ตอนที่ 108 ปวดร้าวใจยิ่งนัก 

 

 

 

 

 

มือซ้ายของ ’เถิงเฟิง’ กระตุกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินที่นางพูด บนแขนที่อ่อนนุ่มขาวผ่องกลับมีรอยแผลเป็นบิดเบี้ยวรอยหนึ่ง นางจะลืมความรู้สึกเจ็บปวดจนเข้ากระดูกครั้งนั้นได้อย่างไร 

 

 

นางฟังคำพูดนี้แล้วก็ร้องอืมออกมา แล้วพูดว่า 

 

 

“ต้องได้ผลแน่ จะอย่างไรชีวิตย่อมสำคัญกว่า” 

 

 

คนที่ถูกเรียกชื่อว่าถงถงเอ๋อร์ถอดหน้ากากหนังคนออกตาม หลังหน้ากากเป็นใบหน้าที่เยาว์วัยงดงาม นางยืนอยู่ข้างหงหลิงเอ๋อร์ แววตาดูกังวลเล็กน้อย คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใครเห็นก็อดเอ็นดูไม่ได้ 

 

 

แต่เมื่อหงหลิงเอ๋อร์หันมา นางรีบคลายคิ้วที่ขมวดออก แสดงสีหน้ายิ้มอย่างมั่นใจทันที 

 

 

“เจ้าเป็นเจ้าหญิงแห่งเผ่าหมอผี อยากได้อะไรก็ได้ตามนั้น ในเมื่อข้าทำตามคำสั่งย่อมต้องได้ผลบ้าง” 

 

 

“เราฉวยโอกาสที่คุณชายเถิงเฟิงไม่อยู่ทำเรื่องนี้ เด็กสาวคนนี้ย่อมไม่ตามเขากลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคุณชายเถิงเฟิงก็ต้องเป็นของคุณหนูหงหลิงเอ๋อร์” 

 

 

ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เป็นสีเขียวอมฟ้า เวลาที่หรี่ตาลงเล็กน้อยจะดูน่ารักดุจนางฟ้าตัวน้อย แต่ความอำมหิตในดวงตากลับทำลายใบหน้าที่งดงามนี้ลง นางหยิบหน้ากากของตนซึ่งวางไว้ข้างตัวขึ้นมา เป็นหน้ากากบุปผาสีทองสามดอก นางมองดูแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าถึงกับเอาข้าไปเปรียบเทียบกับหมอผีสมุนไพรชั้นต่ำนั่น นางเป็นตัวอะไรกัน พี่เถิงเฟิงเป็นของข้า เพียงแต่เขาจิตใจดีงาม จึงได้ถูกคนต่ำช้าใช้ประโยชน์ได้ง่าย” 

 

 

หลายวันมานี้มีหมอผีมากันไม่ขาดสาย บนหน้ากากอย่างน้อยก็มีบุปผาทองสามดอกบ้าง ห้าดอกบ้าง ส่วนหงหลิงเอ๋อคนนี้อายุเพิ่งสิบเจ็ด และนางก็คือศิษย์ที่มีพรสวรรค์พิเศษคนนั้น 

 

 

นางเป็นลูกสาวของหงเซิ่งหัวหน้าเผ่าหมอผี มีพลังทิพย์สูงมากตั้งแต่เด็ก หมอผีศักดิ์สิทธิ์เถิงเสวี่ยรับนางไว้เป็นศิษย์ บ่มเพาะนางเพื่อเป็นผู้สืบทอด 

 

 

นางเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอายุยังน้อย ได้เลื่อนขึ้นเป็นบุปผาทองสามดอกแล้ว เมื่อดูในหมู่เผ่าหมอผีแล้ว นางก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ดีที่สุด อีกทั้งยังเหมาะสมกับเถิงเฟิงมาก ดูเหมือนแทบทุกคนต่างยอมรับว่าทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน นางเองก็ยอมรับด้วยความปลาบปลื้ม 

 

 

แต่มาหล่งชวนคราวนี้นางกลับพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป การปรากฏตัวของถังเฉียนทำให้นางรู้สึกถึงวิกฤต 

 

 

“อ้อ ศิษย์พี่อยากบอกให้รู้ว่าอาหรูน่าคนนี้ก็เก่งเหมือนกัน ได้ยินมาว่าอายุเพิ่งสิบสี่ก็เข้าร่วมพิธีบวงสรวงเทพแล้ว” 

 

 

พอถงถงเอ๋อร์พูดเช่นนี้ หงหลิงเอ๋อร์ก็ร้องหึออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วพูดว่า 

 

 

“อาจารย์บอกแล้วว่าก็แค่คนไม่พอจึงได้เลือกนาง ใครใช้ให้เกิดโรคระบาดล่ะ เรามีคนไม่พอ” 

 

 

ถงถงเอ๋อร์เห็นนางยังคงปากแข็ง ก็นึกอยากทำให้นางทุกข์ใจ จึงบอกว่า 

 

 

“ข้ากลับมองไม่ออกว่านางมีฝีมืออะไร น่าจะเป็นเพราะคุณชายเถิงเฟิงขอร้องอาจารย์ บอกว่าเด็กคนนี้มีบุญคุณต่อคุณชาย” 

 

 

หงหลิงเอ๋อร์โกรธแล้ว 

 

 

“บุญคุณอะไรกัน ก็แค่อุบายตื้นๆ ที่นางแพศยานี่ใช้เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับพี่เถิงเฟิง อาจารย์บอกว่า เลือดยาในร่างของนางพิเศษบ้างก็เท่านั้น จะอย่างไรก็เป็นแค่เชื้อสายชั้นต่ำของพวกหมอผีสมุนไพร” 

 

 

ถงถงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย มือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมสีดำกำแน่น แต่ก็กลับสู่สภาพเดิมในเวลารวดเร็ว นางพูดอีกว่า 

 

 

“แน่นอนว่าไม่มีใครที่มีชาติกำเนิดเทียบกับศิษย์น้องได้” 

 

 

พ่อแม่ของถงถงเอ๋อร์ล้วนเป็นหมอผีสมุนไพร เพราะบิดานางสร้างความชอบใหญ่ต่อเผ่าหมอผี นางจึงถูกส่งตัวมาเรียนกับหมอผีศักดิ์สิทธิ์เถิงเสวี่ย นางอายุยี่สิบห้าแล้ว จึงได้กลายเป็นบุปผาทองสามดอกอย่างหงหลิงเอ๋อร์ หากแต่พรสวรรค์ของนางด้อยกว่าศิษย์น้องมาก แต่นางไม่ยอมแพ้ นางทุ่มเทกว่าคนอื่นจึงผ่านมาถึงวันนี้ได้