ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 771

ในตอนนี้ภายในรถออดี้เอ6 เบาะหลังของรถมีร่างของบุคคลที่น่าเคารพกำลังนั่งอยู่

ทั้งสองคนอยากที่จะลุกขึ้นยืนเมื่อพวกเขาเห็นว่าฮาร์วีย์กำลังเปิดประตูรถ แต่พวกเขาก็ถูกหยุดไว้ก่อน

“ไปนั่งเถอะ”

ฮาร์วีย์โบกมือของเขา

ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างเรียบง่าย แต่เชลดอน ซาเวียร์ก็ยังให้คนขับรถขับเข้าไปในหน่วยราชการของเซาท์ไลท์และต่อมาพวกเขาจึงเข้าไปยังห้องด้านข้างเพื่อประชุมเป็นการส่วนตัว

สถานที่แห่งนี้ไม่ได้หรูหราแถมค่อนข้างเก่า แต่ชาที่เสิร์ฟโดยพนักงานกลับเป็นชาชั้นเลิศ

ฮาร์วีย์หยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาและจิบชาอย่างเรียบง่ายพร้อมกับกล่าว “ผู้อาวุโสซาเวียร์ ที่คุณต้องการพบผมมีเรื่องเร่งด่วนอะไรเหรอครับ?”

ในด้านของไคล์ ควินแลน ฮาร์วีย์เพียงแค่พยักหน้าให้เขาอย่างเรียบง่ายเพื่อเป็นการทักทาย

ไคล์ยิ้มและพูด “เจ้าชายยอร์ก ผมได้ยินมาว่าเมลิสซา ลีโอและคนอื่น ๆ ได้ออกไปจากเซาท์ไลท์แล้วและทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลยอร์กตอนนี้ได้ถูกโอนไปยังสกาย คอร์ปอเรชั่นแล้ว”

“เพราะฉะนั้นผู้ที่ดูแลตระกูลยอร์กอยู่ตอนนี้คือโยนาธาน ยอร์กใช่ไหมครับ?”

ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างเฉยเมย “ใช่”

เชลดอนกล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าชายยอร์กจะทำอะไรต่อไปเหรอครับ? คุณต้องการจะดำเนินการใด ๆ กับห้าตระกูลชั้นสูงหรือเปล่าครับ?”

ฮาร์วีย์ยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม “ผมมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายใหญ่ไนส์เวลล์”

“ถ้าอย่างนั้นก็สี่ตระกูล” เชลดอนดูเคร่งขรึม

“ถ้าใช่หรือไม่ใช่มันสำคัญด้วยเหรอครับ?”

ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

อยู่ ๆ เชลดอนก็พูดคำเหล่านั้นออกมา เป็นไปได้ไหมว่าผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเซาท์ไลท์จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วด้วย?

“ถ้าใช่ ช่วยเมตตาพวกเขาด้วยครับเจ้าชายยอร์ก”

เชลดอนถอนหายใจและจ้องมองไปยังไคล์

ไคล์หยิบเอากองเอกสารออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อยและวางเอกสารไว้ด้านหน้าของฮาร์วีย์

ฮาร์วีย์ค่อย ๆ ตรวจดูและกล่าว “ตลอดสามปีที่ผ่านมาบริษัทพวกนี้ดูเหมือนจะพัฒนาได้ดีนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

ไคล์ยิ้มอย่างขมขื่นและพูด “เจ้าชายยอร์กครับ ตระกูลเยตส์คือบ้านหลังแรกของภรรยาคุณ คีธ เยตส์มีลูกศิษย์ของเขามากมายในเซาท์ไลท์ ถ้าตระกูลเยตส์หมดอำนาจไปมันคงส่งผลกับการตัดสินใจของรัฐบาลบางส่วน”

“ส่วนในด้านของตระกูลร็อบบินส์ พวกเขาควบคุมอุตสาหกรรมด้านการธนาคารในเซาท์ไลท์อยู่!”

“ตระกูลคลาวด์ควบคุมโรงประมูลและห้างสรรพสินค้าในเซาท์ไลท์”

“แล้วยังไง?” ฮาร์วีย์ตอบอย่างนิ่งเฉย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา

ไคล์สูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าชายยอร์กครับ สี่ตระกูลชนชั้นสูงได้หยั่งรากลึกในเซาท์ไลท์มานานหลายปี ถ้าสองในสี่ของตระกูลเหล่านั้นหายไป มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่…”

“แต่ถ้าทั้งสี่ตระกูลไม่มีอำนาจคงเหลืออยู่อีกต่อไป ผมเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเซาท์ไลท์อย่างใหญ่หลวงและอาจจะกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศแถบนี้อีกด้วย!”

“วันนี้ผู้อาวุโสซาเวียร์และผมอยากจะขอร้องให้คุณปล่อยพวกเขาไปได้ไหมครับ? หรือจัดการกับพวกเขาอย่างช้า ๆ ได้ไหมครับ?”

“เพื่อให้เวลาพวกเราได้เตรียมการและรับมือกับมัน”

เชลดอนกล่าวเสริม “เจ้าชายยอร์ก พวกเราไม่ได้พยายามที่จะหยุดคุณ แต่พวกเราแค่อยากให้คุณมอบโอกาสให้กับพวกเรา”

“เพราะท้ายที่สุด ทั้งสี่ตระกูลก็มีความสำคัญต่อเซาท์ไลท์!”

“ความสำคัญเหรอ?”

ฮาร์วีย์หัวเราะ

“กับผมแล้วจะต้องไม่มีความเลวร้ายในเซาท์ไลท์ เพราะว่าผมคือเจ้าชายยอร์ก!”

“นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปสกาย คอร์ปอเรชั่นจะเริ่มดำเนินการ พวกคุณทั้งสองคนควรจะเตรียมตัวไว้”

เมื่อฮาร์วีย์พูดจบเขาก็ได้กลับออกไป

ปล่อยให้เชลดอนและไคล์มองหน้ากัน

พวกเขารู้ตัวตนของบุคคลคนนี้

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บัญชาสูงสุดและผู้บัญชาการลำดับสองของเซาท์ไลท์ แต่พวกเขายังไม่กล้าออกคำสั่งกับเขา พวกเขากล้าเพียงแค่ตั้งคำถามเท่านั้น

แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ…

“ผู้อาวุโสเวียร์ครับตอนนี้เราควรทำยังไงกันดีครับ?!” ไคล์ถามด้วยใบหน้ากังวล