ตอนที่ 652 วิตกเกินไปหรือไม่ / ตอนที่ 653 ไม่มีวันรับเจ้าเป็นชายา

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 652 วิตกเกินไปหรือไม่

 

 

ซูจิ่วซือปิดปากยิ้ม “ข้าดีปานนี้เชียวหรือ”

 

 

“ถ้าจะชมเจ้า ข้าพูดได้สามวันสามคืนเลยละ”

 

 

ฟู่เฉินหรงท่าทางจริงจังจนซูจิ่วซืออดหัวเราะไม่ได้

 

 

ซูจิ่วซือรินชาให้ฟู่เฉินหรง ฟู่เฉินหรงรับไว้ จิบเพียงครั้งเดียวก็วางลง น้ำเสียงรู้สึกผิด “เดิมทีคิดว่าจะยืดเวลาแต่งงานออกไป นึกไม่ถึงว่าพระอัยกาจะให้มู่ซืออวี่มาอยู่ที่วังตะวันออก อีกสักสองสามวันข้าจะหาเรื่องส่งนางกลับจวนตระกูลมู่”

 

 

“ถ้าส่งกลับจวนตระกูลมู่ ฝ่าพระบาทก็คงหาข้ออ้างให้ซืออวี่กลับมาที่วังตะวันออกอีก ทำตามพระประสงค์จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาภายหลัง”

 

 

ฟู่เฉินหรงเข้าใจความรู้สึกของซูจิ่วซือ การที่ซุ่นตี้ใส่พระทัย และยืนยันเรื่องนี้ ถ้าเขาส่งมู่ซืออวี่กลับจวน เกรงว่าซุ่นตี้จะเร่งให้เขารับมู่ซืออวี่เป็นพระชายารอง ย่อมเป็นผลเสียมากกว่า

 

 

เวลานี้เขาคิดแต่ว่าจะส่งมู่ซืออวี่ออกไปก่อนจัดพิธีแต่งงาน จึงจะไม่กระทบชื่อเสียงของมู่ซืออวี่

 

 

ฟู่เฉินหรงจับมือซูจิ่วซือ ก้มหน้าลงจูบมือนาง “รออีกระยะหนึ่งข้าจะไปหามู่ซืออวี่ บอกนางเรื่องนี้ นางจะได้ไม่คิดอะไรที่ไม่สมควร”

 

 

“ดี ข้าเป็นคนพูดเองจะเหมาะกว่า”

 

 

ซูจิ่วซือมองหน้าฟู่เฉินหรง แล้วถามขึ้น “นางมารบอกอะไรอีกหรือไม่”

 

 

“นางมารยืนยันแข็งขันว่าเฟิงชิงสุ่ยเป็นคนให้นางมา เฟิงชิงสุ่ยเป็นคนอยู่เบื้องหลัง

 

 

ใครๆ ก็รู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยถูกกักอยู่ในจวนแม่ทัพสยบปฐพี เฟิงเชียนควบคุมอย่างเข้มงวด ตามเหตุผลแล้วนางไม่น่าจะมีเงินไปจ้างหมอผี หลายวันมานี้ได้สอบสวนนางมารด้วยการทรมานทุกวิธี แต่นางมารก็ยังยืนยันคำเดิม”

 

 

ซูจิ่วซือขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าเรื่องนี้นอกจากเฟิงชิงสุ่ยแล้วยังมีคนอื่นบงการ เพียงแต่นางมารดึงดันมาก ทำให้ซูจิ่วซือเองก็สงสัยว่าตนเองวิตกเกินไปหรือไม่

 

 

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จมู่ซืออวี่ก็ไปเดินเล่นที่ลานนอกเรือน ขณะเดินไปรอบหนึ่ง หรงเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น “คุณหนู เมื่อครู่บ่าวออกไปเห็นฟู่เฉินหรงเดินมาทางเรา”

 

 

“จริงหรือ เจ้าดูไม่ผิด” มู่ซืออวี่ตื่นเต้นยินดี รีบยกมือขึ้นจัดผม แล้วถามอย่างร้อนรน

 

 

“บ่าวดูไม่ผิดแน่ องค์รัชทายาทมาจริงๆ บ่าวรู้ว่าองค์รัชทายาทจริงใจต่อคุณหนู คุณหนูเพิ่งมาถึงวังตะวันออก องค์รัชทายาทก็มาหาคุณหนูแล้ว”

 

 

หรงเอ๋อร์ดีใจมาก รู้สึกว่าคุณหนูของตนกำลังจะได้เงยหน้าอ้าปากแล้ว คุณหนูหน้าตาไม่ได้ด้อยกว่าพระชายารัชทายาท

 

 

“หรงเอ๋อร์ ยังเหม่ออะไรอีก รีบแต่งตัวให้ข้า องค์รัชทายาทอุตส่าห์มา เราต้องต้อนรับให้เต็มที่”

 

 

“เจ้าค่ะ”

 

 

มู่ซืออวี่วิ่งเข้าห้องด้วยความดีใจ หรงเอ๋อร์ตามหลังไป พอเห็นคุณหนูของตนดีใจอย่างนี้นางก็เข้าใจความรู้สึกของมู่ซืออวี่ องค์รัชทายาทหน้าตาหล่อเหลา คุณหนูคงรักองค์รัชทายาทแน่

 

 

ฟู่เฉินหรงกำลังจะมาถึง มู่ซืออวี่ไม่มีเวลาแต่งตัวใหม่หมด หรงเอ๋อร์ช่วยนางจัดผม ทาแป้งร่ำ ใส่ตุ้มหูหยกขาวคู่นั้น

 

 

ทันเวลาพอดี สาวใช้เข้ามาแจ้ง “คุณหนูมู่ องค์รัชทายาทมาแล้ว เวลานี้กำลังรออยู่ที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”

 

 

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

 

 

มู่ซืออวี่รีบลุก เดิมทีนางคิดว่าฟู่เฉินหรงจะเข้ามาในห้อง นึกไม่ถึงว่าจะรอนางที่ห้องโถง ในใจนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

 

แล้วก็นึกขึ้นได้ อย่างนี้แสดงว่าองค์รัชทายาทเป็นคนรักษาแบบแผน เวลานี้นางยังไม่ได้เป็นพระชายารอง เป็นเพียงแขกของวังตะวันออกเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 653 ไม่มีวันรับเจ้าเป็นชายา

 

 

มู่ซืออวี่มาถึงห้องโถง ฟู่เฉินหรงรออยู่ก่อนแล้ว นางจึงเข้าไปคารวะอย่างนอบน้อม

 

 

“คุณหนูมู่ ไม่ต้องเกรงใจเกินไป”

 

 

“องค์รัชทายาทเรียกข้าว่าซืออวี่ก็พอ พระชายารัชทายาทก็เรียกข้าอย่างนี้เพคะ”

 

 

มู่ซืออวี่น้ำเสียงอ่อนหวาน น่าฟัง

 

 

ฟู่เฉินหรงยืนห่างจากนางหลายก้าว นางชำเลืองมองฟู่เฉินหรง เห็นเขาหน้าตาหล่อเหลา นางใจเต้นรัว แก้มเริ่มแดงซ่าน เพื่อปิดบังความรู้สึกของตน นางรีบหลุบตาลง

 

 

“คุณหนูมู่กับจิ่วซือเป็นพี่น้องกัน ย่อมเรียกชื่อคุณหนูมู่โดยตรง ข้าเป็นผู้ชาย ไม่สมควรอย่างยิ่ง”

 

 

ฟู่เฉินหรงตอบมู่ซืออวี่ด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงห่างเหิน

 

 

มู่ซืออวี่เป็นคนมีมารยาท พอเห็นฟู่เฉินหรงห่างเหินอย่างนี้ นางก็ไม่กล้าเสียกิริยา

 

 

“คุณหนูมู่ นั่งสิ!”

