1852-4 vs 1853-1 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1852-4

หลินเฟิงคิดว่า นายยังออกไปเดทได้เลย จะมาถามอะไรกับฉันวะ

“รายงานไง ต้องส่งตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

อวิ๋นหู่รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องของหลินกรุ๊ป แถมคนที่รับผิดชอบหลินเฟิงเป็นใคร เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ “เมื่อกี้เพิ่งบอกว่า จะอยู่หอในต่อไม่ใช่เหรอ?”

หลินเฟิงวางเบียร์ในมือลง “ฉันรู้สึกว่าข้างนอกดีออก ถึงเวลาฉันจะไปพูดกับอาจารย์เอง”

อวิ๋นหู่กำมือถือแน่นขึ้น “นายคิดว่าข้างนอกดีกว่า โอ ฉันมันเรื่องมากเอง”

หลินเฟิงหงุดหงิดเรื่องโทรศัทพ์สายนั้นมาก “เปล่าหรอก แต่คนเราคิดไม่เหมือนกัน นายฉลาดออก อยู่ในม.ต่อก็ดีแล้ว แต่ฉันไม่เหมือนกัน นายก็รู้ว่าฉันโง่เรื่องนี้จะตายไป ในเมื่อมีคนที่มีเส้นสายมากมายคอยสอนงานให้ฉัน ฉันก็จะได้เก่งเร็วขึ้น แถมทางบริษัทยังรอฉันนานๆ ไม่ได้หรอก”

“นายคิดว่าฉันสอนนายไม่ได้เหรอไง?” อวิ๋นหู่เอียงศีรษะ เหมือนจะหัวเราะ

หลินเฟิงไม่อยากให้บรรยากาศไม่ดี เพราะหนึ่งเพิ่งจะแข่งเสร็จ สองอวิ๋นหู่เองก็เพิ่งจะกลับมาได้มานานเท่าไร แถมยังเห็นหน้าจอมือถือของเพื่อนสว่างอีก “เอาเหอะ นายจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ เรื่องของฉัน ฉันจะจัดการเอง ก็ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย”

ปกติแล้ว การพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อวิ๋นหู่มือผล็อยตก แววตาจ้องคนที่อยู่ตรงหน้า บางครั้งเขาก็อยากถามคนบางคนเหลือเกินว่า นายแค่ไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรือว่าแค่ไม่ชอบฉัน แต่คำพูดแบบนี้จะพูดออกไปได้อย่างไร เพราะหากพูดออกไปก็เท่ากับต้อนให้คนจนมุม ในเมื่อบอกตัวเองว่า ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว โดยเขาจะต้องทำให้เพื่อนเป็ยเกย์ให้ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่มีวันถอย “เรื่องนี้ รอฉันกลับมาแล้วเราค่อยพูดกัน”

ก่อนอวิ๋นหู่จะออกไปก็ขยี้หัวเพื่อน ฝ่ายหลินเฟิงโดนขยี้จนมึนไปเลย รอจนประตูห้องปิดก็กินอะไรไม่ลงอีก

มันอะไรกัน? เจ้าอวิ๋นหู่ไม่รู้จะรักษาระยะห่างหรือไง หรือว่าเพราะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว เลยไม่ต้องระวังอะไรอีก

หลินเฟิงทิ้งตัวลงบนเตียง มองดูท้องฟ้าด้านนอกที่เริ่มมืด แต่กลับไม่เปิดไฟ สมองเต็มไปด้วยเบอร์โทรศัพท์เบอร์นั้น เห็นทีเขาย้ายออกไปจะดีกว่า ขืนอยู่ต่อ เขาคงดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนไม่ถูกขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่อว๋นหู่ที่ไม่ปกติ แต่เขาต่างหากที่หัวใจสับสนอยู่ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

หลินเฟิงยกมือก่ายหน้าผาก เตือนตัวเองว่าเรื่องมันมาถึงขั้นนี้ จะบอกว่าเสียใจก็คงไม่มีประโยชน์ การแข่งก็จบลงแล้ว เขาเรียนมาถึงภาคปลายของปีที่สามแล้ว หากจะย้ายไปอยู่ข้างนอก ทางสถาบันก็คงไม่ว่าอะไร หากอธิบายต่อทางอาจารย์ดีๆ ย่อมได้รับอนุญาต

ทั้งหมดไม่เป็นปัญหา เป็นเพราะความอยากเป็นเจ้าของเมื่อในวันวานของเขา ทำให้ไม่นานมานี้ เขาก็หมดสิทธิ์ที่จะได้รับความอ่อนโยนเช่นนั้นอีกต่อไป สองคนนั้นดีต่อกัน หมายความว่า ชาตินี้เขาและอวิ๋นหู่ไม่มีวาสนาต่อกัน จึงต้องแค่เพื่อนรัก ไม่ใช่ว่าโอกาสไม่อำนวย แต่เป็นเพราะเวลาไม่เหมาะต่างหาก

โลกนี้เรื่องที่ทำให้เราเสียใจภายหลังมากที่สุดก็คือ เมื่อเราตัดสินใจจะเป็นเกย์ แต่คนที่ทำให้เราเป็นเกย์กลับมีแฟนแล้ว เฮ้อ…

………………………………………………

ตอนที่ 1853-1

หลินเฟิงไม่รออวิ๋นหู่กลับมา หาข้ออ้างส่งข้อความไปว่าจะกลับบ้าน

เมื่ออวิ๋นหู่ได้รับ สายตาก็หม่นหมองทันที หนุ่มน้อยทางฝั่งนั้นมองดู “เขาเหรอ?”

