กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 995

ไม่รู้ว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้ามายืนอยู่ข้างกายของเหวินเส่าอี๋ตั้งแต่เมื่อไร

รองหัวหน้าเผ่ากระซิบ “หัวหน้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา เช่นนั้นเราควรกลับไปก่อนและรอให้รัฐปิงสงบสุขอีกครั้ง จากนั้นค่อยกลับมาเจรจาเรื่องการแต่งงานดีหรือไม่”

เหวินเส่าอี๋มองไปยังฮวาอิ่งและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้าคิดว่านางจะปล่อยข้าไปอย่างนั้นหรือ?”

นางคิดวางแผนที่จะได้แต่งงานกับเขาก็เพราะวรยุทธ์ในร่างกายของเขา เช่นนั้นนางจะยอมปล่อยไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ

ผู้อาวุโสหงกล่าว “เช่นนั้นเราก็คอยดูอยู่ข้างๆ รอให้นางทนไม่ไหวแล้วจากนั้นเราค่อยเริ่มลงมือ”

กู้ชูหน่วนพยายามสั่งให้ผู้คนพากันหลบหนีออกไปและตะโกน “เผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือจำนวนมาก แม้ว่าคนของเราจะมีมาก แต่ความสามารถก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก หากพวกเจ้าไม่ยื่นมือมาช่วย เกรงว่าวันนี้รัฐปิงคงต้องสูญสิ้นลงด้วยเงื้อมมือของนาง บรรพบุรุษของพวกเจ้าแค่สั่งไม่ให้พวกเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการบริหารรัฐปิง แต่กลับไม่ได้บอกให้พวกเจ้าห้ามช่วยชีวิตคนอื่นในยามยากไม่ใช่หรือ”

ผู้อาวุโสหงกล่าว “แต่ก็ไม่ได้สั่งให้พวกข้าช่วยนี่นา”

“ใช่ แต่หากไม่มีรัฐปิงแล้ว พวกเจ้าจะไปหาใครมาแต่งงานด้วยอย่างนั้นหรือ”

“เอ่อ….”

ยังไม่ทันที่คนของเผ่าเพลิงฟ้าจะตอบรับ กู้ชูหน่วนก็พูดกับฮวาอิ่ง “นี่ เจ้าตาบอดหรือไม่ หากตาไม่บอดเจ้าก็คงเห็นแล้วสินะว่าเป็นคนที่อันตรายที่สุดที่อยู่ที่นี่”

ผู้อาวุโสฉีกระทืบเท้าและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูนางพูดสิ นางคิดจะดึงหัวหน้าเผ่า ไม่ๆ ดึงเราทั้งหมดเข้าไปเกี่ยวข้อง แผนการของผู้หญิงคนนี้ไม่บริสุทธิ์ รองหัวหน้าเผ่า หากนางได้เป็นจักรพรรดินีจริง เรายังจะให้พวกเขาแต่งงานกันอีกหรือ?”

รองหัวหน้าเผ่ารู้สึกลำบากใจ

อุตส่าห์คาดหวังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นจักรพรรดินีตัวปลอม เพื่อหัวหน้าเผ่าจะได้ไม่ต้องแต่งงาน

ทว่าตอนนั้นกลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง…..

จิตใจของมู่หน่วนไม่ได้เลวร้ายอย่างจักรพรรดินีตัวปลอม ทว่านางกลับมีมหาเวทดูดพลังที่สามารถดูดกลืนวรยุทธ์ของคนอื่นมาเพื่อตัวเอง

หัวใจของคนในเผ่าเพลิงฟ้าต่างสั่นสะท้าน

ในที่สุดพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีตัวปลอมเข้าแล้ว

ท่ามกลางผู้คนมากมาย หยางม่านเฝ้านึกถึงเหวินเส่าอี๋โดยไม่ได้จากไปไหนและยังกล่าวอย่างโมโห “เสด็จพี่ เหตุใดมู่หน่วนถึงไร้ยางอายเช่นนี้ ผู้หญิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้จะเป็นลูกสาวของจักรพรรดินีองค์ก่อนได้อย่างไร”

หยางโม่กล่าว “หากนางไม่ทำเช่นนี้ ผู้คนนับหมื่นที่นี่จะหนีออกไปได้อย่างไร นางกำลังยื้อเวลาให้ทุกคน”

“ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่ควรดึงตระกูลเหวินเข้ามาเกี่ยวข้อง”

“จากน้ำเสียงของเจ้า ดูเหมือนเจ้าจะเป็นห่วงพระสวามีของจักรพรรดินีมากสินะ”

