กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 997
ฮวาอิ่งกล่าว “วรยุทธ์ระดับห้าขั้นสูงสุด เจ้าช่างมีพรสวรรค์”
กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้นยืนและฝืนกลืนเลือดที่อยู่ในลำคอลงไป
“อยากฝึกฝนหรือ? คุกเข่าลงแล้วเรียกข้าว่าแม่นางสิ ไม่แน่ข้าอาจพิจารณาดูก็ได้”
ฮวาอิ่งรวบรวมกำลังภายใน จากนั้นดาบและง้าวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ถาโถมไปที่กู้ชูหน่วน
หากเป็นดาบง้าวธรรมดากู้ชูหน่วนก็พอจะหลบเลี่ยงไปได้
ทว่าดาบและง้าวเหล่านี้มีกำลังภายในของผู้มีวรยุทธ์ระดับเจ็ดคอยกระตุ้น ทำให้นางอดไม่ได้ชี้ดาบขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดึงดูดพลังเข้าไปสู่ดาบและจากนั้นก็ดึงดาบอ่อนออกมาทิ่มแทงออกไป
ดาบอ่อนแยกตัวออกเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด และสุดท้ายก็แยกตัวออกเป็นดาบนับหมื่นเล่มเพื่อต่อต้านดาบและง้าว
ซี๊ด….
ดาบนับหมื่นเสียเปรียบและยากจะต้านทานดาบและง้าวได้
ฮวาอิ่งดีดฉินกลางอากาศ พลังอันน่ากลัวที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้นั้นพุ่งพรวดไปที่กู้ชูหน่วน
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป
นางสัมผัสได้ว่ากระแสอากาศเหล่านี้เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
นางเขย่งเท้าและคว้าหอกยาว และกระโดดหลบกระแสอากาศที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว และผู้ที่หลบไม่พ้นก็ได้ยกหอกยาวขึ้นมาขวางกั้น
“ปัง….”
หอกยาวเมื่อปะทะเข้ากับกระแสอากาศก็เกิดการหักงอเปลี่ยนรูป
หากไม่มีกำลังภายในของนางคอยสนับสนุน เกรงว่าหอกยาวคงพังลงนานแล้ว
ชา…..
มือของนางชาเหลือเกิน
เพียงแค่ยกมือขึ้นมาขัดขวางกระแสอากาศเท่านั้น มือของกู้ชูหน่วนกลับสั่นสะเทือนจนเจ็บปวดอย่างมาก
โอ๊ย….
กระแสอากาศถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนถูกกระแสอากาศทำลายและกดทับจนแทบหมดกำลัง และมีหลายครั้งที่เกือบต้องตายเพราะกระแสอากาศนี้
รองหัวหน้าเผ่าเข้าร่วมการก่อค่ายกลและร่วมกับกู้ชูหน่วนในการจู่โจมกลับกระแสอากาศเหล่านั้น
พวกเขาร่วมมือกันอย่างดี
เดิมทีคิดว่าต่อให้ไม่สามารถฆ่าฮวาอิ่งลงได้ อย่างน้อยก็สามารถขัดขวางนางได้ เพื่อจะได้ไม่ให้นางลงมือทำลายเสาน้ำของเหวินเส่าอี๋อีกครั้ง
ทว่าพวกเขากลับดูถูกความสามารถของฮวาอิ่งมากเกินไป
ฮวาอิ่งเปรียบเสมือนแมวจับหนูที่คอยหยอกล้อกับพวกเขา
กระแสอากาศยิ่งรุนแรงมากขึ้น และฮวาอิ่งก็หัวเราะชอบใจที่เห็นพวกเขาต่อต้านอย่างสุดแรง
เมื่อเห็นประชาชนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายสะกดคอยกัดกินผู้คน
“อั่ก….”
