กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 996

รองหัวหน้าเผ่ามองไปยังเหวินเส่าอี๋และส่งสัญญาณทางสายตาเพื่อถามว่าจักรพรรดินีตัวปลอมคือใคร

เหวินเส่าอี๋ครุ่นคิด

เผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าอวี้มีความคับแค้นใจต่อกัน

เผ่าเพลิงฟ้าจะยอมรับคนของเผ่าอวี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้นเหวินเส่าอี๋ก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้

“หัวหน้าเผ่ารู้ว่านางคือใคร?”

“ไม่แน่ใจนัก ข้าไม่เคยได้ยินคนในเผ่าเล่าว่ามีคนของเผ่าอวี้อยู่ แต่…”

“แต่อะไรหรือ”

“แต่มีคนกวาดขยะคนหนึ่งที่แปลกมาก ผู้อาวุโสในเผ่าล้วนรังเกียจนาง ถึงขั้นโกรธแค้นนาง ข้าเคยถามผู้อาวุโสสูงสุดว่านางคือใคร แต่ผู้อาวุโสสูงสุดกลับไม่พูด และบอกเพียงไม่ให้ข้าเข้าใกล้นาง”

หากนางเป็นคนกวาดขยะคนนั้นของเผ่าเพลิงฟ้า เช่นนั้นก็อาจพอเป็นไปได้

กร่อบแกร่บๆ…..

ฮวาอิ่งหักข้อนิ้วจนเกิดเสียงดัง

“คนหนึ่งวรยุทธ์ระดับห้าขั้นสูงสุด คนหนึ่งระดับหกขั้นต้น คนหนึ่งวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด ฮึๆๆ แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว”

เมื่อเห็นว่าผู้คนต่างถอยออกไปจำนวนมากแล้ว กู้ชูหน่วนก็ส่งสัญญาณเพื่อให้อสูรร้ายต่างถอยกันออกไป

บรรดาอสูรร้ายต่างวิ่งกันออกไป ไม่นานก็ชนเข้ากับเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารและรวมถึงทหารองครักษ์ที่วิ่งออกมากันก่อนหน้านี้

“….”

“มนุษย์อย่างพวกเจ้านี่มันยังไงกัน วิ่งหนีออกมากันแล้ว เหตุใดถึงยังกลับเข้ามาอีก?”

ทหารองครักษ์คนหนึ่งตื่นตระหนก “มี…..มีผี”

“กลางวันแสกๆ เช่นนี้จะมีผีได้อย่างไร?”

“มีผีจริงๆ ทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย น่ากลัวมาก มีคนจำนวนมากต่างตายลงด้วยเงื้อมมือของพวกเขา”

เพิ่งจะพูดจบ ท่านอ๋องเสวี่ย หลินเฟยและคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะถอยออกไปก็ย้อนกลับเข้ามา

เบื้องหน้ามีกลุ่มคนหน้าตาดุร้ายผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมาพากันกรูเข้ามา

กลุ่มคนเหล่านั้นร่างกายเต็มไปด้วยเลือด แววตาเหม่อลอยและเมื่อเห็นคนก็จะกระโดดเข้ามากัด

บรรดาทหารองครักษ์ต่างใช้ดาบฟันไปที่ร่างกายของพวกเขา ทว่ากลับทำอะไรพวกเขาไม่ได้และพวกเขายังคงกรูกันเข้ามาเมื่อเห็นผู้คนราวกับเป็นซากศพที่เดินได้ยังไงยังงั้น

พวกเขามีจำนวนมากนับไม่ถ้วนและตลอดทางที่พวกเขาเดินมาก็ล้วนเต็มไปด้วยซากศพ

ลานพิธีบูชาสรวงสวรรค์ได้กลายเป็นนรกไปแล้ว

หลินเฟยตะโกนเสียงดัง “ทหารรักษาพระองค์ โจมตีไปทางขวา จัดการให้สิ้นซากและคอยคุ้มกันท่านอ๋องเสวี่ยและคนอื่นๆ ออกไปจากที่นี่”

“ขอรับ”

ทหารรักษาพระองค์แต่ละคนต่างกล้าหาญและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดบรรดาผีดิบเหล่านั้นได้ แต่ก็สามารถกีดกันพวกเขาให้แยกเป็นสองฝั่งและจัดการพวกเขาจนเลือดเอ่อนองเป็นทาง จากนั้นก็คุ้มกันท่านอ๋องเสวี่ยและคนอื่นๆ หลบหนีออกไป

เพียงแต่…..