อวิ๋นหู่เก็บมือถือ เอ่ยเสียงเรียบว่า “เรื่องของนาย ฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว พอจบงานก็ไปหาผู้กำกับเซียว แล้วต่อไปอย่ามาอยู่ที่นี่อีก”

หนุ่มน้อยยังอยากพูดกับอวิ๋นหู่ต่อ แต่เห็นว่าคนที่เรียกให้เขามาเล่นละครด้วยเข้าถึงยาก

ไม่ ไม่เพียงแต่เข้าถึงยาก แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน นอกจากชายคนนี้เพียงคนเดียว หลังจากที่เล่นละครตบตาด้วยกัน หนุ่มน้อยก็รู้ทันที พอรับเงินเสร็จ หนุ่มน้อยก็ทำตัวเรียบร้อยขึ้นมา

ครั้งนี้มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ทว่าหนุ่มน้อยยังไม่เข้าใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ให้เขาออกจากที่นี่ “คุณอวิ๋น ขอถามหน่อยได้ไหมว่า เมื่อไรผมถึงจะกลับมาได้”

อวิ๋นหู่เหลือบมองอีกฝ่าย “ฉันบอกแล้วว่าต่อไปอย่ามาที่นี่อีก”

หนุ่มน้อยชะงัก รู้สึกได้ถึงความรำคาญใจ อันที่จริงอวิ๋นหู่ไม่ใช่คนอารมณ์ดี ยกเว้นกับหลินเฟิงคนเดียว ส่วนใหญ่แล้วเขาก็เหมือนอย่างที่หลินเฟิงพูดไว้นั่นแหละว่า ในฐานะที่เป็นหลานคนเดียวของตระกูลอวิ๋น ไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าใครจะคิดอย่างไร แม้จะถูกเลี้ยงดูอยู่ที่นั่น แต่กลับทระนงตัวมากทีเดียว

หนุ่มน้อยไม่กล้าพูดอะไรอีก รู้ดีว่าชายคนี้แม้จะเป็นนักศึกษา แต่ด้วยสถานะทางครอบครัว ย่อมขับเขาออกจากวงการได้ง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่เจ้านายเขาถือว่าชายคนนี้เป็นลูกค้าระดับ VIP

อวิ๋นหู่เสร็จจากการพบหน้าหนุ่มน้อยก็ต่อสายหาเพื่อนซี้คนหนึ่ง เสียงที่พูดดูไม่ออกว่ายินดีหรือยินร้าย “มู่หรงอาน หมายความว่าไง?”

“ฟังนายพูดแล้ว เจอคนนั้นแล้วล่ะสิ? เป็นไงบ้าง?  ตอนที่เห็นนายพาตัวเขาไปเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันก็เล็งคนๆ นี้ไว้เลยทีเดียว ครั้งนี้เลยให้เขาติดต่อนายโดยตรง ฉันว่านะเพื่อนเอ๊ย นายมันเก่งขึ้นแล้วว่ะ ถึงหลินเฟิงจะไม่เลว แต่เขาเป็นของแท้นี่นา แถมไม่ว่านายคิดยังไงกับเขา เขาก็ดูไม่อออกหรอก แต่ต่อให้เขาดูออก ก็ไม่แน่ว่าจะ…”

อวิ๋นหู่พลันแทรกขึ้นมา ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดจนจบ “ฉันเหมือนจะเคยเตือนนายไว้แล้วว่า อย่าพูดเหมือนเขาคนนั้น”

“โอเคๆๆๆ ฉันผิดเอง” มู่หรงอานไม่กล้าทำให้ผู้มีอิทธิพลคนนี้โกรธ “แล้วนายชอบที่ฉันวางแผนให้ในวันนี้ไหม?”

อวิ๋นหู่หัวเราะขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา “ถ้านายยังวางแผนบ้าบออะไรอีก รู้ใช่ไหมว่าผลจะเป็นยังไง?”

มู่หรงอานเสียวสันหลัง หนนี้พูดอย่างระมัดระวังมากขึ้น “โอเค รู้น่ะว่านายมันหัวโบราณ ตอนนี้แข่งเสร็จแล้ว ต่อไปนายกะจะทำอะไร? ไหนว่าจะไม่ไปต่างประเทศแล้วนี่?”

อวิ๋นหู่ส่งเสียงตอบรับเรียบๆ รู้กันนะว่าเขาไม่เคยซี้ซั้วในเรื่องแบบนี้ “เรียนที่นี่ต่อ”

“แค่เรียนที่เดิมต่อง่ายๆ อย่างนี้เหรอ?” มู่หรงอานอยากทำธุรกิจร่วมกับผู้มีอิทธิพลอย่างอวิ๋นหู่มานานแล้ว นอกจากเขา ก็ไม่มีใครรู้ว่าอวิ๋นหู่เก่งมากแค่ไหน ที่หนึ่งของชั้นปีในมหาวิทยาลัย A ที่ไม่ได้มาง่ายๆ พวกหัวข้อวิจัยระดับนานาชาติ พวกอาจารย์ยังต้องเอาเขาคนนี้ไปด้วย ดูแล้วกันว่าเก่งขนาดไหน คนทั่วไปอาจไม่รู้ แต่คนที่ทำธุรกิจต่างรู้กันทั้งนั้น คนที่เข้าออกสถานที่แบบนั้นได้ ไม่เพียงแต่จะต้องมีเงินและอำนาจ เจ้าตัวยังต้องเก่งถึงระดับสุดยอดด้วย แถมอวิ๋นหู่ยังอยู่ในครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ จึงได้ทรัพยากรหลายอย่างอยู่ในมืออยู่แล้ว คนแบบนี้ หากไม่ทำอะไรด้วย ย่อมน่าเสียดาย

 ………………………………………….