ตอนที่ 859 มาถึงก็โดนด่าเลย

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

เมื่อหลี่ว์ซู่มาถึงโลกนี่ในวินาทีแรกก็ได้เห็นอาหารที่ดูไม่น่ากินเอาซะเลยที่อยู่บนโต๊ะ ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอวิ๋นอี่ชอบเดินทางไปกินของอร่อย สถานที่ใดที่หนึ่งเมื่อสงบสุขก็จะค่อยๆ พัฒนาไปตามวัฒนธรรมอย่างประณีต นี่คือบทสรุปของสิ่งที่มีมา

 

 

แน่นอนหลี่ว์ซู่เชื่อว่าฐานะของปรมาจารย์หุ่นเชิดบนโลกนี้จะต้องได้กินของอร่อย ของดีๆ แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนของโลกหรือเปล่า

 

 

เห็นดูจากอวิ๋นอี่วันๆ เสาะหาแต่ของอร่อย…ดูท่าจะไม่มี

 

 

หลี่ว์ซู่ก็ไม่สนว่าพืชพันธุ์ที่เห็นนั่นคืออะไร คนไม่เคยทำนาเพาะปลูกก็ยากที่จะรู้ว่างานนั้นเหนื่อยขนาดไหน มันเหนื่อยคนละเรื่องกับการเข้าห้องฟิตเนสสองชั่วโมงมาก เพราะการเข้าห้องฟิตเนสเป็นการบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ และยังมีเวลาพักผ่อน

 

 

ในการเพาะปลูกทำน้ำไม่เหมือนกันใช้กล้ามเนื้อเพียงไม่กี่จุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่ด้วยสายตาดูแคลน “ทาสที่มีตราประทับที่ก้นอย่างพวกนายทำงานไม่ไหวล่ะสิ วันๆ ทำแต่งานสบายๆ ไม่ได้ทำงานหนัก”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปครู่หนึ่งและรู้สึกว่าเหมือนโดนด่า เขาเป็นทาสแบบนั้นหรือ ไหนลองบอกมาสิว่าฉันเป็นทานแบบไหน

 

 

มาถึงก็โดนด่าเลย…

 

 

จางเว่ยอวี่ที่ทำงานมาครึ่งชีวิตล้วงขนมข้าวโพดนึ่งสีดำออกมาจากเสื้ออย่างช้าๆแต่พอเห็นความเร็วของการทำงานของหลี่ว์ซู่ก็ประหลาดใจและแบ่งขนมออกเป็นครึ่ง

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบอยู่สักพักนี่คงเป็นผลจากที่เขาขี้เหนียวในอดีตละสิ?

 

 

ช่างเป็นกงเกวียนกำเกวียนจริงๆ สวรรค์ช่างยุติธรรมเสมอ…

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้ไม่พอใจ ทำงานเท่าไหร่กินมากเท่านั้น เขารับมาแล้วกัดไปคำนึงแล้วก็เกือบสำลัก จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่ยังเข้าใจและพูดว่า “เป็นไง พวกนายไม่เคยกินของแบบนี้ล่ะสิ กินไม่ได้ก็คืนมา จะได้ไม่เปลือง”

 

 

แต่เขายังพูดไม่จบ หลี่ว์ซู่ก็ยัดขนมอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเข้าปาก เคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอ จางเว่ยอวี่คงไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่เคยผ่านอะไรมาบ้าง

 

 

หลี่ว์ซู่กินเสร็จก็เลียริมฝีปากแล้วพูดว่า “พอได้”

 

 

จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่แล้วไม่พูดต่อและทำงานต่อไป ระหว่างที่ขุดดินไปก็พูดไปว่า “ไม่ใช่ฉันจงใจให้นายกินขนมนี่นะ โลกนี้บางครั้งชีวิตคนยังสู้ขนมนี้ไม่ได้เลย ภาษีหนักขนาดนี้อยู่รอดมาได้ก็บุญแล้ว”

 

 

หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย “ภาษีหนักขนาดนี้บีบคนจนเกือบจนตรอก ไม่มีใครสนเลยหรือ”

 

 

จางเว่ยอวี่ตอบอย่างเหยียด “เห็นนายอายุยังน้อยอาจจะยังไม่รู้ เมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนนั้นราชาองค์เก่ายังอยู่พวกเขากล้าทำแบบนี้หรือ ทุกวันนี้มีสงครามไม่หยุดหย่อนยังมีคนทำนาก็ดีแล้ว จอมทัพสวรรค์พวกนั้นเอาแต่รบพุ่งกันไม่ได้สนใจคนข้างล่างจะเป็นจะตายยังไงเลย”

 

 

“เดี๋ยวนะ?” หลี่ว์ซู่ตกใจ เขาปรับน้ำเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด “ฉันไม่เคยเจอราชาองค์เก่าจริงๆ ท่านไม่อยู่แล้วหรือ แล้วจอมทัพสวรรค์พวกนั้นคืออะไร พวกเราไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้…”

 

 

จางเว่ยอวี่หัวเราะเยาะ “นายทาสพวกนั้นวันๆอยู่กับความฟุ้งเฟ้อจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่ขุนนางพวกนั้นสนใจ พวกนั้นอาศัยอยู่ใต้ร่มของขุนนางก็พอแล้ว ตอนนี้จอมทัพสวรรค์เหวินไจ้โฝ่วทะเลาะกับจอมทัพสวรรค์ประจิม ตวนมู่หวงฉี่ ไม่รู้จะทำสงครามกันเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นถ้านายไม่อยากออกรบก็อยู่กับฉัน…นายเป็นไรหรือ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจ เพราะเขาได้ยินกับว่าจอมทัพสวรรค์ก็รู้สึกผิดปกติ จากนั้นพอเขาได้ยินชื่อเหวินไจ้โฝ่วและตวนมู่หวงฉี่ก็ตกใจเพราะเขาเคยได้ยินชื่อพวกนี้จริงๆ

 

 

ย้อนกลับไปตอนที่เขาแกล้งกันไปมากับหมิงเยว่เยี่ยในไข่ทุกดำ หมิงเยว่เยี่ยเป็นตายยังไงก็ไม่บอกชื่อและฐานะของตัวเองแต่ คนคนนี้กลับบอกข้อมูลหมดเลย

 

 

จอมทัพสวรรค์อุดร ชิงคง!

