดีล่ะ? ครูของลูกเราเป็นผู้ชายถ้าให้เหล้าสัก 2 ขวดกับบุหรี่สัก 2ซองจะน่าเกลียดไปมั้ย?”

“ไม่ดีกว่า ฉันเห็นคนอื่นๆจะมอบบัตรช้อปปิ้งของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตให้กับครูกัน ด้วยบัตรใบนั้นครูของลูกเราก็สามารถเอาไปซื้อของที่เขาต้องการได้ ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีเหล้ากับบุหรี่ขายนี่น่า”

“แล้วเราควรให้เท่าไหร่ดี?”

“ฉันได้ยินว่าผู้ปกครองคนอื่นๆจะให้บัตรช้อปปิ้งราคา 500 หยวนกันแต่ฐานะเราดีกว่าพวกเขา!ถ้าอย่างนั้นเราให้บัตร 1,000 หยวนกันเถอะ”

“1,000หยวน? ถึงผมจะทำงานในบริษัทต่างประเทศแต่เงินเดือนผมแค่ 800 หยวนเองนะ!”

“แต่คุณยังมีโบนัสนี่คะ? นี่คืออนาคตของลูกเราเลยนะ เราก็ต้องให้สิ่งที่จะทำให้ครูจดจำลูกชายของเราได้ เราไปซื้อบัตรช้อปปิ้งราคา 1,000หยวนกันพรุ่งนี้เลย! เราจะเอาไปมอบให้ครูและให้เขาหาที่นั่งเรียนดีๆให้กับลูกเรา!”

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

.

.

“ที่รัก..พรุ่งนี้ตอนคุณไปส่งลูกที่โรงเรียน อย่าลืมมอบบัตรใบนี้กับครูหลิวด้วยล่ะ”

“มันคือบัตรช้อปปิ้งของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตงั้นหรือ? คุณไปซื้อมันมาใช่มั้ย? แล้วทำไมมันเป็นแค่บัตร 1,000หยวนล่ะ? คุณสามารถทำอะไรกับเงินแค่ 1,000หยวนได้? ฉันรู้นะ? ว่าคุณมีบัตรราคา 3,000หยวนอยู่กับคุณด้วย ให้บัตร 3,000 หยวนกับครูหลิวดีกว่า คุณยินดีที่จ่ายเงินแพงๆเพื่อเอาใจลูกค้าของคุณแต่กลับมาประหยัดกับเรื่องที่เกี่ยวกับลูกของเรานี่นะ?! ”

“อึ้ม!..อึ้ม!..อึ้ม!..คุณจะบ่นอะไรของคุณกันเนี่ย? แค่ 1,000หยวนก็พอแล้วมั้ง! การที่ผมให้ของขวัญราคาแพงๆกับลูกค้าก็เพราะว่าผมสามารถทำกำไรจากพวกเขาได้มากกว่าที่ผมเสียไปอีก! คุณคิดว่าบ้านของเราและรถยนต์จากซงเจียงมอเตอร์ได้มาฟรีๆโดยไม่พึ่งลูกค้าหรือไง? หากเอาบัตรช้อปปิ้งราคา 3,000 หยวนไปให้พ่อแม่ของเรามันจะไม่ดีกว่าหรือ? เราควรตอบแทนสิ่งดีๆให้กับพวกเขาบ้าง พวกเขาต่างประหยัดเพื่อพวกเรามามากแล้ว”

“เรื่องนั้นฉันก็เข้าใจแต่ถ้าในอนาคต ลูกของเราได้เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐล่ะ? มันจะไม่ดีกว่าหรือไง? ดูตัวคุณสิ! คุณอาจหาเงินได้เยอะจากการทำธุรกิจของคุณแต่เมื่อคุณต้องไปเจอเจ้าหน้าที่ของรัฐคุณก็ยังต้องก้มหัวเพื่อเคารพพวกเขาอยู่ดี”

“เลิกพูดมากได้แล้ว! ตอนนี้ผมเมาและก็ปวดหัวมากเลย..ไปชงชามาให้ผมสักถ้วยสิ!”

“คุณก็ดีแต่สั่งฉันเท่านั้นล่ะ!..ถอดเสื้อคลุมของคุณออกฉันจะเอามันไปแขวน! เดี๋ยวฉันจะไปต้มน้ำร้อนก่อน ส่วนคุณก็ไม่อาบน้ำก่อนเถอะ”

ภรรยาบ่นให้สามีเบาๆก่อนจะเดินไปชงชาร้อนทันที

.

.

ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตสามารถขายบัตรช้อปปิ้งได้มากกว่า 50,000 ใบต่อหนึ่งสาขาในช่วง 2-3 วันก่อนที่วันครูจะมาถึง แม้แต่เฝิงหยู่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ายอดขายจะสูงมากขนาดนี้ ผู้ปกครองในยุคนี้ช่างบ้าระห่ำยิ่งนัก พวกเขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกๆหลานของตน!