ตอนที่ 860 นายทาสหญิง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ระดับ 1 ไม่ใช่จุดสูงสุด เหนือขึ้นไปก็คือบรรดาจอมทัพสวรรค์ สูงขึ้นไปอีกก็คือพลังของราชาแห่งทวยเทพ 

 

 

“ถ้านายอยากบำเพ็ญ” จางเว่ยอวี่ชำเลืองมองหลี่ว์ซู่ “นายต้องเข้าไปในวังของจอมทัพสวรรค์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกขุนนางให้พลังเหล่าทาสมากสุดก็แค่ระดับ 2 แล้วจะมีความหมายอะไร” 

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่ ใช้ได้นิ เขาก็มองการณ์ไกลเหมือนกัน 

 

 

“แต่เข้าวังนายต้องถูกจับตอน ฮิๆ ” จางเว่ยอวี่หัวเราะเจ้าเล่ห์ 

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจ “ตาย[1]?” 

 

 

จางเว่ยอวี่มองบน “ไร้การศึกษา ตอน คำว่า ‘ซื่อ’ ใน ‘ซื่อลี่'[2] แปลว่าจับตอน” 

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนเขาจะจำได้ว่าสมัยก่อนมีคำศัพท์พวกนี้  ชำระกาย เป็นขันที ทำหมัน… 

 

 

แต่แค่นี้จะบอกว่าเขาให้การศึกษาเลยหรอ เด็กเวรยังหลี่ว์ซู่รับคำดูแคลนอย่างนี้ไม่ไหว หลี่ว์ซู่เงียบไป 2 วินาที “ฉันเข้าใจคำว่าจับตอนแล้วนายเคยได้ยินคำว่า ‘ซื่อหรูพั่วจู๋'[3] ‘เหรินตัวซื่อจ้ง'[4] ‘ชวีเหยียนฟู่จ้ง'[5] ‘ซื่อปู้เหลี่ยงลี่'[6] พวกนี้ไหม…” 

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!] 

 

 

จางเว่ยอวี่สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เขาเห็นสำนวนพวกนี้ไม่ได้! 

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบลงเพราะใช้ความคิด โลกนี้มีบางอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับโลก รวมถึงสถานที่หมิงเยว่เยี่ยถูกกักขังแต่ยังหาทางเข้ามาที่โลกได้ เรื่องราวต่างๆ ขมวดปมอยู่ในใจของหลี่ว์ซู่ 

 

 

ให้ตอนนี้เองอยู่ๆ ก็มีเสียงควบม้าดังมาแต่ไกล จางเว่ยอวี่รีบลากหลี่ว์ซู่เข้ามาในนาแล้วกระซิบว่า “อย่าไปหาเรื่องนายทาสพวกนั้น!” 

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูอย่างเงียบๆ เสียงควบม้าดังมาจากทางเมือง ได้ยินมาว่าพวกนายทาสใหญ่อาศัยอยู่ในเมือง มีแค่ชาวนาที่อยู่ตามชนบท พื้นที่ในเมืองมีราคาสูงดั่งทองคำ การค้าต่างๆ ก็อยู่ในการควบคุมของพวกนายทาสและขุนนาง 

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่และคิดในใจว่าในโลกนี้มีแต่เจ้าพระยาและนายพลเท่านั้นที่จะเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือเปล่า 

 

 

จางเว่ยอวี่หัวเราะฮิๆ “ชนชั้นของสังคมนี้สูงสุดคือราชาแห่งทวยเทพ ต่อไปคือจอมทัพสวรรค์ ขุนนาง นายทาสน้อยใหญ่และชาวบ้าน ที่จริงราชาแห่งทวยเทพก็เหมือนกับนายทาสที่ใหญ่ที่สุด” 

 

 

จากคำพูดของจางเว่ยอวี่ก็แสดงว่าจอมทัพสวรรค์แต่ละคนจะมีทาสที่แข็งแกร่งที่สุดและมีวิชาที่แข็งแกร่งที่สุด ชนชั้นทางสังคมนี้ก่อเกิดตามธรรมชาติจากพลัง ผู้ที่มีพลังระดับ 2 คือขุนนาง ผู้ที่มีพลังระดับ 1 จะมีเพียงเหล่าจอมทัพสวรรค์และราชาแห่งทวยเทพ 

 

 

