หลิงหยุนที่ใช้เพียงแค่มือเปล่าแต่กลับสามารถเอาชนะยอดฝีมือที่ใช้ดาบได้ แต่เวลานี้เขากลับเพียงแค่ยืนนิ่งไม่พูดจาโอ้อวดใดๆ
ในขณะที่ฮู๋วฉีเฟิงซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7แต่กลับถูกหลิงหยุนแย่งดาบในมือไปได้อย่างง่ายดาย..
ตึง!
สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณร่างของฮู๋วฉีเฟิงก็ล้มลงไปกับพื้น ไม่เพียงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่ข้อมือขวาจนชาไปทั้งแขน แต่เรี่ยวแรงก็หดหายไปกว่าครึ่ง..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ได้ประเมินพละกำลังที่ใช้ในการต่อสู้เพื่อไม่ให้ฮู๋วฉีเฟิงต้องได้รับบาดเจ็บมากจนเกินไป แต่เวลานี้ฮู๋วฉีเฟิงกลับยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นไม่ยอมลุกขึ้น และเหตุผลที่แท้จริงก็คือ.. ความมั่นอกมั่นใจของเขานั้นได้ถูกหลิงหยุนทำลายลงสิ้นแล้ว!
ฮู๋วฉีเฟิงนอนแผ่หลาพร้อมกับหายใจหอบสายตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ความอับอายที่เกิดจากการพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เขาจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต!
เป็นไปได้อย่างไรกันที่คนผู้หนึ่งจะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เป็นไปได้หรือที่คนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?
หรือว่าหลิงหยุนจะสามารถเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9แล้วงั้นรึ
การประลองระหว่างหลิงหยุนกับฮู๋วฉีเฟิงนั้นจบลงภายในเวลาอันรวดเร็วและฮู๋วฉีเฟิงก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนอย่างหมดท่า เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างมากมาย..
ฮู๋วฉีเฟิง– นักดาบในวัยสามสิบกว่าปีที่เฝ้าฝึกฝนวิชาอย่างหนักตลอดทั้งกลางวันกลางคืน และเป็นที่ภาคภูมิใจของสำนักดาบสวรรค์ ครั้งนี้ตั้งใจที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่มีเพียงมือเปล่า
ความอับอายและอัปยศเช่นนี้ ยากนักที่ผู้ใดจะรับได้ไหว..
“น้องสาม..เจ้าลุกขึ้น!”
ใบหน้าของกัวเสี่ยวเทียนบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดร่างของเขาตรงเข้าไปยืนอยู่ข้างฮู๋วฉีเฟิง และก้มหน้าลงร้องตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
กัวเสี่ยวเทียนยืนมองฮู๋วฉีเฟิงที่นอนนิ่งอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนพื้นและไม่แม้แต่จะโน้มตัวลงไปพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้น อีกทั้งยังยกมือขึ้นห้ามศิษย์น้องหญิงสองคนที่ต้องการจะเข้ามาช่วยฮู๋วฉีเฟิงด้วย
กัวเสี่ยวเทียนรู้ดีว่า..หากฮู๋วฉีเฟิงไม่ลุกขึ้นด้วยตัวเองแล้ว นั่นหมายถึงว่าชีวิตที่อยู่เพื่อเพลงดาบของเขานั้น จะต้องจบสิ้นลงที่นี่อย่างแน่นนอน!
ในการฝึกเพลงดาบนั้น..สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจิตใจ เมื่อใดที่จิตใจได้ตายลง เพลงดาบย่อมจบสิ้นตามไปด้วย!
“ศิษย์พี่ใหญ่..ข้าพ่ายแพ้แล้ว.. ข้าช่างไร้ค่ายิ่งนัก..”
ลมหายใจของฮู๋วฉีเฟิงเริ่มสงบนิ่งและสม่ำเสมอแล้ว แต่เวลานี้เขาดูไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังท้อแท้ และรำพึงรำพันออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง..
กัวเสี่ยวเทียนเองก็เจ็บปวดและร้าวใจอย่างที่สุด เขาต้องบังคับตัวเองให้โน้มลงไปพยุงร่างของฮู๋วฉีเฟิงขึ้น..
เพราะนี่หมายถึงอนาคตของสำนักดาบสวรรค์!
“เจ้าต้องเข้มแข็งไว้..แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา!”
กัวเสี่ยวเทียนถอนหายใจและร้องบอกฮู๋วฉีเฟิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม “น้องสาม.. เจ้าลุกขึ้นเถิด!”
ฮู๋วฉีเฟิงที่ไร้เรี่ยวแรงยกมือสองข้างขึ้นปัดก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก..
และภาพที่ทุกคนเห็นต่อมานั้น..ต่างคนต่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะร่างของฮู๋วฉีเฟิงที่นั่งชันเข่าอยู่นั้น สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงสะอื้นร่ำไห้..
ทั้งหลิงหยุนฉินตงเฉี่วย และกัวเสี่ยวเทียน ต่างก็ถอนหายใจออกมา!
ทั้งสามคนต่างก็รู้ว่าฮู๋วฉีเฟิงคงจบสิ้นเพียงเท่านี้เว้นแต่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ไม่เช่นนั้นก็คงยากที่จะกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมได้..
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนเอาชนะฮู๋วฉีเฟิงได้นั้นเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับฮู๋วฉีเฟิงแม้แต่คำเดียว และได้แต่ลูบไล้ดาบโลหะของฮู๋วฉีเฟิงที่อยู่ในมืออย่างเงียบๆในระหว่างที่รอให้เขาลุกขึ้นยืน แต่ท่าทางท้อแท้สิ้นหวังของฮู๋วฉีเฟิง กลับทำให้หลิงหยุนถึงกับนึกสมเพช…..novel-lucky
ในยุทธภพนั้นมียอดฝีมือที่ล้ำเลิศอยู่มากมายแต่ผู้ที่จะสามารถขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้นั้นกลับมีน้อย หรือแทบไม่มีเลย แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาไร้ซึ่งความสามารถ เพียงแต่พวกเขาไม่อาจทนรับต่อความพ่ายแพ้ และล้มเหลวได้ต่างหาก..
ดอกไม้คำชื่นชม และเสียงปรบมือ ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้ที่มีฝีมือเป็นเลิศนั้นพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาดีๆ เช่นนั้นได้ตลอดไป..
ความลำบากความขัดข้องใจ และความล้มเหลว ทั้งสามสิ่งนี้คือบททดสอบที่ทั้งหนักและแกร่ง มีเพียงผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ได้เท่านั้น จึงจะสามารถก้าวข้ามความลำบาก ความขัดข้องใจ และความล้มเหลวที่จะเกิดอีกในครั้งต่อไปได้ และการก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้ในแต่ละครั้ง ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังที่แท้จริง ที่จะนำชีวิตให้ก้าวขึ้นสู่ความรุ่งเรืองได้!
ฮู๋วฉีเฟิงยังมีจิตใจที่อ่อนแอมากเกินไป!
“หลิวซุ่ยเฟิง..เจ้าพาน้องสามไปยืนด้านข้างก่อน!”
กัวเสี่ยวเทียนที่รออยู่นาน..เมื่อเห็นว่าฮู๋วฉีเฟิงยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ แต่กลับระเบิดน้ำตาออกมาแทนนั้น จิตใจของเขาจึงรู้สึกเศร้าหมองขึ้นมาทันที
หลิวซุ่ยเฟิงค่อยๆเดินมาข้างหน้า และโน้มตัวลงพยุงร่างของฮู๋วฉีเฟิงลุกขึ้นมา ก่อนจะพาเดินออกไปอย่างช้าๆ
กัวเสี่ยวเทียนหันไปยืนเผชิญหน้ากับหลิงหยุนเขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมือไปดึงดาบที่เสียบอยู่ด้านหลังออกมา!
ดาบของกัวเสี่ยวเทียนค่อยๆถูกดึงออกมาอย่างช้าๆ ดาบเล่มนี้มีสีดำ และมีความยาวหนึ่งเมตรครึ่ง ส่วนตัวดาบนั้นกว้างถึงสิบเซนติเมตร เห็นได้ชัดว่าทำจากโลหะที่หนา และแข็งแกร่งอย่างมาก
ร่างของกัวเสี่ยวเทียนนั้นสูงใหญ่น่าเกรงขามระหว่างที่เขาดึงดาบออกจากฝักนั้น พลังปราณภายในร่างก็พวยพุ่งออกมาจนผมยาวสีขาวนั้นปลิวไสว
กัวเสี่ยวเทียนยกปลายดาบขึ้นชี้ไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน..เจ้ามารน้อย! เจ้าทำให้สำนักดาบสวรรค์ของข้าต้องได้รับความอัปยศ อีกทั้งยังทำลายศิษย์น้องของข้า คืนนี้ข้ากัวเสี่ยวเทียนจะขอจัดการกับมารน้อยอย่างเจ้าด้วยดาบเล่มนี้!”
แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะจากพลังปราณของกัวเสี่ยวเทียนที่พวยพุ่งออกมานั้น หลิงหยุนคาดเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะแข็งแกร่งน้อยกว่าโทคุงาวะ มุโตะ..
และดูเหมือนว่ากัวเสี่ยวเทียนน่าจะยังขาดอีกครึ่งระดับจึงจะเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9!
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
ฉินตงเฉี่วยเห็นท่าทางของกัวเสี่ยวเทียนแม้จะไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของเขาได้ แต่นางก็เชื่อว่ากัวเสี่ยวเทียนต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ฉินตงเฉี่วยจึงต้องการที่จะห้ามปราม..
“ฉินตงเฉี่วย..เจ้าหุบปาก!”
“มารน้อยผู้นี้ยะโสโอหังยิ่งนักจนถึงเวลานี้เจ้ายังกล้าปกป้องมัน! แต่จะแก้ไขอะไรตอนนี้ก็คงสายไปเสียแล้ว!”
หลิงหยุนเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับยกมือขึ้นห้ามฉินตงเฉี่วยไม่ให้พูดต่อและร้องบอกไปว่า
“น้าหญิง..ท่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับเขาอีกแล้ว! ท่านรอดูว่าข้าจะจัดการเช่นใด”
แม้หลิงหยุนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แต่ความจริงแล้วเวลานี้เพลิงโทสะกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ..
จากนั้นจึงเดินถือดาบธรรมดาของฮู๋วฉีเฟิงที่อยู่ในมือเดินเข้าสนามประลองไป..
กัวเสี่ยวเทียนเห็นหลิงหยุนถือดาบของฮู๋วฉีเฟิงออกมาเช่นนี้เขาจึงได้แต่เหลือบมองพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“เจ้ามารน้อย..ไม่ใช้กระบี่มารรึ”
หลิงหยุนยิ้มเย็นแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ตาเฒ่าหัวดื้อ.. ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่รึ การสังหารผู้คนไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาวุธ.. และวันนี้ข้าจะใช้ดาบของสำนักดาบสวรรค์บอกกล่าวความจริงข้อนี้แก่เจ้า..”
กัวเสี่ยวเทียนยิ้มหยันก่อนจะหัวเราะออกมาเขาพยักหน้าพร้อมพูดออกมาเพียงแค่สั้นๆ
“ข้าจะคอยดู!”
กัวเสี่ยวเทียนที่กำลังเดือดดาลเป็นฝ่ายพุ่งเข้าจู่โจมหลิงหยุนด้วยเพลงดาบซานไฉซึ่งมีทั้งหมดสามกระบวนท่าคือ..ประหาร ปราบมาร และสู่สรวงสวรรค์!
ร่างที่ยืนนิ่งของกัวเสี่ยวเทียนนั้น..มือขวายกปลายดาบชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วกระชากฟันทะแยงลงไปทางด้านซ้ายทันที!
พลังปราณที่รุนแรงพุ่งออกจากปลายดาบยาวหนึ่งเมตรครึ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
ทางด้านหลิงหยุนที่ได้โคจรดาราคุ้มกายและเดินพลังลับหยิน-หยางรอไว้อยู่แล้วนั้น จึงรีบยกดาบในมือขวาขึ้นหมุนต้านไว้ทันทีเช่นกัน
ตูม!
เสียงพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากดาบทั้งสองเล่มนั้นปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงดังคล้ายระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ..
ศิษย์ทั้งสี่ของสำนักดาบสวรรค์รวมทั้งฉินตงเฉี่วยต่างก็รีบกระโดดถอยหนีออกจากรัศมีของการปะทะทันที..
“หึ..ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะอวดดีได้อีกนานหรือไม่”
กัวเสี่ยวเทียนเป็นฝ่ายบุกจู่โจมหลิงหยุนและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้หลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย เขายกปลายดาบชี้ขึ้นฟ้าไปทางด้านซ้าย และฟันทะแยงลงทางด้านขวาอีกครั้ง!
หลิงหยุนยังคงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายบุกและตนเองเป็นฝ่ายรับอยู่เช่นนั้น และทันทีที่เกิดเสียง ‘ตูม’ ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ร่างของหลิงหยุนก็กระโดดถอยหลังกลับไปสามก้าว และหินภายใต้เท้าของหลิงหยุนทุกก้าวก็ถึงกับแตกละเอียด..
กัวเสี่ยวเทียนยังคงเดินหน้าจู่โจมหลิงหยุนไม่หยุด!
เพียงแค่สองกระบวนท่า..กัวเสี่ยวเทียนก็สามารถทำให้หลิงหยุนต้องถอยร่นไปได้ถึงสี่ก้าว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ดีใจแม้แต่น้อย ตรงข้าม.. เขากลับตระหนกตกใจอยางมาก!
นั่นเพราะกัวเสี่ยวเทียนได้ใช้พลังปราณไปเกือบทั้งหมดอีกทั้งหลิงหยุนยังใช้เพียงแค่ดาบโลหะธรรมดาๆ รับเพลงดาบของเขาเท่านั้น..
กัวเสี่ยวเทียนยังจำได้ว่า..ตนเองนั้นต้องฝึกฝนจนถึงอายุยี่สิบแปดปี จึงจะสามารถถ่ายเทพลังปราณไปในร่างกายไปที่ดาบได้ แต่หลิงหยุนซึ่งมีอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น กลับสามารถใช้พลังปราณป้องกันดาบธรรมดาของตนเองจากเพลงดาบของเขาได้!
และหากหลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้จะเป็นเช่นไรเขาจะกระโดดถอยหนีเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?
ไม่เพียงกัวเสี่ยวเทียนที่ตระหนกตกใจแต่ศิษย์ทั้งสี่ของสำนักดาบสวรรค์ที่ยืนดูอยู่ด้านหลังก็ตกใจมากไม่แพ้กัน! ทั้งสี่คนยืนมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง..
หลิงหยุนใช้เพียงแค่ดาบธรรมดาก็สามารถรับพลังปราณจากดาบของศิษย์พี่ใหญ่ได้ ทั้งสี่คนถึงกับก้าวถอยหลังกลับไปอย่างไม่รู้ตัว!
แต่แล้วจู่ๆจงชวนเยี่ยนก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับชี้ไปทางสนามประลอง..
กัวเสี่ยวเทียนที่เวลานี้เปลี่ยนมาถือดาบด้วยสองมือและค่อยๆ ยกขึ้นเหนือศรีษะพร้อมกับพุ่งไปหาหลิงหยุนที่อยู่ไกลออกไป
หลิงหยนุยืนขึ้นมองการเคลื่อนไหวของกัวเสี่ยวเทียนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งแม้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ในแววตากลับไม่มีความหวาดกลัวต่อการจู่โจมที่ดุดันเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้จะไม่มีการใช้กระบี่โลหิตแดนใต้และจะไม่มีการใช้ยันต์ชนิดใดๆ หลิงหยุนต้องการใช้เพียงวรยุทธสั่งสอนกัวเสี่ยวเทียนเท่านั้น!
แววตาของกัวเสี่ยวเทียนเป็นประกายดุดันขึ้นมาวูบหนึ่งและดาบในมือทั้งสองข้างก็ฟันลงที่พื้นดินทันที!
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ..ครั้งนี้ดาบในมือของกัวเสี่ยวเทียนกลับไม่มีไอพลังปราณพวยพุ่งออกมาเหมือนเช่นเคย และไม่ได้ฟันเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน แต่กลับปักลงที่พื้นดินแทน..
ตูม!
ดาบของกัวเสี่ยวเทียนปักลงกลางพื้นดินและจมลงไปในหินจนเกือบมิดด้าม!
แต่แล้วในเสี้ยววินาทีต่อมา..พลังปราณจากดาบที่รุนแรงมากมาย ก็พวยพุ่งออกมาจากหินก้อนนั้น และตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!