ไม่ง่ายเลยที่จะทำสำเร็จ จากนั้นก็มีกลุ่มผีดิบดวงตาเหม่อลอยสีหน้าดุร้ายโผล่มาอีกและทำให้ถูกขวางทางอีกจนได้

เสียงร้องไห้ฟูมฟาย เสียงร้องขอความช่วยเหลือและเสียงฆ่าฟันดังระงมรวมกันจนแยกไม่ออก

ผู้ที่อ่อนแอและขี้ขลาดต่างล้มลงกับพื้นและแขนขาอ่อนแรงจนไม่สามารถคลานขึ้นมาได้ มีขุนนางและข้าราชบริพารจำนวนมากที่ฉี่แตกใส่กางเกง

บรรดาอสูรร้ายต่อสู้ไปพร้อมกันตะโกนด่าทอออกมา “ปัดโธ่ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่ตายไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดถึงทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลย”

“พวกเขาก็คือคนที่ตายแล้วนั่นแหล่ะ เจ้าดูสิ พวกเขาไม่หายใจเลยด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกด้วย”

ในที่สุดกู้ชูหน่วนและเหวินเส่าอี๋ก็เข้าใจ

เหตุใดจักรพรรดินีตัวปลอมถึงไม่ยอมลงมือกับพวกเขาเสียที

เหตุใดถึงยังนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้

ที่แท้นางยังมีไม้ตายอยู่อีก

เมื่อนึกถึงที่พวกเขาพูดมาเมื่อสักครู่ นางสั่งฆ่าคนทั้งเมืองเพื่อสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา

ค่ายกลนั้นก็คือการทำให้คนมีชีวิตกลายเป็นคนที่ตายไปแล้ว เพื่อปล่อยให้นางฆ่าสังหารได้ตามอำเภอใจ

“เป็นอย่างไรบ้าง ผลงานของข้าไม่เลวเลยใช่หรือไม่”

ฮวาอิ่งมองไปยังสถานการณ์ที่วุ่นวายโกลาหลและเต็มไปด้วยซากศพ จากนั้นก็เงยหน้าหัวเราะอย่างชอบใจ

กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอดและระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความเกลียดชัง “หากเจ้าไม่ตาย สวรรค์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”

“หงส์หลากสี รวมกลุ่มกันแล้วพาพวกเขาบินออกไปจากที่นี่”

“ได้”

“เหวินเส่าอี๋ เช่นนั้นเราสามคนมาร่วมมือกันและกำจัดนางไปก่อน เพื่อล้างแค้นให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายที่ต้องตายลงอย่างเวทนา”

รองหัวหน้าเผ่าพยักหน้า

เดิมทีเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาไม่ต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้เลย

ทว่าผู้หญิงบ้าคลั่งคนนี้กลับฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี คนของเผ่าเพลิงฟ้าที่เพิ่งถอยร่นออกไปก็ถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถด้วยเงื้อมมือของบรรดาผีดิบเหล่านั้น

และนางก็ต้องการดูดกลืนวรยุทธ์ของหัวหน้าเผ่า หากไม่กำจัดนาง เช่นนั้นแล้วจะปล่อยนางไว้เพื่ออะไร

เหวินเส่าอี๋และกู้ชูหน่วนสบตากันอย่างรู้ใจกัน

กู้ชูหน่วนโบกมือขึ้นและทันใดนั้นถังเก็บน้ำขนาดใหญ่หลายสิบถังก็แตกลง ทำให้น้ำพุ่งไปทั่วทุกทิศทาง

และในขณะเดียวกัน เหวินเส่าอี๋ก็กระตุ้นกำลังภายใน เพื่อให้น้ำที่แตกออกมาลอยขึ้นสู่อากาศและก่อตัวเป็นเสาน้ำขนาดใหญ่เพื่อพุ่งไปยังเหล่าประชาชนผีดิบที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายเหล่านั้น

เมื่อสัมผัสโดยเสาน้ำพวกเขาก็ต่างเปลี่ยนไปกลายเป็นรูปปั้นแกะสลักน้ำ และไม่ว่าพวกเขาจะดุร้ายและน่ากลัวเพียงใดก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนอะไรได้อีก

จากนั้นทุกคนจึงพากันถอนหายใจ

ฮวาอิ่งเห็นเข้าก็หัวเราะอย่างเย็นชาและโบกมือขวาเพื่อคิดจะทำให้เสาน้ำนั้นละลาย

กู้ชูหน่วนและรองหัวเน้าเผ่าลงมือพร้อมกัน

“ตู้มๆๆ…..”

การต่อสู้กันระหว่างยอดฝีมือ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาสั่นสะเทือน

กู้ชูหน่วนและรองหัวหน้าเผ่าโจมตีจากซ้ายไปขวาเพื่อไม่ให้ฮวาอิ่งลงมือละลายเสาน้ำ

“ปังๆๆ…..”

การเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมาก

รวดเร็วจนทุกคนแทบมองไม่เห็นท่าทางการลงมือของพวกเขาเลย

เห็นเพียงพื้นดินระเบิดและทรุดลงเป็นหลุมลึกจำนวนมาก

ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ตามมาและรวมไปถึงหลุมที่ระเบิดต่างตายลงอย่างน่าอนาถ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหลวุ่นวาย

ทุกคนจะถอยหลังก็ไม่ได้

จะเดินหน้าก็ไม่ได้

ทำได้เพียงยืนตัวแข็งกับที่โดยไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน

“ท่านอ๋อง…..”

ท่านอ๋องเสวี่ยเกือบจะโดนลูกหลงของฮวาอิ่งจนบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หลินเฟยตาไวและดึงตัวเขาไว้ได้ทัน

ทว่าคนที่อยู่ข้างกายของท่านอ๋องเสวี่ยกลับไม่รอดชีวิตสักคน

ท่านอ๋องเสวี่ยปากสั่น “วรยุทธ์ของผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว ฝ่าบาทจะเป็นอะไรหรือไม่?”

“ท่านอ๋อง การต่อสู้ระดับนั้น ข้าน้อย…..ข้าน้อยไม่อาจเข้าไปขัดขวางได้” และไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้

แม้แต่เข้าไปใกล้ก็อาจกลายเป็นฝุ่นควันลอยออกไป จะเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร?

ทุกคนทำได้เพียงร้อนใจและคาดหวังว่ากู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ จะสามารถจัดการจักรพรรดินีตัวปลอมนี้ไปได้

และเหวินเส่าอี๋จะสามารถควบคุมประชาชนที่ถูกเวทมนตร์เหล่านั้นได้

อาจเป็นเพราะผลที่ตามมานั้นทำลายผู้คนมากเกินไป จากนั้นกู้ชูหน่ววนและรองหัวหน้าเผ่าจึงเปิดเกราะป้องกันขนาดใหญ่ครึ่งวงกลม เพื่อให้การต่อสู้ถูกแยกอยู่ภายในและทำให้ลดการทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บไปได้เยอะ

การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของกู้ชูหน่วนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองไม่เห็น ทว่าเหวินเส่าอี๋ทางนี้นั้น พวกเขากลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เหวินเส่าอี๋ใช้น้ำก่อตัวเป็นเสาน้ำและใช้กำลังภายในบีบบังคับใช้พวกเขาแข็งตัวเป็นน้ำ

เดิมทีมีเพียงประชาชนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายเหล่านี้เท่านั้น ทำให้เหวินเส่าอี๋รับมือได้อย่างง่ายดาย

ทว่ากลับยิ่งมีประชาชนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายเพิ่มขึ้นมาสมทบเรื่อยๆ ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้กำลังภายในและแหล่งน้ำมากขึ้นเพื่อจัดการ

ท่านอ๋องเสวี่ยตะโกนอย่างร้อนใจ “เร็วเข้า รีบไปตักน้ำมาเร็วเข้า…..”

“ขอรับ…..”

บรรดาทหารองครักษ์ต่างถือกระบวยตักน้ำมาอย่างกระตือรือร้น

เหวินเส่าอี๋ยังคงแน่นิ่งเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายและกล่าวออกมา “ไม่ต้องไปตักมา แม่น้ำอยู่ที่ใด?”

“ไม่….ไม่มี ที่นี่มีเพียงน้ำที่ใช้สำหรับช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้และไม่มีแหล่งน้ำใดๆ อีกเลย”

เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้อาจจะรู้ว่ากลยุทธ์ของเขานั้นเกี่ยวข้องกับน้ำและสามารถทำให้น้ำก่อตัวเป็นการต่อสู้ได้ ฉะนั้นจึงจงใจเลือกสถานที่แห่งนี้

เมื่อเห็นบรรดานางกำนัลและขันทีต่างล้มตายลงทีละคน เหวินเส่าอี๋จึงทำได้เพียงนำน้ำจากถังน้ำทั้งหมดเพื่อก่อตัวเป็นเสาน้ำผนึกพวกเขาไว้

ท่านอ๋องเสวี่ยตะโกนออกไป “ไปหาน้ำและเอามาให้หมดไม่ว่ามีมากน้อยแค่ไหนก็ตาม”

“ขอรับ”

อดพูดไม่ได้ว่าวิชาผนึกด้วยน้ำของเหวินเส่าอี๋นั้นร้ายกาจมาก ไม่นานก็สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

ทว่าเกราะกำบังของกู้ชูหน่วนทางนั้นกลับถูกทำลายลง

กู้ชูหน่วนและรองหัวหน้าเผ่าต่างกระเด็นลอยออกไปและกระแทกเข้ากับเสาหินอย่างแรง ทำให้กระอักเลือดออกมา

“ปัง…..”

ฮวาอิ่งสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นประชาชนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายที่ควบคุมด้วยเสาน้ำก็ก่อจลาจลขึ้นอีกครั้ง และถาโถมเข้าใส่ผู้คนเพื่อจะกัด