ระบบนี้ถ้าคิดจะปฏิวัติก็คงยาก เพราะพลังต่างไม่เท่ากันชัดเจน 

 

 

แต่ก็มีผู้ที่มีพรสวรรค์ นายทาสน้อยบางคนพัฒนาพลังสู่ระดับ 2 แต่หลังจากถูกเหล่าจอมทัพสวรรค์เกลี้ยกล่อมเป็นพวกกว่าจะได้รับฐานะใหม่ หลี่ว์ซู่ไตร่ตรองดูแล้วเห็นว่าพลังของเขาไม่ว่าจะเป็นแผนที่ดาราหรือหอกระบี่ต่างแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยระดับ a สามารถเอาชนะพลังเสินฉังจิ้งได้อย่างไม่มีปัญหา… 

 

 

ตอนนี้เขาจุดประกายไปถึงม่านเมฆาระดับ 4 จากทั้งหมด 7 ระดับก็มีพลังเป็นน้องแค่ระดับหนึ่ง ถ้าฝึกต่อไปอีกจะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้ 

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มความรู้สึกหลงเชื่อมั่นในตัวเองว่าจอมทัพสวรรค์ก็แค่นี้เอง 

 

 

ตามที่จางเว่ยอวี่บอก ขุนนางในจักรวาลหลี่ว์ให้ความสำคัญผู้มีความรู้ คล้ายกับสังคมระบบทาสสมัยโบราณที่บางคนสามารถเป็นอาจารย์ประจำครอบครัว ทาสที่มีการศึกษาบางคนมีค่าพอกับฟาร์มๆหนุึ่ง 

 

 

ระหว่างนี้มีทหารม้ากองหนึ่งวิ่งผ่านไป ม้าเหล่านั้นตัวสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเหมือนกับสัตว์กลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นที่โลก 

 

 

บนหลังมือของทหารม้าแต่ละคนล้วนมีตราประทับรูปดาบ มีท่าทางดุดันแต่สิ่งที่ทำให้หลี่ว์ซู่คาดไม่ถึงคือ 

 

 

ผู้นำกองทหารม้านั้นเป็นผู้หญิง 

 

 

จางเว่ยอวี่ดึงหลี่ว์ซู่มาแล้วพูดว่า “เลิกมองได้แล้ว!” 

 

 

ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นที่ม้าผ่านได้หันมาชำเลืองมองหลี่ว์ซู่และขี่ม้าต่อไป หลี่ว์ซู่กรมลงขุดดินต่อแต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ดึงบังเ**ยนม้าวกกลับมา 

 

 

จางเว่ยอวี่ก้มตัวลงต่ำชนแทบจะมุดลงไปในดินแล้วเพราะไม่อยากให้คนอื่นสนใจ 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและพูดว่า “จางเว่ยอวี่ ยังไม่คิดจะขายที่ของนายหรือ ฉันจะดูว่านายจะทนไปได้สักกี่น้ำ” 

 

 

จางเว่ยอวี่ก้มหน้านายยิ้มประจบ “ทนได้อีก 2-3 ปี” 

 

 

“ถ้านายยอมเป็นทาสฉัน ป่านนี้สบายไปแล้ว” หญิงคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

“ฉันว่าไม่เป็นทาสก็สบายดีอยู่แล้ว” จางเว่ยอวี่ถึงจะมีรอยยิ้มประจบแต่ในน้ำเสียงกลับไม่ยอมคน 

 

 

พี่คิดมาตลอดว่าจางเว่ยอวี่คนนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่เพียงแต่รู้หนังสือ ร่างกายอ่อนแอขนาดนี้แต่ก็ยังมีความกล้า ในยุคที่ชีวิตคนเหมือนผักปลากับไม่กลัวตาย 

 

 

“ดีมาก” ผู้หญิงคนนั้นบอกสายบังเ**ยนที่อยู่ในมือและยิ้ม “มีความกล้า ดีกว่าถ้าพวกนี้ซะอีก!” 