รองหัวหน้าเผ่าหลบกระแสอากาศไม่ทัน ทำให้ถูกกระแสอากาศทำร้ายเข้าและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“วรยุทธ์ของนางไม่ใช่ระดับเจ็ดขั้นต้น อย่างน้อยวรยุทธ์ของนางได้ไปถึงระดับเจ็ดขั้นกลางแล้ว”
กู้ชูหน่วนอุทานเสียงหลง
ปัดโธ่
ระดับเจ็ดขั้นต้นก็ยากพอที่จะรับมือแล้ว
นางมีวรยุทธ์ระดับขั้นกลางเชียวหรือ
ไม่ง่ายเลยที่จะเพิ่มวรยุทธ์ไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุดได้ ทว่าต่อหน้าของนางกลับกลายเป็นเพียงคณะกายกรรมเท่านั้น
ฮวาอิ่งหัวเราะชอบใจ “สนุก สนุกมาก พวกเจ้าลุกขึ้นมาสิ ทำต่อไปสิ”
กระแสอากาศที่สมควรตาย
มันโปร่งใสเหมือนอากาศ และมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นว่ากระแสลมอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบและตอบโต้ด้วยความรู้สึก
“พวกเจ้าเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ รอให้ข้าดูดกลืนวรยุทธ์ของเจ้าจนหมด แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าจะเพิ่มพลังวรยุทธ์ให้กลับไปถึงขั้นสูงสุดได้อย่างไร”
ฮวาอิ่งกล่าวและกระดิกนิ้วชี้ จากนั้นกระแสอากาศก็พันรอบดาบและง้าวและพุ่งไปที่กู้ชูหน่วนอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันร่างกายของกู้ชูหน่วนก็เหมือนถูกสะกดไว้ โดยไม่สามารถขยับไปไหนได้
รองหัวหน้าเผ่ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการจัดการกับกระแสอากาศโดยไม่ทันช่วยกู้ชูหน่วนได้
เมื่อเห็นว่าฮวาอิ่งกำลังจะใช้มหาเวทชั่วร้ายกับกู้ชูหน่วนเพื่อดูดกลืนวรยุทธ์ของนาง เหวินเส่าอี๋ก็ออกอุบายหิมะน้ำแข็งออกมาโดยไม่สนใจกลุ่มประชาชนผีดิบที่ถูกสะกดนั้นเลย
เพียงต้นเดือนหก หิมะก็ตกลงมาอย่างกะทันหัน
เกล็ดหิมะตกลงมาราวกับกำลังเต้นระบำ
เกล็ดหิมะไม่ได้ตกลงพื้น ทว่ากลับก่อตัวเป็นมีดอันแหลมคมและเล็งไปที่ฮวาอิ่งด้วยรูปแบบสองแถว
เกล็ดหิมะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและกำลังภายในที่ควบแน่นก็แข็งแกร่งอย่างมาก ทิศทางการยิงออกไปนั้นก็แม่นยำ ทำให้ฮวาอิ่งทำได้เพียงหลบการจู่โจมของเกล็ดหิมะ
กู้ชูหน่วนจึงรอดพ้นจากอันตราย
“ในเมื่อเจ้าอยากตายขนาดนั้น เช่นนั้นข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า”
ฮวาอิ่งกล่าวและรัศมีอำมหิตก็พุ่งพล่านขึ้นมา และจากนั้นก็มีรอยมือเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
รอยมือเปื้อนเลือดนั้นใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งขอลานพิธีแต่งงาน
ทุกที่ที่มีรอยมือเปื้อนเลือดปกคลุม สิ่งชีวิตจะถูกพรากไป
นางกำนัลและขันทีต่างกลายเป็นโครงกระดูกทันที
ทหารองครักษ์ถูกดูดกลืนวรยุทธ์และทรุดลงกับพื้นเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น
“มหาเวทชั่วร้าย นี่คือมหาเวทชั่วร้าย ทุกคนรีบถอยไปไกลๆ” กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ฝืนกระตุ้นรวบรวมลมปราณแท้เพื่อสร้างค่ายกลขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันรอยมือเปื้อนเลือดใหม่อีกครั้ง
รอยมือเปื้อนเลือดไล่ล่าเหวินเส่าอี๋โดยไม่ให้โอกาสเขาได้รอดพ้นออกไป
เหวินเส่าอี๋ดีดฉินอย่างแผ่วเบาเสียงที่ดังราวกับมังกรกำลังแหวกว่ายและอ้าปากงับรอยมือเปื้อนเลือด เพื่อจงใจให้รอยมือเปื้อนเลือดนั้นแตกระเบิดออก
ฮวาอิ่งไม่มีทางทำให้เขาทำสำเร็จ ทุกครั้งที่รอยมือเปื้อนเลือดจะถูกทำลายลง นางก็รีบกระตุ้นกำลังภายในเข้าไปและบีบบังคับให้เหวินเส่าอี๋ต้องถอยหลังออกไปจนแทบจะยืนไม่ได้
รองหัวหน้าเผ่าเห็นเช่นนั้นก็รีบหยิบง้าวขึ้นมาและรวมง้าวและคนเป็นหนึ่งพุ่งตรงไปที่ฮวาอิ่ง
ฮวาอิ่งรีบหลบออกไปอย่างรวดเร็วและขณะเดียวกันก็เพิ่มพลังกดทับเข้าสู่รอยมือเปื้อนเลือด
อีกฝั่งหนึ่งก็จัดการกับรองหัวหน้าเผ่า
“ตู้มๆ…..”