“ข้าเปล่า เพียงแต่รู้สึกไม่เป็นธรรมแทนเขาเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลเหวินเคยช่วยชีวิตนางมาหลายครั้ง นางไม่รู้จักตอบแทนแถมยังมาคิดบัญชีด้วยอีก และอีกอย่าง หากผู้นำตระกูลเหวินยังไม่ผ่านพิธีการแต่งงาน เขาก็จะยังไม่ใช่พระสวามี”

จนถึงตอนนี้หยางม่านก็ไม่ต้องการเรียกเหวินเส่าอี๋ว่าพระสวามีของจักรพรรดินี

“ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องได้เป็นพระสวามีของจักรพรรดินี”

หยางโม่ดูโศกเศร้า เขาคาดหวังว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ใช่หนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์และไม่ใช่ญาติของเขา

มุมปากของฮวาอิ่งขยับและยิ้มอย่างเลือดเย็น นางเห็นว่าทุกคนที่นี่นอกจากคนของเผ่าเพลิงฟ้านั้นได้กลายเป็นศพไปหมดแล้ว

“แม้ว่าข้าจะรังเกียจนาง แต่นางพูดถูก แค่จัดการเจ้าได้ เช่นนั้นยังจะกลัวว่ากลุ่มมดเหล่านี้จะเลื้อยคลานออกไปจากกำมือของข้าได้อีกหรือ”

“หัวหน้าเผ่า ท่านหนีออกไปก่อน เราจะเป็นคนจัดการนางเอง” รองหัวหน้าเผ่าไปขวางอยู่ข้างหน้าและจ้องมองฮวาอิ่งอย่างเกรี้ยวกราดที่พร้อมจะถล่มได้ทุกเมื่อ

คนของเผ่าเพลิงฟ้าล้อมเหวินเส่าอี๋ให้อยู่ภายในด้วยรูปแบบสามเหลี่ยม

หากเป็นเมื่อก่อนฮวาอิ่งจะหวาดกลัว ทว่าตอนนี้นางกลับดูผ่อนคลายและยิ้มออกมา โดยไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด

เหวินเส่าอี๋ก้าวออกมาจากสามเหลี่ยมป้องกันและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถอยไปให้หมดทุกคน ห้ามเหลือไว้แม้แต่คนเดียว”

“หัวหน้าเผ่า”

“นี่คือคำสั่ง”

ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพากันมองไปที่รองหัวหน้าเผ่า

หากพวกเขาออกไปทั้งหมด เช่นนั้นแล้วหัวหน้าเผ่าจะทำอย่างไร?

พวกเขาไม่อยากออกไป ทว่าแววตาของเหวินเส่าอี๋กลับเต็มไปด้วยสัญญาณเตือน

นี่คือคำสั่งที่ต้องปฏิบัติโดยไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจา

รองหัวหน้าเผ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ทำตามที่หัวหน้าเผ่าบอก ผู้อาวุโสฉี ผู้อาวุโสหง พวกเจ้าคอยคุ้มกันทุกคนออกไปจากที่นี่”

“รองหัวหน้าเผ่า”

“คำพูดของข้าพวกเจ้าไม่ฟัง คำพูดของหัวหน้าเผ่าพวกเจ้าปฏิบัติตามอย่างนั้นหรือ?”

ทุกคนต่างกระทืบเท้า

แม้ว่าจะไม่ยินยอม แต่ก็ทำได้เพียงถอยออกไปรออยู่ข้างนอก

คนของเผ่าเพลิงฟ้าก็ถอยออกไปหมดแล้ว ทว่ารองหัวหน้าเผ่ากลับไม่ไปไหน เขายิ้มและกล่าวว่า “หัวหน้าเผ่าอยู่ที่ไหน ข้าก็จะติดตามไปด้วยทุกที่ วันนี้แม้จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าเผ่า แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่”

เหวินเส่าอี๋หันมายิ้มให้โดยไม่บีบบังคับเขา

ฮวาอิ่งไม่ได้เร่งเร้า ทว่านางกลับเฝ้าจับตามองอย่างเงียบๆ และปล่อยให้พวกเขาออกไป

“คนของสำนักย่อยเผ่าเพลิงฟ้ามีความเห็นอกเห็นใจกันอย่างมาก ทว่าคนของสำนักใหญ่กลับเต็มไปด้วยวายร้ายที่ตีสองหน้า เห็นผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อทรยศหักหลัง”

“เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงรู้จักเผ่าเพลิงฟ้าของเราดีเช่นนี้”