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไปครู่หนึ่ง แบบนี้เหมือนตบหน้าทาสพวกนั้นที่อยู่ข้างๆ เลย พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นหันมามองหลี่ว์ซู่ “นายมาจากไหนล่ะ” 

 

 

จางเว่ยอวี่รีบพูดขึ้นว่า “เป็นญาติห่างๆ ของฉัน ฉันเรียกเขามาช่วยงาน” 

 

 

“อ่อ” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า “หน้าตาไม่เลวนะยอมเป็นทาสใช่ไหม ฉันรับรองว่านายจะอยู่สุขสบายถ้ามาเป็นพวกฉัน” 

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปครู่หนึ่ง ถ้าคำพูดนี้เป็นผู้หญิงบนโลกพูดก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว… 

 

 

แต่ถ้าอยู่ในจักรวาลหลี่ว์ ก็คือยอมขายตัวเป็นทาสรับใช้ของแท้เลย… 

 

 

หลี่ว์ซู่ตอบกลับอย่างจริงจัง “ฉันต้องถามน้าฉันก่อน เรื่องใหญ่อย่างนี้ต้องให้น้าเป็นคนตัดสินใจ ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงดี” 

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +299!] 

 

 

เดิมทีจางเว่ยอวี่ว่าจะเป็นแค่ไทยมุงตอนนี้การมาพุ่งเป้าที่เขาแทน เห็นผู้หญิงตรงหน้ามีสีหน้าเคร่งขรึมลง จางเว่ยอวี่ก็เริ่มคุณคิดว่าจะโยนบาปยังไงดี “ไอ้เด็กโง่ ทางของตัวเองก็เลือกเองสิ ทางไหนเหมาะกับนายใครจะไปรู้ล่ะ” 

 

 

หลี่ว์ซู่หันมามองผู้หญิงคนนั้น “น้าฉันไม่อนุญาต” 

 

 

[ได้แต้มจากอวี่เตี๋ย +666!] 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นชื่ออวี่เตี๋ยยิ้มแล้วพูดว่า ” ดีมาก มีความกล้า” 

 

 

เธอหันมาพูดกับทาสข้างๆ ว่า “ถ่ายทอดคำพูดฉันให้นายถ้าคนอื่นว่า ฉันจองเขาไว้แล้วใครก็อย่ามาคิดแย่ง! กำไรของตระกูลอวี่ปีนี้จะมอบให้พวกเขา!” 

 

 

หลี่ว์ซู่ “…” 

 

 

ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริงๆ… 

 

 

รอจนทหารม้ากองนี้จะไปไกลแล้ว หลี่ว์ซู่ก็หันมามองจางเว่ยอวี่ด้วยความสงสัย จางเว่ยอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้เคยไปเรียนหนังสือที่วังของจอมทัพสวรรค์ ฉันไม่รู้ว่าเธอไปเรียนหลักคุณธรรมอะไรมา ยิ่งนายกล้าหาญมากแค่ไหนนายก็ยิ่งปลอดภัย พ่อของเธอตายในสนามรบตอนนี้เธอจึงเป็นเจ้าบ้านตระกูลอวี่” 

 

 

ดึกคืนนั้น หลี่ว์ซู่มือสั่นเทิ้มขณะที่ตักน้ำในโอ่งมาดื่ม 

 

 

นี่เป็นผลจากการใช้แรงกล้ามเนื้อมากจนเกินไป เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว ถึงขนาดไม่มีแรงหยิบของเบาๆ 

 

 

จางเว่ยอวี่เห็นหลี่ว์ซู่ก็หัวเราะเยาะ “ไม่เคยทำงานน่ะสิ วันนี้พักเถอะ อีกสัก 2-3 วันค่อยมาทำงานให้ฉัน ฉันไม่เลี้ยงคนไม่ทำงานนะ” 

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่แล้วก็ไม่พูดอะไร 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ตาย ในภาษาจีน คำว่า ตาย ออกเสียงพ้องกับคำว่า ตอน 

 

 

[2] ‘ซื่อลี่’ หมายถึง พลัง ในภาษาจีน 

 

 

[3] ’ซื่อหรูพั่วจู๋’ แปลว่า ชนะต่อเนื่อง ไร้อุปสรรค 

 

 

[4] ‘เหรินตัวซื่อจ้ง’ แปลว่า เหนือกว่าด้วยจำนวนและกำลัง 

 

 

[5] ‘ชวีเหยียนฟู่จ้ง’ แปลว่า คนที่ประจบประแจงผู้มีอำนาจ 

 

 

[6] ‘ซื่อปู้เหลี่ยงลี่’ แปลว่า ไม่ถูกกัน