 

 

จอมทัพสวรรค์ทักษิณ เหวินไจ้โฝ่ว!

 

 

จอมทัพสวรรค์ประจิม ตวนมู่หวงฉี่!

 

 

จอมทัพสวรรค์บูรพา อวี้ฝูเหยา!

 

 

ตอนนั้น ดีได้ยินคำว่า “จอมทัพสวรรค์” ก็ไม่ได้ใส่ใจแต่เขาก็จำชื่อที่มีเอกลักษณ์นี้ได้

 

 

ก่อนที่จางเว่ยอวี่จะพูด หลี่ว์ซู่รู้สึกแค่ว่าหมิงเยว่เยี่ยพูดโอ้อวด เขาเชื่อแค่ส่วนเดียวภาพลักษณ์ที่ไม่จริงจังของหมิงเยว่เยี่ย ดูก็ไม่ได้เป็นคนซื่อ

 

 

แต่ตอนนี้ หลี่ว์ซู่พบว่าหมิงเยว่เยี่ยถึงจะไม่ได้บอกฐานะตัวเองแต่ก็บอกข้อมูลบางอย่าง 

 

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่ร้อนใจมากเมื่อเขารู้ว่าหมิงเยว่เยี่ยเป็นคนของโลกนี้ เขาอยากจะถามหมิงเยว่เยี่ยว่ามีวิธีออกไปจากที่นี่ไหม โลกนี้เป็นอย่างไร ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นเพื่อนเก่ากัน

 

 

ตอนนั้นหลี่ว์ซู่รู้สึกเหงาจึงไปหาหมิงเยว่เยี่ยเพื่อดื่มเหล้า เพราะเขามีเรื่องมากมายที่บอกคนอื่นไม่ได้อัดอั้นอยู่ในใจ

 

 

ถึงเขาจะอดทนไว้ได้แต่พวกเขาก็พูดคุยกันได้สนุกสนานทีเดียว

 

 

หลี่ว์ซู่เชื่อว่าตอนนี้ถ้าเขาถามข้อมูลไม่สำคัญกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายคงไม่ปิดบังอะไร

 

 

แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาใช้ตราแผ่นดินไม่ได้ดังนั้นจึงหยิบไข่มุกดำที่อยู่ในตราแผ่นดินออกมาไม่ได้! จริงๆ เลย! 

 

 

เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์ของโลกนี้บ้างจากคำพูดของจางเว่ยอวี่ ราชาองค์เก่าแบ่งประทานดินแดน โดยให้จอมทัพสวรรค์ทั้งสี่ช่วยเขาขยายดินแดนจึงค่อยๆ กลายเป็นสังคมทาสในทุกวันนี้

 

 

สังคมทาสนี้เกิดจากการกดขี่ ในตอนแรกระบบนี้ยังใช้ได้อยู่ทุกคน ทุกคนมีชีวิตอยู่ได้แต่ราชาองค์เก่าหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ ราชาแห่งทวยเทพองค์ใหม่ก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องราวของชนชั้นล่าง ทำให้ภาษีหนักขึ้นเท่าทวี สงครามระหว่างจอมทัพสวรรค์ก็ทำให้ประชาชนตกทุกข์ได้ยาก จนทุกคนแทบจะมีชีวิตรอดต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจว่าคนที่นี่จะอยู่รอดได้ไหม เขาสนใจแค่ว่าตัวเองจะกลับไปอย่างไร!

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่แล้วถามว่า “บำเพ็ญ…”

 

 

เมื่อพูดคำว่าบำเพ็ญขึ้นมา จางเว่ยอวี่หัวเราะ “ทำไมนายอยากบำเพ็ญ แล้วนายหนีออกมาทำไม วิชาการบำเพ็ญล้วนอยู่ในการควบคุมของขุนนางพวกนั้น นายอยากได้วิชาต้องปีนขึ้นไปอยู่ข้างกายพวกเขา ไม่มีตราประทับใครจะสอนวิชานาย แล้วต่อให้เป็นทาสพวกนั้นแล้ว ก็อาจจะบำเพ็ญวิชาได้แค่ระดับห้า”

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าใจ นี่เป็นวิธีที่ชนชั้นทางสังคมควบคุมการเลื่อนฐานะ ก็หมายความว่าเป็นโลกที่บูชาพลัง ชนชั้นทางสังคมจะมั่นคงได้เมื่อสามารถควบคุมการเลื่อนระดับพลัง

 

 

ส่วนระดับ 1 2 3 4 5 6 ก็แบ่งคล้ายกับระดับ A B C D F ก็หมายความว่าวิชาในมือของนายทาสบางคนอย่างมากก็บำเพ็ญได้ระดับ E

 

 

จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่ที่เขากำลังหัวเราะเยาะนั้นก่อนที่จะมาโลกนี้ก็มีพลังระดับไร้เทียมทานแล้ว