 

 

มู่ซืออวี่ไม่พูดไม่จา นั่งลงข้างฟู่เฉินหรง

 

 

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับคุณหนูมู่ คนอื่นออกไป”

 

 

“เพคะ”

 

 

สาวใช้ต่างถอยออกไปอย่างนอบน้อม แล้วปิดประตูห้อง

 

 

มู่ซืออวี่รู้สึกสังหรณ์ใจ ฟู่เฉินหรงไม่ได้มาหานาง แต่มีเรื่องจะบอกนาง พอนึกถึงท่าทางกระตือรือร้นที่เขามีต่อซูจิ่วซือ นางก็รู้สึกผิดหวัง

 

 

นางกำลังจะเป็นผู้หญิงของฟู่เฉินหรง แต่เขาไม่กระตือรือร้นต่อนางแม้แต่น้อย กลับเย็นชาและห่างเหิน

 

 

เมื่อเทียบกันแล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน

 

 

“คุณหนูมู่ ข้ากับจิ่วซือรู้จักกันตั้งแต่เล็ก ข้ากับนางรักกัน ผ่านอุปสรรคมามากมายจึงได้อยู่ด้วยกัน ชาตินี้ข้าจะต้องการอยู่กับนางคนเดียว ไม่คิดจะมีหญิงอื่น”

 

 

มู่ซืออวี่มองฟู่เฉินหรงด้วยความตกใจ ไม่ทันนึกถึงความหมายในคำพูดของฟู่เฉินหรง

 

 

“การแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความต้องการของข้า ข้าไม่อยากให้จิ่วซือเสียใจ คุณหนูมู่ เจ้าจะอยู่ที่วังตะวันออกชั่วคราวก่อนก็ได้ แต่ข้าไม่รับเจ้าเป็นชายาแน่

 

 

ถ้ามีโอกาส ข้าจะให้คนพาคุณหนูมู่ไปส่งที่จิ่นโจว หากจนใจจำเป็นต้องรับคุณหนูมู่เป็นชายา ข้าก็จะหาโอกาสส่งคุณหนูมู่กลับ ให้คุณหนูมู่ไปแต่งงานกับคนอื่น”

 

 

คำพูดนี้สำหรับมู่ซืออวี่แล้วเหมือนฟ้าผ่ากลางแดด เหลวไหลจริงๆ เป็นรัชทายาทพูดอย่างนี้ได้อย่างไร นี่เป็นจุดหมายที่เขามาหานาง เพียงแค่มาบอกว่า เขาไม่มีวันรับนางเป็นชายา

 

 

น่าหัวเราะ นางยังนึกว่าฟู่เฉินหรงตั้งใจมาเยี่ยมนาง จึงได้แต่งตัวเป็นพิเศษ ตั้งแต่ต้นจนจบฟู่เฉินหรงไม่มองนางแม้แต่แวบเดียว

 

 

“องค์รัชทายาทเป็นรัชทายาท จะอยู่กับผู้หญิงคนเดียวไปตลอดชีวิตได้หรือ”

 

 

มู่ซืออวี่พยายามตั้งสติ ใบหน้าไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ดูซีดเซียว

 

 

“คนอื่นเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่ข้าทำได้ นอกจากจิ่วซือแล้ว ข้าไม่ต้องการผู้หญิงอื่น ในเมื่อเป็นอย่างนี้ข้าก็ไม่อยากให้คนอื่นเสียเวลา

 

 

คุณหนูมู่ ขออภัย ข้าไม่อาจให้เจ้ามาอยู่กับข้า เรื่องอื่นข้าจะจัดการให้เจ้าเอง

 

 

ช่วงที่เจ้าอยู่วังตะวันออก จิ่วซือจะดูแลเจ้าในฐานะน้องสาว หวังว่าคุณหนูมู่จะรักษาแบบแผน จะเป็นผลดีต่อทุกคน”

 

 

ฟู่เฉินหรงบอกนางถึงการตัดสินใจของเขาแล้วเตือนนาง ไม่ให้คิดนอกลู่นอกทาง

 

 

“คุณหนูมู่เป็นคนสวย วันหลังคงได้พบคู่แต่งงาน ถ้ามีอะไรให้ช่วย ข้ากับจิ่วซือยินดี และยอมรับคุณหนูมู่ในฐานะน้องสาว”

 

 

หลังจากพูดคุยพอสมควรแล้ว ฟู่เฉินหรงก็ลุกขึ้น พยักหน้าให้มู่ซืออวี่ “ได้เวลาแล้ว คุณหนูมู่ควรจะพักผ่อน ข้าขอตัวกลับก่อน”