ตอนที่ 109 ทุกข์ใจตามลำพัง 

 

 

 

 

 

ถงถงเอ๋อร์อยู่เคียงข้างหงหลิงเอ๋อร์ทุกวัน ทั้งๆ ที่นางเป็นศิษย์พี่ แต่สำหรับนางแล้วแทบไม่ต่างกับสาวใช้ ถูกเรียกใช้ไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะที่นางแค้นใจที่สุดคือการที่ถูกหงหลิงเอ๋อร์ดูถูกเรื่องชาติกำเนิด 

 

 

ถังเฉียนกลับมาที่ห้องตนเอง นางปิดประตูลงกลอนแล้วซ่อนตัวใต้ผ้าห่ม นางกัดชายแขนเสื้อตัวเอง น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย นางมาถึงที่นี่ ทั้งไร้ที่พึ่ง ทั้งตื่นกลัว จนกระทั่งพบกับเถิงเฟิง ทั้งที่นางไว้ใจเขาขนาดนั้น พึ่งพาเขา แต่แล้ว… 

 

 

“เจ้านาย เจ้านาย…” 

 

 

อาห่าวร้องเรียกนางที่นอกห้อง แต่ถังเฉียนไม่ขานรับ นางเพียงแต่เอามืออุดหูตัวเอง ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น 

 

 

เป็นเพราะเถิงเฟิง ถังเฉียนจึงเชื่อมั่นในหมอผีศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยปิดบังเรื่องใดๆ นางสำนึกในบุญคุณเถิงเสวี่ยตลอดเวลา แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่แผนลวงเท่านั้น 

 

 

อาห่าวตะโกนเรียกอยู่ครู่หนึ่งก็คิดว่าถังเฉียนคงหลับไปแล้ว เขาจึงถือจดหมายที่เถิงเฟิงฝากให้ถังเฉียนกลับไป เพราะบิดาของเถิงเฟิงมาที่หล่งชวน เถิงเฟิงและเถิงเสวี่ยจึงต้องไปพบ หากแต่อยู่ที่จวนจินซิวอ๋องไม่สะดวกทั้งสองจึงไปจากจวนอ๋อง ทิ้งศิษย์พี่ทั้งสองของถังเฉียนไว้ รวมทั้งให้อาห่าวอยู่คอยส่งข่าวให้เถิงเฟิง แต่ข่าวนี้ไปไม่ถึงมือถังเฉียน 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นถังเฉียนไปทำแผลให้ฉู่จิ่งเหยาทั้งๆ ที่นางยังตาบวม ดีที่นางสวมหน้ากาก เวลานี้บาดแผลฉู่จิ่งเหยาไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เหมือนการทำงานตามแบบแผน ถังเฉียนต้องไปรายงานตัวที่ห้องหนังสือ ยกยาระงับปวดและบำรุงร่างกายมาให้และอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเขา 

 

 

“วันนี้ หมอผีน้อยดูเงียบเป็นพิเศษ หลังจากเป็นหมอผีศักดิ์สิทธิ์แล้วนิสัยไม่เหมือนเดิมแล้วหรือ” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาถอดเสื้อออก พลางได้ยินเสียงถังเฉียนถอนหายใจอยู่ข้างหลัง เขาจึงจงใจพูดเล่นกับถังเฉียน นางก้มหน้าลง ภายใต้หน้ากากนั้นริมฝีปากเม้มแน่น 

 

 

“อะไรกัน แม่หนูน้อยเจ้าก็จะไม่ยอมพูดหรือ” 

 

 

ถังเฉียนไม่พูดไม่จาและไม่เข้าใกล้ ท่าทางเหมือนโมโห กลับทำให้ฉู่จิ่งเหยารู้สึกน่าขัน ฐานะของถังเฉียนไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่านางเป็นเด็กสาวอายุสิบสี่เท่านั้น แน่นอนว่าเพราะอายุนางก็ยิ่งทำให้เจิ้งจยาเฉิงยิ่งสงสัยฐานะของนางมากขึ้น 

 

 

“พอมีที่พิงก็เลยขี้โมโหหรือ” 

 

 

ถังเฉียนทำแผลให้เขา แกล้งออกแรงหนักๆ ฉู่จิ่งเหยาเอามือกุมแผล ยิ้มแล้วว่า 

 

 

“เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ออกแรงหนักกว่าทุกวันมาก” 

 

 

ฉู่จิ่งหยาพูดจบก็หัวเราะ ถังเฉียนคิดว่าเขาตั้งใจหาเรื่องคุย ส่วนตัวนางมักจะอ้าปากถามเขา แต่คำพูดคืนวันก่อนทำให้นางขาดความมั่นใจ นางกำลังจะอ้าปากออกแต่ก็กลั้นไว้ กลัวว่าจะทำให้ฉู่จิ่งเหยาโกรธ ตัวเองจะไม่มีที่จะอยู่ได้ 

 

 

เมื่อวานถังเฉียนเห็นชื่อบิดาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะสะเทือนใจ นางก็คงต้องมาถามให้รู้แน่ชัดแล้ว แต่วันนี้เมื่อมาแล้ว นางเห็นกระดาษเก่าแผ่นนั้นยังคงอยู่ในตะกร้า ดูเหมือนจะไม่มีใครมายุ่ง ก็รู้สึกแปลกใจ ปกติแม่นางจื่อเย่ว์เป็นคนละเอียดรอบคอบ ไม่เคยทิ้งอะไรไว้ข้ามคืน วันนี้เป็นอะไรไป 

 

 

ถังเฉียนย่อมไม่อาจรู้ว่าเมื่อคืนที่นี่วางกับดักไว้รอนาง แต่เพราะนางถูกเพื่อนหักหลัง ทำให้เสียใจและสิ้นหวัง จนลืมเรื่องนี้ไป 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงเชื่อจริงๆ ว่านางเป็นศิษย์ของหมอผีศักดิ์สิทธิ์เถิงเสวี่ย แต่ข่าวที่เขารู้มานั้นหมอผีศักดิ์สิทธิ์มีศิษย์เพียงสิบคน นางเป็นคนที่สิบเอ็ด จึงเห็นได้ชัดว่าเพิ่งรับไว้ในภายหลัง เรื่องนี้จึงแปลกมาก เจิ้งจยาเฉิงคิดเชื่อมโยงได้เก่งตอนนั้นผู้คุมของถังเฉียนมาที่จวน ได้เห็นถังเฉียนครั้งหนึ่ง ก็พล่ามไม่เลิกว่ารูปร่างนางเหมือนถังเฉียนมาก 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดถึงเรื่องระหว่างหมอผีฮว่าเหยียนกับถังเฉียนรวมทั้งสามพี่น้องสกุลถัง โดยเฉพาะที่ผู้คุมเอ่ยถึง โลหิตเทพโอสถ ยิ่งทำให้เจิ้งจยาเฉิงสนใจ ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากอาหรูน่าปรากฏตัวขึ้น ถังเฉียนก็หายสาบสูญไป ทั้งหมดนี้ช่างเหมาะเจาะมาก ทำให้เจิ้งจยาเฉิงอดสงสัยไม่ได้ว่าอาหรูน่าก็คือถังเฉียน 

 

 

ถ้าพิสูจน์ได้ว่าอาหรูน่าตรงหน้าคือถังเฉียน ถ้าเช่นนั้นทั้งหมดนี้ก็เป็นการโกหกครั้งใหญ่