ไม่เพียงแค่รองหัวหน้าเผ่า เหวินเส่าอี๋และกู้ชูหน่วนต่างก็อยากรู้ว่านางเป็นใครกันแน่

ต่อหน้านางแล้ว พวกเขาเหมือนกบที่อยู่ในกะลา

ทว่านางกลับรู้ทุกอย่างราวกับทุกสิ่งอยู่ภายใต้ฝ่ามือของนาง

“พวกเจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ฮ่าๆๆ ข้ากลับไม่บอกพวกเจ้า”

“……”

กู้ชูหน่วนลูบผมที่อยู่หลังหูเพื่อจงใจเยื้อเวลา

“เจ้าไม่บอกพวกข้า พวกข้าก็สามารถเดาเอาได้ ให้ข้าเดาละก็ เจ้าคงมาจากดินแดนเยี่ยอวี่ใช่หรือไม่”

ฮวาอิ่งไม่ตอบและไม่แสดงอะไรทางสีหน้า

คาดว่านางน่าจะเดาถูก

นางน่าจะมาจากดินแดนเยี่ยอวี่แน่ๆ ไม่เช่นนั้นหากเป็นคนที่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งคงรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างแน่นอน

“เจ้าไม่เพียงแค่มาหาดินแดนเยี่ยอวี่ แต่เจ้ามาจากสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้าอีกด้วย”

“วรยุทธ์ของเจ้าไม่เหมือนกับเผ่าเพลิงฟ้า ฉะนั้นเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า ทว่าเจ้ากลับรู้จักเผ่าเพลิงฟ้าเป็นอย่างดี เช่นนั้น….เจ้าน่าจะเคยอยู่ที่เผ่าเพลิงฟ้า และเคยอยู่ที่นั่นมานานด้วย”

ดูเหมือนว่าฮวาอิ่งจะรู้สึกตกใจ ทว่าไม่นานก็กลับเป็นปกติ

ทว่าเพียงชั่วพริบตานั้นกลับอยู่ในสายตาของกู้ชูหน่วนตลอดเวลา

ทำให้นางยิ่งมั่นใจได้ว่าสิ่งที่นางคาดเดานั้นถูกต้อง

“นิสัยของเจ้าขึ้นลงและอารมณ์ร้าย มีความโหดเหี้ยมอำมหิต ข้าคิดว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะหลงรักเจ้าได้”

ฮวาอิ่งโมโหและกัดฟันกรอด “เจ้าพูดอะไรนะ”

“เฮ้อ…..เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้ายังเดาไม่เสร็จเลย เจ้าไม่อยากฟังที่ที่ข้าจะพูดหลังจากนี้หรือ”

ฮวาอิ่งสูดหายใจลึกและเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้เพื่อฟังสิ่งที่นางจะพูดต่อ

“เจ้าไม่เพียงรู้จักเผ่าเพลิงฟ้าเป็นอย่างดี เจ้ายังรู้จักเผ่าอวี้เป็นอย่างดี และยังโกรธแค้นเผ่าอวี้อย่างมาก ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมีความแค้นกับเผ่าอวี้ใช่หรือไม่”

ฮวาอิ่งอดชมนางไม่ได้

แม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไปและกลับมาเกิดใหม่อีกโลกหนึ่งแล้ว

ทว่ากระบวนการความคิดของนางกลับแข็งแกร่งจนน่าตกใจ

แข็งแกร่งราวกับแม่ผู้ชั่วช้าคนนั้นของนาง

“วรยุทธ์ของเจ้าแข็งแกร่ง ทว่าข้าได้ยินมาว่าวรยุทธ์ของเผ่าอวี้ก็แข็งแกร่งเช่นกัน หรือว่าเผ่าอวี้ตามไล่ฆ่าเจ้า จนเจ้าไม่มีที่หลบและเข้าไปแอบหลบอยู่ในเผ่าเพลิงฟ้า และเป็นคนใช้อยู่ที่นั่นเพื่อหลบซ่อนตัว”

ซี๊ด……

ทันใดนั้นกลิ่นอายของพลังสังหารก็เข้ามาปกคลุม ทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ และรู้สึกว่าขาข้างหนึ่งของตัวเองได้ก้าวเข้าไปสู่ประตูนรก

กู้ชูหน่วนตกใจกลัวจนเอามือขึ้นลูบหน้าอก “ข้าก็แค่คาดเดาไปมั่ว ข้าคงไม่ได้เดาถูกทั้งหมดหรอกนะ”