บรรดาขุนนางต่างตกใจอย่างมาก
พวกเขารู้สึกว่าลานพิธีกำลังจะระเบิดเป็นหมอกควันแล้ว
รองหัวหน้าเผ่ามีวรยุทธ์สูงส่ง แต่ละกระบวนท่าที่ลงมือมานั้นทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนอยู่เป็นระยะ ทว่าเขากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮวาอิ่ง
ได้ยินเพียงเสียงที่ดังกึกก้อง
รองหัวหน้าเผ่าถูกฮวาอิ่งตบอย่างแรงและทันใดนั้นอวัยวะภายในของเขาก็เคลื่อนที่ไปผิดตำแหน่ง รวมถึงกำลังภายในก็แทบกระเจิดกระเจิง
รองหัวหน้าเผ่ากระอักเลือดออกมาและเป็นแบบนั้นอยู่นานก่อนจะคลานขึ้นมาได้ สติของเขากำลังจะหมดลงและการมองเห็นก็เลือนรางอย่างมาก เขากัดฟันกรอดเพื่อฝืนให้ตัวเองมีสติตื่นตัว
ฮวาอิ่งดูดกลืนวรยุทธ์อย่างหนักและมืออีกข้างหนึ่งก็ผนึกไปที่รองหัวหน้าเผ่า เพื่อคาดหวังจะดูดกลืนวรยุทธ์ของเขาจนหมด
เหวินเส่าอี๋หันไปเห็น จากนั้นก็ดีดฉินจังหวะเร็วขึ้นและก่อตัวเป็นมีดสั้นอันแหลมคมเล่มหนึ่ง
ขณะเดียวกัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ติดตามเหวินเส่าอี๋และเหวี่ยงไปยังฮวาอิ่งอย่างแรง
“อั่ก…..”
เหวินเส่าอี๋กระอักเลือดออกมา
กำลังภายในของเขาถูกใช้ไปเกือบหมดจากการช่วยเหลือผู้คนก่อนหน้านี้
และตอนนี้ก็ใช้วิธีการสูญเสียทั้งสองฝ่ายเพื่อจัดการกับฮวาอิ่ง ทำให้ร่างกายภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ถึงขั้นที่สามารถรับรู้ได้ว่าอวัยวะภายในส่วนใหญ่แย่ลง
การจู่โจมครั้งนี้แข็งแกร่งอย่างมาก
ไม่เพียงสามารถทำลายรอยมือเปื้อนเลือดลงได้
ยังสามารถทำให้ฮวาอิ่งถอยหลังไปได้กว่าสองสามก้าว และมุมปากของนางก็มีเลือดไหลออกมา
ฮวาอิ่งเช็ดรอยเลือดที่มุมปากและรอยยิ้มของนางก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“วรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด…..การจู่โจมเมื่อสักครู่ต้องมีวรยุทธ์ระดับเจ็ดอย่างแน่นอน เหวินเส่าอี๋นะเหวินเส่าอี๋ เหตุใดเจ้าถึงโดดเด่นและเก่งกาจเช่นนี้ ดีกว่าพ่อที่ไม่เอาไหนของเจ้าไม่รู้กี่ร้อยเท่าพันเท่า”
“พ่อของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะลบหลู่ดูถูกได้”
“คนที่ไม่มีแม้แต่ศพที่ครบสมบูรณ์ เหตุใดข้าจะดูถูกไม่ได้”
ประโยคนี้เจ็บลึกลงไปถึงหัวใจของเหวินเส่าอี๋ เขาไม่พูดอะไรและทำการต่อสู้อีกครั้ง
รองหัวหน้าเผ่าร้อนใจอย่างมากและคิดจะเข้าไปช่วย ทว่าเมื่อเขาขยับก็กลับล้มตัวลงกับพื้นอีกครั้ง ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะกระตุ้นกำลังภายในหรือเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นอีกเลย
เขาทำได้เพียงนั่งสงบสติและควบคุมกำลังและกระตุ้นการรักษาอาการบาดเจ็บ
กู้ชูหน่วนก็คิดจะช่วย ทว่านางก็ช่วยอะไรไม่ได้
หากนางปล่อยมือ รอยมือเปื้อนเลือดของจักรพรรดินีตัวปลอมก็จะปกคลุมลงสู่ประชาชนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่
ด้านหนึ่งคือเหวินเส่าอี๋ อีกด้านหนึ่งคือประชาชนนับไม่ถ้วน
กู้ชูหน่วนแทบอยากให้ตัวเองแยกร่างออกเป็นสองร่างเพื่อใช้งาน
“ตู้มๆๆ……”
“อ๋า……”
บรรดานางกำนัลตายลงอย่างน่าอนาถ ประชาชนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายสะกดกลับยิ่งมีความร้ายกาจมากขึ้น
ทุกคนเหมือนอยู่ในนรกที่ไร้ความหวัง
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “โจมตีด้วยไฟ พวกเขากลัวไฟ”
เยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานมาแล้ว
ในใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกมีความสุขและดวงตาเปล่งประกายความหวัง ทำให้ขวัญกำลังใจของนางเพิ่มมากขึ้น